บทที่ 3
‘เจ็บไหมล่ะ? ถูกเขาตอกใส่หน้าจนหงายแบบนี้’ หญิงสาวร้องถามตัวเองอยู่ในอก ขณะที่ใบหน้างามชาดิกจนไร้ความรู้สึก
“ก็แน่ล่ะ คนอย่างคุณมันเลือดเย็นนี่ เลือดเย็นยิ่งกว่าผีดิบเสียอีก”
“ถึงผมจะเลือดเย็นแค่ไหน แต่ผมก็ไม่เคยทำร้ายใครก่อน ทุกคนที่ผมใช้ล้วนแต่ได้ค่าตอบแทนจำนวนมหาศาล เช่น พ่อของคุณไง”
จบคำพูดนั้น รถคันงามก็แล่นมาจอดสนิทที่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่สวยสะดุดตา และในจังหวะที่หญิงสาวกำลังจะโต้ตอบออกไปอีก พ่อคนตัวโตก็ก้าวหนีลงไปจากรถเมื่อบอดี้การ์ดในชุดสูทสีดำมาเปิดประตูให้ด้วยท่าทางนุ่มนวล หล่อนจึงรีบก้าวตามลงมาทันทีเมื่อประตูฝั่งตัวเองเปิดออก
“ขอบคุณค่ะ”
เอ่ยขอบคุณออกไปตามมารยาท ก่อนจะเงยหน้าจ้องมองสิ่งก่อสร้างตรงหน้าที่น่าจะจัดได้ว่าสวยงามติดท็อปเทนของโลกด้วยอาการอ้าปากค้าง พฤติกรรมนั้นเรียกรอยยิ้มบางๆ ให้แต่งแต้มที่ใบหน้าของวินซ์ซึ่งเดินเข้ามาหยุดใกล้ๆ ร่างอรชรของผู้หญิงที่เขามีสิทธิ์ในทุกอณูเนื้อใต้ร่มผ้านั้น ก่อนจะเอ่ยเบาๆ
“ท่าทางคุณไม่ตื่นเต้นเลยนะ”
สิ้นประโยคที่หล่อนรู้ดีว่ามันคือคำประชด ขวัญชีวาก็ละสายตาจากภาพงดงามตรงหน้าเพียงเพื่อที่จะมองภาพที่งดงามและสมบูรณ์แบบมากกว่าอย่างใบหน้าของวินซ์ เอเมอร์ตัน หัวใจสาวเต้นระรัวเมื่อเขาก้มหน้าเข้าใกล้อีกครั้ง ลมหายใจของเขาร้อนผ่าวแต่หอมกรุ่นน่าหลงใหล และหล่อนก็เริ่มจะระทดระทวยเสียแล้ว
“ฉัน...”
“ถ้าชอบก็อย่าด่าผมบ่อยนัก แล้วคุณอาจจะได้อยู่นานกว่าที่คิดเอาไว้ก็ได้”
ว่าแล้วมือใหญ่ก็แตะเบาๆ ที่ลาดหลังบอบบาง พร้อมๆ กับดันร่างอรชรให้ก้าวเดินเข้าไปยังภายในคฤหาสน์หลังงามด้วยกิริยานุ่มนวลอย่างไม่น่าเชื่อ
และเมื่อก้าวเข้ามาหยุดยืนอยู่ภายในห้องโถงกว้าง ขวัญชีวาก็รู้สึกไม่ต่างอะไรจากหนูสกปรกที่กำลังหลงทางอยู่ในพระราชวังของพระราชา เพราะทุกอย่างที่ได้เห็น ทุกอย่างที่ได้สัมผัส ล้วนแล้วแต่มีราคา ล้วนแล้วแต่มีคุณค่า จนอดคิดไม่ได้ว่าตัวเองต่ำต้อยเกินไปที่จะแตะต้องของพวกนั้น
“ของพวกนี้มันแพงมากก็จริง แต่อย่าลืมสิว่าตัวคุณน่ะแสนแพงแค่ไหน ตั้งห้าสิบล้านเหรียญเชียวนะ”
ไม่รู้ว่าคนตัวโตเดาเก่ง หรือว่าหล่อนอ่านง่ายเหมือนหนังสือนิทานเด็กกันแน่ เขาถึงได้ล่วงรู้ความคิดความอ่านของหล่อนไปซะทุกเรื่องอย่างนี้
“คนบ้า!”
