บทที่ 6 หวั่นไหว

2771 Words
“ไม่ได้บ้าสักหน่อย” พึมพำเสียงแผ่วเบา อลินเสมองไปทางอื่นพร้อมกับยกมือข้างหนึ่งขึ้นลูบท้ายทอยด้วยความเขินอาย ลืมไปเสียสนิทว่าเคยพูดอะไรไว้ ไอ้คนที่บอกว่าจะเลิกชอบเขาก่อนหน้านี้ได้อันตรธานหายไปแล้ว “รู้ว่าฝนจะตกทำไมไม่ไปหาที่หลบฝนดีกว่านี้ แล้วทำไมไม่มาตามนัดหมอ” ก้มหน้างุด มาถึงก็ดุเธอเลย “อลิน...เธอนี่มัน” เขาว่าเสียงเข้มแถมยังทำหน้ายักษ์ใส่เธออีกด้วย “อึก ฉะฉัน...ไม่กล้าไปหาค่ะ คุณพ่อก็ไม่ว่าง ฉันก็เลย...ไม่อยากไปนี่” “แล้วมันสำคัญหรือไง! ไม่กลัวว่าแขนจะบิดจะเบี้ยวหรือไง หรือแค่เอา...” กลืนน้ำลายลงคอเมื่อเห็นว่าน้ำตาของเธอไหลออกมา อลินร้องไห้เพราะโดนดุ เขารัวคำพูดออกมาไม่หยุดเลย “หนู...” สะอื้นเบา ๆ งอแงงี่เง่าอย่างไม่ทราบสาเหตุ อลินเม้มริมฝีปากไว้จนกรามเล็กสั่นไหว เสียงฝนก็กระหน่ำลงมาไม่หยุด “หนูขอโทษ ฮืออ~” “_” แผ่นดินข่มเปลือกตาปิดลงพร้อมกับผ่อนลมหายใจออกมาหนัก ๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเธอก็แค่เด็กมีปัญหาคนหนึ่ง นี่แหละเด็ก ความคิดยังไม่เป็นระบบเลย เรียงลำดับความสำคัญไม่ได้เสียด้วยซ้ำ “มานี่” ใช้สองนิ้วคีบชุดนักเรียนสีขาวให้ขยับเข้ามาใกล้ ก่อนจะกางร่มขึ้นอีกครั้ง “อย่าเอาเฝือกไปโดนน้ำ” “ค่ะ...” ขยับเข้าใกล้จนตัวแนบติดกับเขา หัวใจกระหน่ำเต้นระรัวเมื่อได้กลิ่นน้ำหอมจากคนตัวโต ใบหน้าเล็กแอบอิงใส่แผงอกแกร่งโดยที่เขาไม่รู้ตัว หมอแผ่นดินกำลังพะวงกับสายฝนตรงหน้า “รีบเดินนะ” ว่าเสียงอ่อน กำชับให้เธอก้าวขาเดินไว ๆ อลินไม่ทันได้ตอบรับเขาก็ก้าวขาเดินแล้ว ชายหนุ่มโอบไหล่ของเธอไว้ ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ากำลังทำให้ใครคนนึงหัวใจเต้นแรง การกระทำไม่กี่อย่างของเขาทำให้เธอหวั่นไหว ...ด้วยความที่เธอขาสั้นกว่าเขามาก เลยยากที่จะเดินให้เร็ว ๆ ได้ดั่งใจ แผ่นดินโอบไหล่เล็กเข้าหาจนเหมือนกับว่าเขากำลังกอดเธออยู่ เด็กสาวตัวเล็กนิดเดียวแทบกลืนหายไปในอ้อมกอดของเขา “เดินเร็ว ๆ สิ” “คะ? อ้อ ค่ะ ๆ” ชายหนุ่มก้มหน้าลงมองเธอ เขาถอนหายใจเมื่อเห็นว่าอลินกำลังทำหน้าเคลิบเคลิ้มอยู่ ยัยบ้า... ด่าในใจเสร็จก็เดินต่อจนมาถึงหน้าโรงพยาบาลในที่สุด ผลั่ก! “อ๊ะ...” พอมาถึงใต้ถุนโรงพยาบาลเขาก็ผลักเธอออกอย่างแรงจนร่างเล็กเซถลา ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเธอกำลังเคลิ้มอยู่ “ทำไรนึกว่าฉันไม่รู้นะ” “ก็...