ตอนที่ 9 คุณเป็นของผม

1931 Words
โทรศัพท์มือถือที่วางเอาไว้ที่โต๊ะข้างเตียงสั่นเตือนสายโทรเข้า คนที่เพิ่งอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดนอนกระโปรงแบบเสื้อเชิ้ตสีขาวรีบเดินมารับทันก่อนที่สายจะตัดไปพอดี “สวัสดีค่ะ” “ทำไมรับช้าจัง คุยกับใครอยู่” “คุณตุลาหรอคะ” “ใช่ คุณยังไม่ได้บันทึกเบอร์ผมอีกหรือ” เธอยังไม่ได้กดบันทึกเบอร์โทรของเขา เพราะไม่คิดว่าเขาจะโทรเข้ามาจริงๆ ด้วยซ้ำ “เอ่อ ยังค่ะ” “แล้วตกลงว่าคุยกับใครอยู่ ไอ้นุหรอ” เขายังไม่ลืมประโยคคำถามที่ได้ถามไปก่อนหน้า “เปล่าค่ะ ฉันเพิ่งอาบน้ำเสร็จ” “ปกติคุยกับไอ้นุกี่โมง” “คุณตุลาคะ นี่มันเรื่องส่วนตัวของฉันนะคะ คุณโทรมามีอะไรหรือเปล่า” “มี ผมจะโทรมาบอกว่า แม่ของผมให้ไปรับไปส่งคุณทุกวัน พรุ่งนี้ลงมารอที่ล็อบบี้ตอนแปดโมงเช้านะ” ที่ไหนกัน ไม่ได้มีแม่เขา หรือแม่เธอ สั่งอะไรแบบนี้ทั้งนั้น แต่เขากลับโมเมใช้แม่เป็นข้ออ้าง ซึ่งยังไงคนอย่างเธอที่ขี้เกรงใจผู้ใหญ่ก็ไม่มีวันปฏิเสธง่ายๆ แน่ “แต่ว่าฉันขับรถไปเองได้ค่ะ สะดวกกว่าด้วย ตอนเย็นถ้าคุณต้องไปเดตกับสาวๆ จะได้ไม่ต้องวุ่นวายมาส่งฉัน และฉันไม่ชอบนั่งแท็กซี่ค่ะ” “คงไม่ได้ครับ เพราะแม่ของเราคุยกันแล้วว่าอยากให้เรามีเวลาศึกษากันให้มากขึ้น และใช้เวลาอยู่ด้วยกันเยอะๆ ผมเองก็ไม่อยากจะขัดใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ เอาตามนี้นะครับ ผมจะไม่ไปเดตกับใคร ตราบใดที่ยังดำรงตำแหน่งว่าที่เจ้าบ่าวของคุณอย่างตอนนี้ โอเคไหม ส่วนคุณก็ห้ามไปไหนมาไหนกับไอ้นุอีกเด็ดขาด ผมไม่ชอบความรู้สึกเหมือนโดนหักหลัง” ชายหนุ่มร่ายยาว เขายอมเสียสละความสุขส่วนตัวเรื่องการออกเดตและระเริงรักกับสาวๆ เพื่อภารกิจนี้โดยเฉพาะ จนกว่าจะได้ข้อสรุปของเรื่องเธอกับเขา “แต่เราไม่ได้เป็นอะไรกัน” “ถ้าตัดเรื่องเหตุผลบ้าบออะไรของคุณทิ้งไป ทางกายภาพของเรา คุณเป็นของผมแล้ว ผมเป็นผู้ชายคนแรกของคุณ และตราบใดที่เรายังหาข้อสรุปไม่ได้ว่าเราต้องแต่งงานกันจริงๆ ไหม ผมคงยอมให้คุณไปเดตหรือไปนอนให้ผู้ชายคนอื่นทับรอยผมไม่ได้” “ฉันไม่ได้สำส่อนแบบนั้น” “ผมรู้ว่าคุณไม่สำส่อน แต่คุณชอบประชดประชัน ประชดจนเสียซิงให้ผมนี่ไง และผมจะไม่ยอมเสี่ยง เพราะฉะนั้นเชื่อฟังผม ถ้าคุณไม่เชื่อฟัง ไม่ทำตาม