วินซ์หัวเราะเบาๆ แล้วก็อดฝังปลายจมูกลงบนแก้มนวลไม่ได้ ก็เวลาที่เจ้าหล่อนเขินแบบนี้แล้วน่ารักชะมัด เขาก็เลยอดใจไม่ได้จริงๆ
“เดี๋ยวได้พิสูจน์แน่คนสวย...รออีกนิดเดียว”
ขวัญชีวาไม่ได้ตอบคำถามวาบหวามนั้น เพราะขัดเขินเกินจะเอ่ยออกมาได้ หล่อนจึงเปลี่ยนจุดสนใจไปยังบรรดาสาวใช้จำนวนไม่ต่ำกว่ายี่สิบคนที่มายืนเรียงแถวหน้ากระดานราวกับกำลังรอรับเจ้านายของตัวเองอยู่ด้วยความประหลาดใจแทน
“สาวใช้ทั้งหมดของที่นี่”
วินซ์ตอบออกมาเมื่อเห็นใบหน้าของขวัญชีวาเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม จากนั้นจึงหันไปเอ่ยกับบรรดาสาวใช้ของตัวเองด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจจนคนฟังอดหมั่นไส้ไม่ได้
“นี่คุณขวัญชีวา ผู้หญิงของฉัน ทุกคนจะต้องให้ความเคารพเฉกเช่นเดียวกับที่มีต่อฉัน ทำทุกอย่างตามที่เธอต้องการ หากความต้องการนั้นไม่ขัดต่อคำสั่งของฉัน”
“ค่ะคุณชาย” สาวใช้ทุกคนรับคำอย่างพร้อมเพรียงกันจนน่าทึ่ง
“แยกย้ายกันไปทำงานได้แล้ว”
‘ผู้หญิงของเขาอย่างนั้นหรือ? ใช่สินะ ในสายตาของวินซ์ เอเมอร์ตันตอนนี้ หล่อนก็เป็นแค่ผู้หญิงที่มีราคาค่าตัว ซื้อหาได้ด้วยเงิน และหล่อนก็ถูกเขาซื้อแล้ว แม้จะไม่เต็มใจก็ตาม’
น้ำตาแห่งความอดสูไหลซึมลึกอยู่ภายในอก ขณะก้มหน้าเดินตามคนตัวโตขึ้นไปตามขั้นบันไดลวดลายสวยงาม มือบางกำราวบันไดที่ทำจากทองเหลืองเงาวับเอาไว้แน่นเพื่อเป็นหลักยึด ความเย็นยะเยือกของมันแผ่ซ่านเข้าสู่เนื้อหัวใจอย่างรวดเร็ว และมันก็ทำให้ขวัญชีวาซาบซึ้งถึงคำว่าหายนะที่กำลังเยื้องย่างเข้ามาใกล้ได้อย่างชัดเจนเลยทีเดียว
“นี่คือห้องพักของคุณ”
เสียงทุ้มของวินซ์ดังขึ้นเมื่อเขาเปิดประตูห้องกว้างตรงหน้า และเดินนำหล่อนเข้าไป หญิงสาวเดินตามเข้าไปหยุดยืนอยู่กลางห้อง แล้วก็เป็นอีกครั้งที่หล่อนต้องยกนิ้วให้กับมัณฑนากรที่จัดแต่งคฤหาสน์หลังนี้ เพราะแม้แต่ห้องนอน ก็ดูเหมือนราวกับอยู่บนสรวงสวรรค์
“หวังว่าจะชอบนะ ผมสั่งให้คนจัดรอไว้เมื่ออาทิตย์ก่อน” ในที่สุดเขาก็เฉลยออกมาว่าตัวเองนั้นจัดเตรียมห้องนี้ไว้รอรับหล่อน
ขวัญชีวาปรายตามองเตียงนอนที่ถูกคลุมทับด้วยผ้าคลุมเตียงสีกุหลาบ แล้วก็ต้องแก้มแดงก่ำเมื่อสมองไม่รักดีดันผุดภาพเร่าร้อนระหว่างตัวเองกับวินซ์ขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ภาพเร่าร้อนที่มันตามหลอกหลอนในฝันของหล่อนทุกค่ำคืน นับตั้งแต่สบประสานกับนัยน์ตาสีน้ำเงินเกือบดำของวินซ์ เอเมอร์ตัน
‘ไม่! ไม่! ไม่! หล่อนจะต้องเลิกคิด เลิกบ้า เลิกฝันทุเรศแบบนี้สักที ผู้ชายคนนี้ร้ายกาจยิ่งกว่าพญามัจจุราชในขุมนรกเสียอีก ในสายตาของเขา หล่อนมันก็แค่อีตัว ผู้หญิงที่มีหน้าที่ทำให้เขาอิ่มเอมในเกมราคะเท่านั้น ไม่มีค่ามากไปกว่านั้นเลย’
ความอดสูแล่นพล่านเข้าใส่เนื้อหัวใจอย่างรุนแรง และมันก็ทำให้ขวัญชีวาต้องใช้ความอดทนทั้งหมดข่มความอ่อนแอเอาไว้แต่ภายในอกเท่านั้น
“นางบำเรออย่างฉันไม่มีสิทธิ์เลือกหรอกค่ะ แค่มีที่ซุกหัวนอนก็ดีเกินพอแล้ว”
“ดีที่คิดได้แบบนั้น ผมจะได้ไม่ต้องใส่ใจคุณให้มันมากนัก งั้นก็พักผ่อนเถอะ ผมไม่กวนแล้ว เดี๋ยวค่ำๆ ผมจะมารับไปทานข้าวนอกบ้าน” เขาพูดด้วยน้ำเสียงไร้ความรู้สึก ขณะหมุนกายใหญ่โตที่ดูดีไปซะทุกท่วงท่าไปยังประตู แต่เหมือนกับคิดอะไรได้จึงหยุดเดินและหันกลับมามองหล่อนอีกครั้ง แต่สายตาของเขาก็ยังเย็นชาเช่นเดิม