แฮะ ๆ” เธอเขินจนแก้มแดง อลินทำให้คนตัวโตหมดคำจะพูด ก่อนที่เขาจะหมุนตัวเดินนำหน้า แต่สาวเจ้าก็ไม่เดินตามมา “มาสิ” “อ้อ...ค่ะ ๆ” ร่างเล็กรีบสาวเท้าเดินตามคนตัวโตเข้าไปในอาคาร ชายหนุ่มพยายามที่จะไม่สนใจเพื่อนที่ทำงานของเขาที่มองมา ข่าวลือที่ว่าคงลือกันอีกยกใหญ่ นึกโกรธตัวเองที่ใจไม่แข็งมากพอ แต่สุดท้ายแล้วคนไข้ก็ต้องมาก่อนเสมอ นอกเหนืออารมณ์และความรู้สึกส่วนตัวของตัวเอง ...พอมาถึงเขาก็ให้เธอนั่งลงที่เก้าอี้ตรงหน้าโต๊ะทำงาน แผ่นดินถอดเสื้อกาวน์ที่เปียกชุ่มออก ด้วยความที่เขาตัวใหญ่มาก พอเข้ามาอยู่ในร่มคันเดียวกันไม่ใครคนหนึ่งก็ต้องเปียก ซึ่งอลินไม่โดนน้ำฝนสักหยดเดียว “เอ่อ...ขอโทษนะคะ” ว่าเสียงอ่อน เสื้อเชิ้ตของเขาเปียกแนบลู่ไปตามกล้ามเนื้อแน่นหนัดของเขาจนคนเผลอมองลอบกลืนน้ำลายลงคอ อลินใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความเขินอาย “คุณหมอไม่เปลี่ยนเสื้อก่อนเหรอคะ” “ตอนแรกว่าจะไม่ แต่พอเห็นเธอมองฉันแบบนี้...ฉันว่าฉันต้องไปเปลี่ยนเสื้อ” ว่าเสร็จก็เดินออกจากห้องตรวจเพื่อไปเปลี่ยนเสื้อที่ห้องนอนเวร เด็กนี่ไม่รู้หรือว่าไม่ควรทำสายตาอ่านกินแบบนี้กับผู้ชาย และเป็นผู้ชายอย่างเขาอีกด้วย ...ทว่าพอเปิดประตูออกมาก็ต้องตกใจ “อุ้ย~” ทั้งเพื่อนแพทย์ ทั้งพยาบาลแตกกระเจิงทันที ทุกคนมาออกันหน้าห้องทำงานของเขาเพื่อแอบฟังหาเรื่องเม้าท์มอย “เฮ้อ...” ถอนหายใจพรืดใหญ่ เลื่อนสายตามองเพื่อนร่วมงานที่กำลังหยิบจับนั่นนี่ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ทั้ง ๆ ที่เขาเห็นกับตา “มันไม่มีอะไรเลยนะครับ ขอร้องว่าอย่าเอาไปพูดเลยครับ เด็กเสียหายได้นะครับ” ทุกคนค้อมศีรษะเบา ๆ ราวกับว่าตกลงว่าจะไม่เอาไปพูด แต่พอเขาเดินจากไปก็เริ่มจับกลุ่มกันอีกตามเคย ...ชายหนุ่มกลับเข้าห้องพักก่อนจะรีบเปลี่ยนเสื้อ เขาหงุดหงิดมาก ๆ แต่ก็พยายามใจเย็น บางครั้ง...เยาวชนก็ต้องการให้ใครสักคนสั่งสอนถึงจะกลายเป็นพลเมืองที่ดีในสังคมได้ ถ้าพ่อแม่ไม่ได้เรื่องก็ต้องช่วยกัน พอกลับมาที่ห้องตรวจก็เห็นอลินนั่งหนาวจนปากสั่นดังกึก ๆ เห็นอย่างนั้นก็ถึงกับต้องถอนหายใจออกมา แผ่นดินกลอกตามองบนก่อนจะถอดเสื้อกาวน์ยาวที่เพิ่งสวมใส่โยนให้เธอ พรึ่บ! “เอาไปใส่” เสื้อตัวหนาคลุมทั้งตัวเธอยังได้เลย