ผมจะบอกเรื่องของเราในคืนนั้นให้แม่คุณและแม่ผมรู้ แน่นอนว่างานแต่งงานจะจัดรอคุณภายในระยะเวลาไม่ถึงเดือนแน่ๆ คุณจะลองดูไหม” “คุณขู่ฉันหรอคะ” “ครับ ผมขู่ ถ้าคุณไม่กลัวก็ตามใจครับ” เธอเงียบไปครู่หนึ่ง พยายามปรับลมหายใจให้เป็นปกติ ถ้าเขาอยู่ตรงหน้าคงมีการกระโดดกัดหูกันบ้าง คนอะไรเผด็จการและเอาแต่ใจตัวเองชะมัด “ค่ะ พรุ่งนี้แปดโมง ฉันจะลงไปรอที่ล็อบบี้ และจะไม่ออกไปไหนกับพี่นุอีก โอเคไหม” “โอเคครับ นี่คุณจะนอนหรือยัง” “จะนอนแล้วค่ะ เมื่อยเท้า เหนื่อยมาทั้งวัน เมื่อคืนก็แทบไม่ได้นอน” “หึหึ ขอโทษนะครับ ที่ผมกินมูมมามแบบนั้น งั้นนอนเถอะ ไม่ต้องวางสายนะ” “อะไรคะ ไหนบอกให้นอนไง ทำไมไม่วางสาย” “ก็ถ้าผมวางสายไป เกิดคุณโทรหาไอ้นุจะทำไง แบบนี้นี่แหละดีแล้ว” คนขี้หวงแบบไม่รู้ตัวจินตนาการเป็นฉากๆ ว่าถ้าวางสายจากเขา เธอจะโทรไปออดอ้อนออเซาะไอ้นุเพื่อนรัก ยิ่งตอนนี้เธอแยกตัวออกมาอยู่คนเดียวแล้ว เป็นโอกาสดีให้ผู้ชายคนอื่นย่องมาหาเธอดึกๆ ดื่นๆ และเขาจะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นแน่ๆ “ค่าโทรศัพท์จะขนาดไหนเนี่ย จะบ้าหรือเปล่า” “ผมรวย มีปัญญาจ่าย” “บ้า มันใช่เรื่องไหม ถ้าจะต้องโทรทั้งคืนให้ได้ก็แอดไลน์มาค่ะ โทรไลน์ไม่เสียเงิน คนรวยๆ นี่เขาใช้เงินฟุ่มเฟือยโดยใช่เหตุจริงๆ เลยนะคะ” “ครับ เดี๋ยวผมโทรไปนะ” แล้วคืนนั้นทั้งคืน หนุ่มสาวก็อยู่ในสาย นอนฟังเสียงลมหายใจของกันและกันจนเคลิ้มหลับไป จนเช้าเธอจึงกดวางสายและรีบอาบน้ำเตรียมตัวลงไปรอเขาที่ล็อบบี้ของคอนโดตามบัญชาของคนเผด็จการ เขากับเธอเดินเคียงคู่กันผ่านเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของบริษัทแล้วพากันแหวกฝูงชนของพนักงานเข้าไปในลิฟต์ของผู้บริหาร เธอเดินทิ้งระยะห่างพอควรเพราะไม่อยากให้คนที่มองจับจ้องมายังเธอและเขาเข้าใจผิดและอาจนำไปเม้ากันจนทั่วบริษัท “ทำไมยืนห่างผมเป็นกิโล กลัวโดนกัดคอหรือไง” กลัวสิ เมื่อวานตอนอยู่ด้วยกันตามลำพังเขาก็เกือบจะกัดคอเธออีกแล้วไม่ใช่หรอ รอยเดิมยังไม่ทันจางจนต้องทารองพื้นมาหนาๆ เพื่อกลบเกลื่อนอยู่นี่เลย แต่จะให้ตอบแบบนั้นหรือแสดงท่าทีตื่นกลัวชายหนุ่มที่มีพลังดึงดูดทางเพศอย่างเขาออกไปก็กลัวที่จะเสียฟอร์ม สาวที่พยายามจะทำตัวมั่นๆ อย่างเธอเลยต้องเบี่ยงเบนประเด็นไปเรื่องเกี่ยวกับชื่อเสียงของเธอแทน “กลัวโดนนินทาค่ะ คุณดูสิ พนักงานของคุณมองเราตาแทบถลน เรามาด้วยกันกลับด้วยกันทุกวัน คนต้องเอาไปเม้าแน่ว่าฉันเป็นเด็กของคุณ” เด็กของคุณ คำนี้ทำเอาเขาต้องระบายยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ รู้สึกหัวใจเต้นและแรงกระปรี้กระเปร่าจริงๆ ที่รู้สึกว่าเธอเป็นของเขา..ทั้งตัว ดวงตาคมกริบมีเสน่ห์จ้องมองไปที่ดวงตากลมโตของเธอราวกับต้องการสะกดจิตเธอให้ตกอยู่ในภวังค์ของเขา ซึ่งมันก็ได้ผลเมื่อเธอมองจ้องลงไปในดวงตาคมกริบแวววาวคู่นั้นดั่งต้องมนต์ “ก็เรื่องจริงนี่ คุณเป็นของผม” พูดจบประตูลิฟต์ก็เปิดในชั้นที่ต้องการ เขาเดินออกไปทันทีทิ้งไว้เพียงเธอที่ยืนอึ้งไปชั่ววินาที ก่อนจะได้สติแล้วรีบวิ่งตามเขาออกไป “เพิร์ลครับ รบกวนสอนงานเลขาให้ลูกแก้วแบบเร่งรัดโดยเร็วที่สุดเลยนะครับ หลังจากนี้ผมจะสอนงานเธอเอง” “ได้ค่ะ คุณตุลา” เมื่อคล้อยหลังเขา พราวมุกก็เร่งสอนงานให้กับเลขากิตติมศักดิ์ของเจ้านายหนุ่มทันที ช่างโชคดีที่เลขาเด็กฝากคนนี้เรียนเก่ง หัวดี มีไหวพริบเป็นเลิศ สอนแค่ไม่เท่าไหร่เธอก็เข้าใจและนำมาประยุกต์ใช้จนสามารถทำงานได้อย่างคล่องแคล่ว ผิดกับเด็กฝากหลายๆ คนที่พราวมุกเห็นมา “วันนี้น้องลูกแก้วเรียนงานทุกอย่างที่เราต้องทำครบหมดแล้วนะคะ” “หมดแล้วหรอคะพี่เพิร์ล” “ค่ะ ทั้งหมดก็ประมาณนี้ อีกอย่างน้องลูกแก้วฝึกงานตำแหน่งเลขามาแล้วเลยเข้าใจคอนเซปต์งานดี ทุกอย่างเลยยิ่งไวค่ะ ไฟล์งานเก่าๆ ทุกงานอยู่ในคอมพิวเตอร์ น้องลูกแก้วเอาไปต่อยอดและใช้เป็นตัวอย่างได้เลย ส่วนเรื่องอื่นๆ ของบริษัททั้งหมด คุณตุลาจะเป็นคนสอนเองค่ะ” “คุณตุลาสอนเองเลยหรอคะ ทำไมไม่ให้พี่เพิร์ลสอนเลยล่ะคะ” คนสวยยิ้มแหย ไม่อยากเรียนรู้งานตัวต่อตัวกับเขาเลย นอกจากดวงตาคมกริบมีเสน่ห์นั่นจะชอบจ้องมองมายังเธอแล้ว เวลาอยู่ใกล้เขา เธอมักจะใจสั่น ไม่เป็นตัวของตัวเอง จนต้องพยายามทำตัวเป็นสาวมั่นช่างเถียงเพื่อกลบเกลื่อนความประหม่าทุกที “ใช่ค่ะ ท่านสั่งมาแบบนั้น” “เซ็งเลย นึกว่าได้อยู่ห่างๆ กัน” “ท่านไม่ใช่คนดุหรอกนะคะ ใจดีจะตายไป” “ไม่ดุแค่กับพี่เพิร์ลสิคะ กับลูกแก้วจ้องหน้าทีทำเหมือนลูกแก้วสร้างเรื่องไม่พอใจให้มาตั้งแต่ชาติปางไหน ก็คงไม่แปลกหรอกค่ะ พี่เพิร์ลก็รู้นี่คะว่าป้าเกศบังคับให้รับลูกแก้วมาทำงานด้วย เด็กฝากก็แบบนี้ เขาคงไม่ค่อยชอบใจ ไหนจะเรื่องอื่นๆ ที่แม่เราทั้งคู่บังคับให้ทำอีก หึ นึกว่าลูกแก้วอยากมาทำงานที่นี่ อยากแต่งงานกับเขานักนี่” สาวน้อยบ่นไปย่นจมูกไปจนพราวมุกนึกเอ็นดู เธอรู้อยู่แล้วว่าแก้วกัญญาคือเด็กฝาก แต่เธอทั้งเก่งและหัวไวขนาดนี้ ไม่มีอะไรที่น่ารังเกียจ มันสามารถลบข้อครหาของเด็กฝากได้ทั้งหมด ส่วนเรื่องที่ทั้งคู่โดนจับหมั้นหมายกันเธอก็พอจะดูออก แม้เจ้านายหนุ่มไม่ได้บอก แต่เพราะคุณนายเกศกลมพยายามพาหญิงสาวที่สวยขนาดนี้มาอยู่ใกล้เขา คงเป็นอะไรไปไม่ได้เลย นอกจากสาวน้อยคนนี้คือว่าที่ลูกสะใภ้เท่านั้น เมื่อนึกได้ว่าหลุดปากพูดอะไรไปเธอก็รีบยกมือขึ้น ปิดปากในทันที แต่มันไม่ทันแล้ว พราวมุกได้ยินไปจนหมดแล้ว “อุ๊ย ขอโทษค่ะ ลูกแก้วพูดจาเพ้อเจ้อ เอ่อ พี่เพิร์ลกับ คุณตุลา เอ่อ ชอบกันหรือเปล่าคะ” เพราะรู้ว่าตุลาชอบเลขาหน้าห้องแน่นอน แต่ที่ไม่รู้คือพี่สาวคนสวยคนนี้มีใจให้เขาหรือไม่ ถ้าทั้งคู่มีใจให้กัน เรื่องแต่งงานของเธอกับเขาคงไม่มีวันเกิดขึ้นแน่นอน “เอาอะไรมาสงสัยแบบนั้นคะ พี่ไม่ได้ชอบคุณตุลาค่ะ เราเป็นแค่เจ้านายกับลูกน้องกันเท่านั้น” “แต่คุณตุลาเขาชอบพี่นี่คะ” แก้วกัญญาถามหน้าซื่อ พลางเอียงคอมองสาวสวยใจดีตรงหน้าแบบหาข้อจับผิด “พี่มีสามีแล้วค่ะ ลูกของพี่สามขวบแล้ว ที่พี่ลาออกเพราะจะย้ายไปอยู่กับสามีที่ต่างประเทศค่ะ พี่กับคุณตุลาไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆ ค่ะ สบายใจได้ คุณตุลาท่านก็ดีกับลูกน้องแบบนี้ทุกคนแหละค่ะ ไม่ต้องคิดมากนะคะ” “พี่มีลูกมีสามีแล้วหรอคะ ถึงว่า คุณตุลาถึงทำหน้าตาเหมือนอยากตายนักในคืนนั้น” “คืนไหนคะ” “เอ่อ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ลูกแก้วก็พูดเรื่อยเปื่อย แต่ยินดีด้วยนะคะที่จะได้ไปอยู่กับลูกและสามี พี่ต้องมีความสุขมากแน่ๆ” “ขอบคุณมากค่ะ น้องลูกแก้วอยู่ที่นี่ก็ขอให้มีความสุขนะคะ คุณตุลาเป็นคนดี ใจดี แล้วก็น่ารักมาก น้องลูกแก้วโชคดีแล้วค่ะ” แก้วกัญญามองสบตากับเลขารุ่นพี่ ซึ่งเธอก็มองมาด้วยแววตารู้ทัน จนสาวน้อยแก้วกัญญาต้องหลบสายตาวูบ อดที่จะเขินอายไม่ได้เหมือนกันกับสายตานี้ ทำเหมือนกับว่าเธอชอบคุณตุลาจอมเผด็จการนั่นอย่างไรอย่างนั้น ถึงเขินกับคำพูดและสายตารู้ทันของพราวมุก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD