“ก็คุยๆ กันอยู่ค่ะ”
กรามแกร่งขบกัดกันแน่น ว่าแล้วว่าสวยๆ อย่างเธอ เป็นไปไม่ได้ที่คนอย่างไอ้ภานุนักรักจะปล่อยให้หลุดลอยไปได้ แต่ที่น่าแปลกคือทำไมมันปล่อยให้เธอยังซิง จนหลุดมาถึงมือของเขา
“คุยๆ กันนี่คือขั้นไหน เป็นแฟน หรือเป็นผัว”
แก้วกัญญาตวัดดวงตากลมๆ นั้นมองเขาตาเขม็ง มันไม่ได้ดูดุดันอะไรอย่างที่เธอต้องการให้เป็นเลย แต่มันกลับน่ารักน่ากระแทกให้ร้องครางเสียงหลงมากกว่า
“จะบ้ารึไง ถ้าพี่นุเป็นผัวฉัน แล้วเมื่อคืนคุณจะได้ทำลายพรหมจรรย์ฉันไหมล่ะ ถามอะไรบ้าๆ”
“หึ จริง เพราะฉะนั้น ไอ้นุไม่ใช่ผัวคุณ แต่เป็นผมสินะที่เป็นผัวคุณ”
“บ้า ไม่มีใครเป็นผัวฉันทั้งนั้นค่ะ แล้วก็เลิกพูดเรื่องนี้เสียที เรากำลังสัมภาษณ์งานกันอยู่นะคะ”
“ผมจะสัมภาษณ์ในทุกเรื่องที่ผมอยากจะรู้เกี่ยวกับเลขาของผม ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว”
เธอตวัดสายตามองเขาอย่างไม่พอใจอีกแล้ว แต่มันยิ่งทำให้เขารู้สึกอยากจะหยิกแก้มนุ่มๆ หอมๆ นั้นจริงๆ
“แล้วมันรู้หรือยัง ว่าคุณต้องมาทำงานกับผม”
“ยังค่ะ ว่าจะบอกคืนนี้”
“คืนนี้หรอ คุยกันทุกคืนหรือไง”
“ก็คุยสิคะ พี่เขาจีบฉันอยู่นี่”
คิ้วเข้มขมวดมุ่น นึกไม่พอใจที่คนตัวบางแสนหวานมีคนคุยด้วยทุกคืน ที่สำคัญไอ้หมอนั่นมันทั้งหล่อ ทั้งรวย แถมยังมีเสน่ห์ดึงดูดสาวๆ ไม่ต่างจากเขาเลย
“หึ ทั้งๆ ที่คุณกำลังจะต้องแต่งงานกับผมนี่นะ ยังมานอนคุยโทรศัพท์ให้ผู้ชายคนอื่นจีบอีกหรอ”
“ทำไมจะไม่ได้ ก็คุณบอกเองว่าเราจะไม่ต้องแต่งงานกัน คุณสามารถปฏิเสธป้าเกศได้ไง”
“แม่ผม ผมปฏิเสธได้ แล้วแม่คุณล่ะ ผมจะปฏิเสธได้หรือเปล่า ถ้าเกิดแม่คุณไม่พอใจ จนโกรธตัดเพื่อนทะเลาะกับแม่ผมขึ้นมา คุณจะทำยังไง อยากให้เป็นแบบนั้นหรอ เขาคบกันมาตั้งแต่เรายังไม่ตายจากชาติที่แล้วด้วยมั้ง จะให้มาพังเพราะเด็กอย่างเราหรือไง”
เขาใส่อารมณ์กับเด็กที่พูดไม่รู้เรื่อง แถมยังไม่รู้จักคิด คิดเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว ไม่สนใจความสัมพันธ์ของคนรุ่นแม่ที่มีมานานว่าจะต้องมาพังทลายเพราะเด็กอย่างพวกเขาเลย มันน่าตีให้ก้นลายจริงๆ
“อ้าวคุณ งั้นไม่มีอะไรมาการันตีได้เลยหรือไง ว่าเราไม่ต้องแต่งงานกันน่ะ”
“ทางผม มี ทางคุณ ไม่มี”
“แต่ว่า..”
“แล้วเรื่องนี้มันก็อยู่ที่ฝ่ายหญิง ถ้าแม่คุณไม่ยอม ก็ต้องแต่ง จบนะ ลูกแก้ว”
อ้าว เห้ย ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่หว่า เธอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ กับความแน่นอนในความไม่มีอะไรแน่นอน นั่นคือ มันแน่นอนว่าแม่ของเธอจะไม่มีทางยอม โดยไม่ต้องพยายามจะพูดจาหรือมีความหวังอะไรกันทั้งสิ้น และถ้าเขาจะไม่หักหาญน้ำใจผู้ใหญ่ นั่นก็แปลว่าเธอต้องแต่งงานกับเขาอย่างแน่นอน จบสิ้นชีวิตวัยสาวของเธอ
“งั้นก็คงต้องปล่อยไปตามเวรตามกรรมค่ะ ถ้าคุณมีคนรักก่อน หรือฉันมีคนรักก่อน เราอาจจะรอด ให้เป็นอีกความหวังของเราแล้วกันนะคะ”
คนหล่อคิ้วกระตุก ดวงตาคมดุวาบขึ้นทันทีที่เธอพูดคำนี้ออกมา แสดงว่าที่คุยกับไอ้ภานุเพื่อนรักของเขา ที่ยอมให้มันจีบนี่ก็แสดงว่าชอบมันจริงๆ สินะ ถึงคิดถึงขั้นจะมีแฟนหนีงานแต่ง ฝันไปเถอะ ถ้าเขาไม่ยอม อย่าหวังว่าเธอจะไปคบกับผู้ชายคนอื่นได้เลย แม้คนนั้นมันจะเป็นเพื่อนรักของเขาก็ตาม
“จะเป็นแฟนกับไอ้นุหรอ”
“เรื่องส่วนตัวค่ะ ฉันคงไม่จำเป็นต้องตอบ”
“คุณเพิ่งจบใหม่ ยังไม่มีประสบการณ์ ควรตั้งใจทำงานและทุ่มเทเวลาให้กับงานอย่างเต็มที่ ไม่ควรว่อกแว่กไปกับเรื่องอื่น เพราะฉะนั้น ผมขอสั่งห้ามไม่ให้คุณมีแฟน จนกว่าคุณจะทำงานเก่ง ดังนั้น เลิกคุยกับไอ้นุได้แล้ว ผมจะโทรหาคุณทุกคืน เพื่อสอนงานคุณเพิ่มเติม และป้องกันไม่ให้คุณทำผิดกฎที่ผมตั้งขึ้นด้วย”
พูดจบก็ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาบันทึกเบอร์โทรศัพท์มือถือของเธอจากแฟ้มประวัติส่วนตัวในมือ แล้วกดโทรออกหาเธอทันที
“เบอร์ผม บันทึกด้วย”
“เดี๋ยว คุณ นี่มันอะไร มันไม่มากไปหรอคะ”
“ผมคือท่านประธาน คือเจ้านายคุณ คือคนตั้งกฎ และคุณที่เป็นเลขานุการ มีหน้าที่ตอบสนองคำสั่งของผม 24 ชั่วโมง เพราะฉะนั้น ผมสั่งอะไร ก็ทำตามนั้น ไม่ต้องกลัวนะ ทุกคืนที่ผมโทรหาคุณ ผมให้โอที มาทำเบิกได้เลย”
เธอมองเขาตาปริบๆ มีเจ้านายแบบนี้ด้วยหรอ ที่ใช้งานเลขา 24 ชั่วโมง ห้ามเลขามีแฟน แถมยังต้องโทรหาทุกคืนเพื่อสอนงานและให้โอทีเท่าชั่วโมงที่โทรหาอีกต่างหาก นี่มันบ้าไปแล้วชัดๆ แต่เธอจะทำอะไรได้ล่ะ งานที่นี่ก็ไม่ได้อยากมาทำ แต่ก็ต้องมา แถมต่อไปต้องแต่งงานกับเขาจริงๆ ไหมก็ไม่รู้
“มีอะไรจะถามผมอีกไหม”
“มะ ไม่มีค่ะ”
“อืม ใกล้เที่ยงพอดี ผมจะพาคุณไปทานข้าว แล้วพาไปซื้อเสื้อผ้า แล้วเดี๋ยวพาไปส่งบ้านเลย วันนี้ยังไม่ต้องทำงาน พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกลับเองได้ เสียเวลาทำงานคุณเปล่าๆ”
“คุณไม่ได้ยินที่ผมรับปากกับผู้ใหญ่ไปแล้วหรอ จะให้คุณกลับเองได้ยังไง ทั้งแม่ผมแม่คุณ ได้ตำหนิผมตาย”
“ก็ฉันเกรงใจคุณนี่คะ”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก ทีเมื่อคืนคุณใช้งานผมทั้งคืน เหนื่อยสายตัวแทบขาด น้ำจะหมดตัวตาย คุณยังไม่เห็นเกรงใจผมเลย”
“บ้า ฉันไปใช้อะไรคุณ มีแต่คุณที่ตายอดตายอยากมาจากไหนไม่รู้ คนอะไร แก่ก็แก่ ยังหื่นอีก”
“ลูกแก้ว จำไว้เลยนะ อย่ามาร้องอ้อนวอนขอให้ผมทำคุณอีกแล้วกัน”
เขาชี้หน้าเด็กดื้อที่เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยอย่างถือดี หน็อย คิดว่าเขาจะทำอะไรเธอไม่ได้สินะ รู้จักคนอย่างนายตุลาน้อยไปเสียแล้ว
“ไม่มีทางค่ะ จบแล้วจบเลย ตามคอนเซปต์ One Night Stand ค่ะ”
เขาพาเธอเดินออกมาที่โต๊ะของเลขาสาวสวยที่ทำให้เขาเสียอาการเมื่อคืนนี้
“รู้จักกันแล้วหรือยังครับ เพิร์ล”
เสียงอ่อนเสียงหวานเมื่อพูดกับสาวสวยหน้าห้องทำให้แก้วกัญญาต้องลอบเบะปากหมั่นไส้คนตัวโต
“รู้จักแล้วค่ะ”
“ดีครับ พรุ่งนี้ลูกแก้วจะมาช่วยเพิร์ล แต่วันนี้ผมขอพาลูกแก้วไปธุระก่อนนะครับ คงไม่ได้กลับเข้าออฟฟิศแล้ว มีอะไรก็โทรหาผมนะ”
“ได้ค่ะคุณตุลา เจอกันพรุ่งนี้นะคะน้องลูกแก้ว”
“ค่ะพี่เพิร์ล สวัสดีค่ะ”
สาวสวยยกมือไหว้เลขาหน้าห้องของเขาด้วยความนอบน้อมเหมือนอย่างที่ไหว้เขาและแม่ ทำให้เขาอดจะอมยิ้มกับความน่ารักของเธอไม่ได้ เห็นปากแจ๋วๆ เถียงคำไม่ตกฟากแบบนั้น ก็มารยาทงามเหมือนกัน สงสัยน้าผกากรอง แม่ของเธอจะสอนมาดี
“คุณอยากทานอะไร”
“อะไรก็ได้ค่ะ ง่ายๆ ก็ได้ จะได้รีบไปธุระต่อ”
“งั้นไปทานในห้างแล้วกันนะ จะได้ไปซื้อชุดทำงานต่อเลย”
“ได้ค่ะ”
เมื่อทานอาหารกันเสร็จ เขาก็พาเธอมาที่ร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดัง เป็นแบรนด์ที่เธอใส่เมื่อคืนนี้และตอนนี้ จึงเดาเอาว่าเธอน่าจะชอบ เมื่อเข้าไปถึงในร้านพนักงานก็เข้ามาต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้มทันที
“สวัสดีค่ะ คุณตุลา วันนี้มีอะไรให้รับใช้คะ”
“ช่วยจัดเสื้อผ้าทำงานให้คุณผู้หญิงสัก 20 ชุดครับ”
“โห คุณ ซื้ออะไรเยอะแยะขนาดนั้น แม่บ่นพอดี ฉันยังไม่ทันได้มีเงินเดือนของตัวเองเลยนะ”
“ผมจ่ายเอง เลือกมาเถอะ ตามนั้นแหละ”
“ได้ไง คุณจะมาซื้อให้ฉันทำไม ไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อย”
“ต้องให้บอกกลางร้านหรอครับ ว่าเราเป็นอะไรกัน”
“คุณตุลา”
คนสวยหน้างอง้ำที่เขาเอาความสัมพันธ์ชั่วคืนที่ควรจะเป็นความลับของเธอและเขาออกมาต่อรอง รู้สึกขัดใจที่ทำอะไรเขาไม่ได้ ไม่ทันไรก็แสดงความเผด็จการออกมาทุกทีแล้วสินะ
“ไป ตามพนักงานไป เลือกชุดที่ชอบ ผมจะนั่งรอตรงนี้”
ป๋านักใช่ไหม ได้ เธอจะจัดเต็ม 20 ชุด เอาให้กระเป๋าฉีกไปเลย
แต่คนเป็นป๋ากลับไม่กระเป๋าฉีกอย่างที่คิด เมื่อพาเธอเดินเข้ามาในร้านขายเครื่องประดับหรูหราราคาแพงแบบที่แม่เธอชอบมาซื้อกับแม่ของเขา
“สวัสดีค่ะ คุณตุลา วันนี้มีอะไรให้รับใช้คะ”
“สวัสดีครับ ผมขอสร้อยข้อมือ สร้อยคอ แบบที่ใส่ทำงานได้ ใส่เที่ยวได้ ที่เหมาะกับคุณผู้หญิงคนนี้สักสี่ชิ้นสิครับ”
คนที่ถูกเอ่ยถึงเบิกตาโต นี่เขาพาเธอเข้ามาซื้อเครื่องประดับเพชร ราคาแพงแสนแพงตั้ง 4 ชิ้น ทั้งๆ ที่เราไม่ได้เป็นอะไรกันนี่นะ เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ สงสัยคงเปย์ผู้หญิงจนเคยชินเลยใช้เงินเหมือนกระดาษแบบนี้
“คุณ ฉันไม่เอานะคะ มันแพงเกินไป”
“เถอะน่า เป็นเลขาของผมต้องดูดี เวลาออกไปพบลูกค้าต้องเชิดหน้าชูตาผมได้ ลงทุนทั้งหมดก็เพื่องานทั้งนั้น”
“คุณเปย์เลขาแบบนี้ทุกคนเลยหรอ”
“ก็ ประมาณนั้น”
ที่ไหนได้ล่ะ ทั้งหมดมันก็แค่ข้ออ้าง เขารู้สึกว่าเธอน่าจะเป็นผู้หญิงที่ชอบแต่งตัวคนหนึ่ง เลยอยากซื้อให้ ซื้อให้เฉยๆ นี่แหละ ก็คนมันครึ้มอกครึ้มใจ
“เย็นแล้วนะคะ กลับกันได้หรือยัง เราเดินซื้อของกันมานานมากแล้วนะคะ”
คนตัวบางหน้ามุ่ย เขาพาเธอเดินมาหลายชั่วโมง จนเมื่อยไปหมดแล้ว ไหนจะขนซื้อข้าวของพะรุงพะรังเสียเหมือนกับว่าเป็นเจ้าของห้างก็ไม่ปาน เธอใส่รองเท้าส้นสูงนะ มันเดินสบายเสียที่ไหน
“ผมหอบหิ้วสมบัติของคุณอยู่คนเดียว ผมยังไม่บ่นเลย”
คนหล่อชูถุงสินค้าแบรนด์ดังที่หอบหิ้วอยู่เต็มสองมือจนแทบไม่เหลือที่ว่างให้ถืออีก หนักก็หนัก แต่ไม่เห็นบ่นสักคำ คนตัวบางที่เดินชิล เข้าร้านนั้นออกร้านนี้ พร้อมได้ของติดไม้ติดมือมาเสมอโดยไม่เสียเงินตัวเองสักบาทกลับทำบ่น
“ก็ฉันเมื่อยนี่คะ อีกอย่างวันนี้ฉันก็ต้องไปนอนคอนโดด้วย เพราะใกล้ที่ทำงานมากกว่าที่บ้าน ให้เด็กขนของไปทิ้งไว้ให้ที่ห้องแล้ว ไม่รู้ว่าจัดเข้าที่ได้เรียบร้อยหรือเปล่า จะรีบกลับไปจัดห้องค่ะ”
“อ้าว หรอ งั้นเรากลับเลยก็ได้ ผมก็เหนื่อยเหมือนกัน หอบหิ้วของให้คุณเนี่ย”
เมื่อรู้ว่าจะต้องไปส่งเธอที่คอนโด และอาจได้อยู่กับเธอตามลำพัง ก็รู้สึกเหนื่อยและเมื่อยขาขึ้นมาทันทีจนอยากจะกลับไปนั่งพักผ่อนที่ห้องของเธอเสียหน่อย
“ใครใช้ให้ซื้อมามากมายขนาดนี้คะ ซื้อเองก็ถือเองค่ะ”
คนสวยสะบัดบ๊อบ เดินตัวปลิวหนีเขาไปเลย ตุลาทำได้เพียงแค่มองแม่คนงามตาปริบๆ ก่อนจะก้มมองสมบัติบ้าในมืออย่างเซ็งๆ คนอุตส่าห์เปย์จนกระเป๋าแทบฉีก ไม่มีความดีความชอบอะไรเลย จะยิ้มหวานๆ ขอบคุณเขาสักนิดก็ไม่มี แหม ทีพูดถึงไอ้นุอย่างนั้น ไอ้นุอย่างนี้ หน้าบานเป็นกระด้ง
คอยดูนะยัยเด็กดื้อ กลับถึงห้องของเธอจะขอค่าเหนื่อยเสียให้เข็ด เอาให้ทบต้นทบดอกกันไปเลย คนหล่อยกยิ้มมุมปาก นึกชอบใจที่เธอแยกตัวออกมาอยู่คอนโดมิเนียมตามลำพัง เผื่อเขามีงานอะไรที่ต้องการใช้เธอดึกดื่น จะได้ไม่ต้องเกรงใจแม่ของเธอ