อลินดึงเสื้อกาวน์ที่เขาโยนมานั้นออกจากใบหน้า ฉีกยิ้มให้เขาบาง ๆ พร้อมกับความคิดพิลึกพิลั่นในหัว หอมมาก เขาใช้น้ำหอมอะไรนะ นึกคิดในใจ แต่ก็ไม่กล้าถาม ไว้ไปตามหาในห้างสรรพสินค้าเองก็ได้ “ขยับมานั่งเก้าอี้ตัวนี้” ว่าเสียงเข้ม ใบหน้าบึ้งตึงบอกบุญไม่รับ เวลานี้เขาควรไปพักเพื่อเตรียมเข้าเวรดึก แต่ก็ต้องอุทิศตนให้กับคนไข้ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร “เวลาเกิดอะไรขึ้นมา ให้คิดถึงผลกระทบมาก ๆ ไม่ใช่เอะอะเอาแต่ใจ ถ้าเธอไม่พอใจสิ่งที่หมอพูด ก็เก็บเอาไว้ในใจ สิ่งที่เธอต้องกังวลคือแขนของเธอ เรียงลำดับความสำคัญให้ถูก” บ่นระหว่างที่กำลังถอดเฝือก แต่คนฟังก็เอาแต่มองหน้าของเขา “ค่ะ...ขอบคุณนะคะ” ใจของเธอฟูฟ่อง หัวใจกระหน่ำเต้นระรัวไม่หยุด ใบหน้าเล็กขึ้นสีแดงระเรื่อ “หมอไม่อยากตำหนิหรอก แต่เธอมาเวลานี้ นักรังสีเทคนิคก็ไปพักกันหมดแล้ว” ส่ายหน้าเบา ๆ มันอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องดุ ทำเอาเด็กสาวนั่งหนาหงอยในทันที “ปกติแล้วถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด 2-3 อาทิตย์ก็จะได้ถอดเฝือก แต่ระหว่างนี้ก็ต้องมาเอกซเรย์ติดตามตลอด เข้าใจไหม” “ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ จะไม่ทำแบบนี้อีกค่ะ” รีบตอบรับเสียงหนักแน่น อลินเม้มริมฝีปากระหว่างสบตากับเขา พยายามกลั้นรอยยิ้มไว้ในใจ “รอที่นี่ สักชั่วโมงหนึ่งจะติดต่อให้ไปเอกซเรย์” “ค่ะ” “มีอาการอะไรไหม เจ็บ ปวด ไหม” ส่ายหน้าเบา ๆ ให้เขาได้รู้ อลินรู้สึกหัวใจพองโต แม้จะรู้ว่าเขาแค่ทำตามหน้าที่ ไม่ได้ตั้งใจเอาใจใส่เธอ แต่สาบานเถอะถ้าเป็นคนอื่นมาทำอะไรแบบนี้ให้ เธอก็จะไม่รู้สึกอะไรเท่าคนนี้ บางอย่างในใจทำให้เธอไม่อยากทำตัวไม่น่ารักแบบนั้นแล้ว “คุณหมอคะ” เสียงของเธอทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมอง สบตากับเจ้าของนัยน์ตาคู่สวยทรงเสน่ห์ แผ่นดินลำคอเหนียวเหนอะหนะขึ้นมา กลืนก้อนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอด้วยความยากลำบาก ...เชื่อเถอะว่ามนุษย์ไม่ต่างจากสัตว์ แต่สิ่งที่จะทำให้ต่างคงหนีไม่พ้นความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ไม่มีทางคิดล่วงเกินสาวน้อยคนนี้แน่นอนแม้ว่าเธอจะให้ท่ามาก ๆ ดวงตาคมจ้องเขม็งไม่ยอมกะพริบเลยทีเดียว “ฉันขอโทษที่ตามคุณหมอแบบนั้นนะคะ แต่ฉัน...ชอบคุณหมอจริง ๆ” เธอว่าด้วยความบริสุทธิ์ใจ หากจะให้เลิกตามก็คงยาก “ตะแต่ว่าฉันจะไม่คุกคามคุณหมออีกแล้วค่ะ ระเรามาเป็นพี่น้องกันไหมคะ” “หึ...” เขาหัวเราะพร้อมกับส่ายหน้าเบา ๆ ชายหนุ่มไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเธอเลย เป็นแค่คนไข้กับคุณหมอก็พอแล้ว “หนูพูดจริง ๆ นะคะ” เธอว่าน้ำเสียงเศร้า ๆ เขาบอกอย่างชัดเจนว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอ แต่ว่าอลินอยากทำความรู้จักกับเขาบ้าง เผื่อว่าสักวันเขาจะมองเธอเป็นอีกแบบ ...นัยน์ตาสีดำนิลจ้องมองนิ่ง ไม่รู้ว่าเธอจะแทนตัวเองว่าหนูหรือฉันกันแน่ เขาชอบให้เธอแทนตัวเองว่าฉันเสียมากกว่า เรียกว่าหนูแล้วมันสยิวไงไม่รู้ ซึ่งความใจอ่อนทำให้เขาพยักหน้ารับเบา ๆ นึกสงสารเธอไม่น้อยที่ไม่ได้รับความใส่ใจจากที่บ้านเลย “เย่! ต่อไปนี้หนูขอเรียกพี่ว่าพี่หมอนะคะ แล้ว ๆ หนูจะไม่ตามพี่ตลอด” เธอว่าพร้อมกับอมยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ไม่ตามตลอดเท่ากับตามอยู่นะแต่ไม่ตลอด “แต่...ห้ามยุ่มย่าม เป็นน้องที่ดีก็พอ” “ค่ะ โอเคเลยค่ะ” ฉีกยิ้มกว้างโชว์เหล็กดัดฟันในปาก แม้นไม่ได้เป็นแฟน เป็นพี่น้องกันก็ยังดี แต่ถ้าในอนาคตค่อยเลื่อนสถานะก็ยังได้ อลินก็พอจะรู้ว่าอายุของเธอกับเขานั้นต่างกันมาก ไม่ง่ายเลยที่จะทำให้เขาใจอ่อน อย่างไรก็ดี...เธอก็หวังไว้ว่าสักวันจะได้เลื่อนขั้นกับเขา หลายวันต่อมา... คุณหมอแผ่นดินมีหมาที่บ้านชื่อลีโอ เป็นหมาพันธุ์โกลเดินตัวสีน้ำตาล คุณพ่อคุณแม่ของเขาเปิดคลินิกตรวจโรคทั่วไปหน้าบ้าน เขาชอบไปฟิตเนสที่ตั้งอยู่ทางด้านหลังโรงพยาบาล เที่ยวคลับบาร์แถวบ้าน ชอบกลับบ้านพักผ่อนอยู่ในสวนดอกไม้ นาน ๆ ทีเขาจะไปเที่ยวต่างประเทศ หมอแผ่นดินชอบกินกาแฟอเมริกาโน่ และเขามีคนที่ชอบอยู่แล้ว “เธอชื่อแพตตี้ค่ะ ได้ยินเพื่อนคุณหมอบอกนะคะว่าคุณหมอแผ่นดินชอบ” เปลือกตาบางกะพริบปริบ ๆ มองไปยังผู้หญิงคนหนึ่ง ได้ยินมาว่าเขามีคนที่ชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าจะสวยขนาดนี้ “แต่สบายใจได้ค่ะ เธอแต่งงานมีสามีแล้ว แล้วก็สามีของเธอเป็นเจ้าของโรงพยาบาลแห่งนี้ค่ะ” เสียงพี่ภัสสรดังอยู่เรื่อย ๆ ทั้งคู่สนิทสนมกันเพราะอลินชอบนำของมาติดศีลบน เพื่อที่จะให้พี่พยาบาลคอยส่งข้อมูลให้ ได้ยินอย่างนี้ก็ค่อยโล่งอก แต่ว่าผู้หญิงคนนี้น่าจะเป็นสเปกของหมอแผ่นดิน อ่อนหวานต่างจากเธอมากเลยทีเดียว “เธอทำอาหารเก่งและก็ชอบทำขนมมาแจกบุคลากรตลอดเลย ทั้งสวย ทั้งเก่ง แถมยังรวยมากอีกต่างหาก” อลินเม้มริมฝีปากเข้าหากัน เธอยิ้มออกมาน้อย ๆ อันที่จริงก็คิดว่าตัวเองก็สู้ได้แหละ แต่ปัญหาคือเขาไม่รักน่ะสิ “แล้วตอนนี้...” เอ่ยเพียงนิดพี่พยาบาลก็รู้ว่าเธอต้องการอะไร “คุณหมอเข้าผ่าตัดค่ะ” ใบหน้าเล็กพยักรับหงึกหงัก ผ่านมาสองอาทิตย์แล้วกับการเลื่อนสถานะมาเป็นน้องสาวของเขา แต่เธอก็ไม่ละความพยายาม ค้นหาสิ่งที่เขาชอบไม่หยุด “ฉันพยายามไปหาน้ำหอมกลิ่นเดี๋ยวกันกับพี่หมอ แต่หาเท่าไรก็ไม่ได้กลิ่นเดียวกัน” ว่าน้ำเสียงเศร้า ๆ “ไม่ลองถามเลยล่ะคะ” ทั้งคู่นั่งเม้าท์มอยตามประสาที่ศาลาหน้าโรงพยาบาล ซึ่งภัสสรเลิกงานพอดี “ถามเหรอ...ไม่เอาหรอกค่ะ เดี๋ยวเขาจะโกรธแล้วก็ไล่ฉันค่ะ ฉันอยากอยู่ใกล้ ๆ เขาไม่ว่าสถานะไหนก็ได้” ว่าด้วยรอยยิ้ม เด็กสาวชอบเขามากจนเก็บเอาไปเพ้อ แต่วันนั้นที่โดนเขาดุมาก็ทำให้รู้ว่าตัวเองอยากทำความรู้จักกับเขา แม้จะไม่ได้ครอบครองก็ตาม “ค่ะ แต่ว่าพี่ว่านะ...ถ้าตอนที่หนูเรียนจบแล้ว คุณหมอยังโสด พี่ว่า...ยังง๊ายยังไงหมอแผ่นดินต้องตกหลุมรักบ้างแหละ” อลินหัวเราะในทันที คำพูดของพี่ภัสสรดีอยู่หรอก แต่มันง่ายซะที่ไหนล่ะ “ฮ่า ๆ ขอให้เป็นอย่างนั้นนะคะ” ว่าปนหัวเราะ ก่อนที่ภัสสรจะก้มดูนาฬิกาบนข้อมือของตัวเอง “ต๊ายแล้ว พี่ต้องกลับก่อนนะคะ” อลินได้ยินอย่างนั้นก็ลุกขึ้น หยิบเอาถุงกระดาษที่ภายในบรรจุลิปสติกแบรนด์หรูออกมา “นี่ค่ะ” “อะไรกันคะเนี่ย พี่เกรงใจนะคะ” ถึงปากจะว่าอย่างนั้นแต่ฝ่ามือของภัสสรก็ยื่นไปรับถุงกระดาษมาถือไว้ “ต๊าย ๆ ลิปสติกคอลเลกชันใหม่พอดีเลย ไม่คิดว่าหนูจะซื้อมาให้” “ค่ะ ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ” “ฮ่า ๆ จริง ๆ พี่ก็เต็มใจให้แหละ แต่ถ้าน้องให้พี่ก็จะรับไว้” ว่าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม โบกมือลาสาวน้อยหย็อย ๆ ก่อนจะเดินจากไป ...อลินมองหน้าโรงพยาบาลด้วยใจที่ห่อเหี่ยว ก่อนจะเดินเข้าไปในร้านกาแฟหยิบเอาหนังสือเรียนมาอ่าน ช่วงนี้ต้องทำคะแนนสอบให้ได้เยอะ ๆ และต้องเก่งกว่าพี่ชายฝาแฝดอย่างอลันให้ได้ อย่างน้อยก็ทำให้พ่อกับแม่เอ่ยชมเธอบ้าง เด็กสาวสั่งน้ำหวานพร้อมกับนั่งอ่านหนังสือที่คาเฟ่หน้าโรงพยาบาลนานสองนาน ปากกาสีสันสดใสค่อย ๆ จดใส่สมุดโน้ต พร้อมกับเปิดไอแพดไปด้วย เด็กสาวนั่งอ่านหนังสือจนลืมดูเวลา “เอ่อ คุณครับ ร้านปิดแล้วนะครับ” เสียงเอ่ยพูดของพนักงานทำให้อลินเงยหน้าขึ้นจากหนังสือ ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองข้างนอกผ่านบานกระจก “โอ๊ะ! มืดแล้ว” เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ รีบเก็บข้าวของลงกระเป๋าผ้าข้างกาย ก่อนจะลุกขึ้นยืนพร้อมกับยื่นเงินให้กับพนักงาน "ขอโทษด้วยนะคะ" ดูเหมือนว่าพนักงานจะรอเธอเพียงคนเดียวจึงจะเก็บร้านได้ ร่างบางรีบเดินออกจากคาเฟ่ มองดูโทรศัพท์ก็เห็นว่าแม่โทรหาหลายสาย “โอ๊ย! โดนด่าแน่เลย” บ่นกับตัวเอง ยกมือขึ้นโบกแท็กซี่โชคดีที่มีแท็กซี่จอดให้ “ไปแถวXXไหมคะ” “ไม่ครับ ทางนั้นรถติดจะตายครับ” ใบหน้าเล็กหม่นหมองเมื่อได้ยินอย่างนั้น ก่อนจะงับประตูรถแท็กซี่ลงเหมือนเดิม ผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ เวลานี้ก็สามทุ่มแล้ว ไม่รู้ว่านั่งไปได้ยังไงนานขนาดนั้น ทว่าขณะนั้นเอง ปิ๊ด! “อ๊ะ!...” เสียงบีบแตรทำให้ร่างบางสะดุ้งโหยง เธอหันขวับไปมองก็เห็นรถคุ้นตา เด็กสาวแอบรู้มาว่าหมอแผ่นดินขับรถอะไร “พี่หมอ...” ใจเต้นตึกตักรีบเดินไปที่ประตูรถ เขาเลื่อนบานกระจกลงพร้อมกับขมวดคิ้วมุ่น “มาทำไรแถวนี้มืด ๆ ค่ำ ๆ” เด็กนี่...หนีออกจากบ้านหรือไง ชายหนุ่มสงสัยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร “อ้อ คือว่ามาอ่านหนังสือที่ร้านกาแฟที่นี่ค่ะ เขาบอกว่าร้านกาแฟที่นี่เค้กอร่อยมากค่ะ” โกหกออกไป อลินไม่อยากให้เขาคิดว่าเธอมาหาเขา “จริงเรอะ เค้กร้านนี้ห่วยแตกจะตาย เธอไปอ่านรีวิวจากไหนมากันล่ะ” เขาว่าพร้อมกับหัวเราะ เด็กน้อยคงไม่รู้เรื่องเลยโดยรีวิวหลอก “แล้วทำไมไม่กลับ” “หือ อ้อ ไม่มีแท็กซี่รับเลยค่ะ” เมื่อครู่เขาก็พอเห็นว่าเธอเรียกแท็กซี่แต่แท็กซี่ก็ไม่รับอย่างที่ว่า “งั้น มา...หมอไปส่ง” ใจเต้นตึกตัก อลินกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ตกใจไม่คิดว่าเขาจะพูดอย่างนี้ “ขึ้นมาสิ” “อ้อ ค่ะ ๆ” รีบวิ่งอ้อมรถไปขึ้นอีกฝั่งหนึ่งข้าง ๆ เขา อลินเม้มริมฝีปากกลั้นยิ้มไว้ในใจ รู้สึกดีใจจนใจเต้นตึกตักอย่างหักห้ามไม่อยู่ แผนเข้าใกล้เขา...สำเร็จแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD