MAFIA 05
*************************
พัดชา : ไตรภูมิคะคุณอยู่ที่ไหนเหรอ
พัดชา : กลับบ้านมาหาฉันได้แล้วนะคะ ฉันขอโทษที่ดื้อกับคุณนะ ต่อไปนี้ฉันจะไม่ดื้อกับคุณแล้วค่ะ
พัดชา : ยกโทษให้ฉันนะคะ ฉันจะเชื่อฟังคุณทุกคำเลยค่ะ กลับบ้านมาหาฉันนะคะ
พัดชา : ไตรภูมิฉันขอร้อง
พัดชา : ฉันต้องการคุณนะคะ คุณหายไปหลายวันแบบนี้ฉันคิดถึงคุณนะ
พัดชา : ถ้าคุณหายไปแบบนี้ฉันจะอยู่ยังไงคะ ฉันอยู่ไม่ได้นะคะถ้าไม่มีคุณ
ฉันอ่านข้อความไลน์ที่พัดชาส่งไปหาสามีตัวเอง เขาอ่านข้อความทั้งหมดแต่ไม่คิดที่จะตอบกลับมาหาเธอเลย
และฉันก็รู้ด้วยว่าความรู้สึกของเธอในตอนนั้นน่ะมันคงเจ็บปวดน่าดู แต่เธอก็เลือกที่จะไม่ไปไหนเพราะว่าเธอรักเขามาก
แต่เขาก็ยังคงทำร้ายเธออยู่อย่างนั้น ถ้าเกิดว่าเธอเข้มแข็งมากกว่านี้ฉันเชื่อว่าเธอจะรักตัวเองมากกว่ารักคนอื่น
และจะไม่เอาหัวใจไปผูกไว้ที่ปลายเท้าของคนที่ไม่คิดจะรักเธอเลย
หลังจากที่เลิกงานแล้วฉันก็เดินมาที่ลานจอดรถของบริษัท แต่พอสตาร์ทรถแล้วรถดันไม่ติด นี่อย่าบอกนะว่าฉันจะต้องนั่งแท็กซี่กลับเองอ่ะ
ดีนะที่ก่อนหน้านี้ฉันให้ลิลลี่พานั่งรถดูเส้นทางของที่นี่หลายครั้งแล้ว ไม่งั้นฉันก็คงกลับบ้านไม่ถูกหรอก
การที่มาอยู่ในร่างพัดชามันเป็นอะไรที่เหนื่อยเหมือนกันนะ เพราะต้องทนดูสายตาของผัวไม่รักดีอย่างคุณไตรภูมิ
ไหนจะคนที่บ้านของเขาหลายคนที่ไม่ได้ให้ความเคารพฉันเลยทั้งๆ ที่ฉันเป็นเมียเจ้านายของพวกเขา
การที่คนใช้ไม่ยอมให้ความเคารพก็คงจะเป็นเพราะว่าเธอยอมคนอื่นง่ายเกินไปสินะ ฉันกำลังจะเดินไปเรียกรถแท็กซี่แต่คุณบูมก็เดินเข้ามาทักฉันซะก่อน
“กำลังจะกลับบ้านเหรอคุณพัดชา?”
“ใช่ค่ะ แต่รถสตาร์ทไม่ติดเลยจะไปเรียกแท็กซี่ค่ะ”
“ให้ผมไปส่งมั้ยครับ บ้านของคุณเป็นทางผ่านบ้านผมพอดี”
“จะไม่เป็นการรบกวนใช่มั้ยคะ?”
“ไม่หรอกครับ ถ้าสามีคุณไม่ว่าอะไรนะ”
“เขาจะว่าอะไรได้ล่ะคะในเมื่อเขาไม่ได้สนใจฉันมานานแล้ว”
“ถ้างั้นเดี๋ยวผมไปส่งเองครับ”
“ขอรบกวนหน่อยนะคะ”
ฉันยิ้มให้คนตรงหน้าที่อาสาจะไปส่งฉันที่บ้าน เขาเป็นหัวหน้างานที่มีแต่ลูกน้องรักมากเลยนะ
ตอนแรกก็คิดว่าเขาจะใจดีแค่กับฉันคนเดียวซะอีก แต่พอฉันได้ทำงานวันแรกฉันก็รู้ได้เลยว่าเขาไม่ได้ใจดีกับฉันแค่คนเดียวแต่เขาใจดีกับลูกน้องทุกคน
ที่บอกว่าเขาใจดีกับฉันแค่คนเดียวน่ะเพราะเขารู้ว่าฉันเป็นเมียของมาเฟียเถื่อนอย่างคุณไตรภูมิไง และไม่มีใครกล้ามายุ่งกับฉัน
แต่ฉันก็บอกทุกคนแล้วนะว่าจะไม่มีใครมาทำร้ายพวกเขาได้ การที่ฉันอยากมีเพื่อนมันคือสิทธิ์ของฉันเองหรือเปล่าล่ะ
คุณไตรภูมิเขาไม่มีสิทธิ์มาห้ามหรือมาทำร้ายคนของฉัน พอพูดไปแบบนั้นทุกคนก็เริ่มคลายความกังวลและยอมที่จะพูดคุยกับฉันมากขึ้น
แต่บางคนก็ยังมีเกร็งๆ อยู่บ้างเหมือนว่ายังไม่อยากเจ็บตัว แต่ฉันก็เข้าใจพวกเขานะ
การที่ได้แต่งงานกับมาเฟียเถื่อนไร้หัวใจอย่างคุณไตรภูมิเป็นใครก็ต้องกลัวทั้งนั้นนั่นแหละ เพราะกิตติศัพท์ความเถื่อนของเขามันเลื่องลือไปเยอะนี่
ฉันมาอยู่ในร่างของพัดชาได้ไม่นานยังรู้สึกได้ถึงความใจร้ายของเขาเลย
“คุณอยากไปไหนก่อนกลับหรือเปล่า ผมจะได้พาไป”
“กลับเลยก็ได้ค่ะ ดูเหมือนว่าคุณไตรภูมิน่าจะมีเรื่องอยากคุยกับฉัน”
“คุณดูเปลี่ยนไปเยอะมากเลยนะพัดชา เมื่อก่อนคุณไม่ได้ดูเข้มแข็งแบบนี้เลยนะ”
จู่ๆ คุณบูมก็พูดขึ้นมาและสายตาที่เขามองฉันก็ดูเหมือนว่าเขาแปลกใจที่ฉันดูเปลี่ยนไปแบบนี้
จากคนที่อ่อนแอและยอมคนอื่นมาตลอดตอนนี้กลับดูไม่เหมือนคนที่จะให้ใครมารังแกได้
ไม่ใช่แค่เขาหรอกนะที่พูดแบบนี้ แต่พี่แป้งกับลิลลี่ก็พูดเหมือนกัน ร่วมถึงสามีของฉันด้วยที่บอกว่าฉันเปลี่ยนไป
ก็ถ้ายังอ่อนแออยู่เหมือนเดิมก็จะถูกคนอื่นรังแกได้ง่ายๆ ไง เพราะงั้นแล้วฉันไม่อยากอ่อนแอให้คนอื่นรังแก
“เมื่อก่อนคุณไม่กล้าที่จะพูดคุยกับใครเลยด้วยซ้ำ และไม่กล้าที่จะขัดคำสั่งสามีคุณด้วย”
“ฉันดูเป็นคนอ่อนแอมากขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”
“ก็ไม่เชิงหรอก แต่คุณแค่เป็นคนที่ไม่อยากมีเรื่องมากกว่า ไม่ว่าใครเข้ามาพูดจาไม่ดีใส่คุณ คุณก็จะนิ่งแล้วปล่อยให้คนพวกนั้นต่อว่าคุณเองน่ะ”
“ตอนนั้นคุณรู้จักฉันด้วยเหรอคะ?”
ได้ยินที่คุณบูมพูดแบบนั้นฉันก็เอ่ยถามขึ้นมาทันที ก่อนที่เขาจะหันมามองหน้าฉันได้แค่แป๊บเดียวเท่านั้นแล้วหันกลับไปขับรถต่อ
เขายิ้มให้ฉันแล้วบอกว่าเมื่อก่อนเราสองคนสนิทกันมาก ก่อนที่ฉันจะไปแต่งงานกับคุณไตรภูมิ
พอฉันย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านหลังนั้นแล้วเราสองคนก็แทบไม่ได้เจอกันเลย เพราะฉันไม่ยอมออกไปไหนเอาแต่อยู่บ้านรอสามีตัวเองกลับมา
อีกอย่างคุณไตรภูมิก็ไม่อยากให้ฉันได้ออกไปไหนมาไหนเหมือนกัน เหมือนไม่อยากให้ใครรู้ว่าฉันคือเมียของเขา
และเรื่องที่ฉันจำอะไรไม่ได้ลิลลี่เองก็ได้บอกกับคุณบูมแล้วว่าความทรงจำบางส่วนของฉันได้หายไป
อาจจะจำอะไรไม่ค่อยได้ เขาก็เลยคิดว่าการที่ฉันจำเขาไม่ได้มันเป็นเพราะฉันความจำเสื่อม
“เราเคยสนิทกันมาก่อนนะพัดชา แต่คุณอาจจะจำไม่ได้เพราะความจำคุณได้หายไป แต่หลังจากที่คุณแต่งงานเราก็ไม่ค่อยได้เจอกันเลย เพราะคุณจะต้องอยู่ที่บ้านและเชื่อฟังสามีของคุณไง”
“ดูเหมือนว่าตอนนั้นฉันจะรักสามีตัวเองมากเลยนะคะ”
“รักมากสิ เพราะคุณยอมเขาทุกอย่างเลยนะ ถึงแม้ว่าเรื่องนั้นมันจะไม่ใช่เรื่องที่ควรจะยอมก็ได้”
“แล้วคุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไงเหรอคะถ้าเกิดว่าเราไม่ได้เจอกันเลย”
“ลิลลี่เพื่อนของคุณกำลังดูใจกับผมอยู่น่ะ”
เรื่องนี้ฉันเองก็เพิ่งรู้เหมือนกันนะ เพราะลิลลี่ไม่ได้บอกฉันเลยว่าเธอกำลังดูใจกับหัวหน้าของฉันแบบนี้
แต่ดูๆ แล้วพวกเขาสองคนก็ดูเหมาะสมกันมากเลยนะ ก็มีแค่คู่ของฉันกับคุณไตรภูมิเท่านั้นที่ดูยังไงก็ไม่มีอะไรที่มันลงตัวได้เลยสักอย่าง
“ลิลลี่คงยังไม่ได้บอกคุณสินะ”
“ยังหรอกค่ะ”
“ผมแค่ไม่อยากให้คุณดูกลัวผมเท่านั้นเองที่ผมรู้เรื่องของคุณมากเกินไป”
“ฉันขอถามได้มั้ยคะว่าทำไมฉันถึงได้เอาแต่เชื่อฟังคุณไตรภูมิ แล้วไม่ยอมออกจากบ้านไปไหนเลย”
ฉันหันไปมองเสี้ยวหน้าของคุณบูมก่อนที่จะถามเขาออกไป เพราะฉันคิดว่าการที่เราสองคนเคยสนิทกันมาก่อนอาจจะทำให้เขารู้เรื่องพวกนี้ก็ได้
ฉันก็แค่อยากรู้เท่านั้นเองว่าทำไมพัดชาถึงได้เชื่อฟังคุณไตรภูมิมากขนาดนั้น
“ก็เพราะว่าคุณรักเขามากไง คุณแทบไม่อยากให้เขาหายไปจากคุณ คุณเคยมาระบายให้ผมฟังด้วยนะว่าถ้าคุณสามารถเลิกรักเขาได้ คุณเองก็อยากจะทำอย่างนั้นเหมือนกัน แต่มันเป็นเพราะว่าคุณทำแบบนั้นไม่ได้”
“นี่ฉันรักเขามากเลยเหรอคะ?”
“ใช่ ยิ่งเขารู้ว่าคุณรักเขามาก เขาก็ทำให้คุณเสียใจอย่างที่ผ่านมาไง”
“เขาคงจะทำให้ฉันเจ็บปวดมากเลยสินะคะฉันถึงได้พูดแบบนั้นออกมา”
“ผมเองก็ไม่รู้หรอกนะ แต่คุณเป็นคนพูดให้ผมฟังเท่านั้นและไม่ได้ลงรายละเอียดเยอะน่ะ”
ฉันเงียบไปหลังจากที่ได้ฟังเรื่องของตัวเองกับคุณบูม นี่ฉันจะต้องอยู่กับผู้ชายใจร้ายอย่างคุณไตรภูมิต่อไปน่ะเหรอ
ตอนแรกก็ไม่คิดเหมือนกันนะว่าเขาจะใจร้ายกับเมียตัวเองได้มากขนาดนี้
แต่ตอนนี้ฉันเริ่มเข้าใจความรู้สึกของพัดชาแล้วล่ะว่าทำไมเธอถึงเลือกที่จะทำร้ายตัวเองด้วยการฆ่าตัวตาย
เพราะเธอคงทนอยู่กับผู้ชายที่ทำร้ายจิตใจเธอแทบทุกวันไม่ได้สินะ
“แต่ตอนนี้ผมดีใจนะที่คุณเข้มแข็งแบบนี้ ไม่ได้ยอมคนอื่นเหมือนที่ผ่านมาแล้ว”
“ฉันคิดว่าโลกใบนี้มันไม่มีที่ยืนให้สำหรับคนอ่อนแอเท่านั้นเองค่ะ”
“มันก็ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะ แต่ผมดีใจที่คุณกลับมารักตัวเองได้แล้ว”
“ขอบคุณนะคะ”
คุณบูมขับรถเข้ามาจอดในบ้านก่อนที่เราสองคนจะลงจากรถ เพราะฉันเป็นคนชวนเขามากินข้าวที่บ้านเองเพื่อเป็นการขอบคุณที่เขามาส่งฉัน
แต่พอเดินเข้ามาในบ้านก็เห็นว่าคุณไตรภูมิก็นั่งอยู่ที่ห้องโถงก่อนแล้ว และสายตาของเขาก็หันมามองหน้าฉันก่อนที่จะหันไปมองหน้าคุณบูม
การที่ฉันจะพาเพื่อนเข้ามาในบ้านก็ไม่เห็นแปลกตรงไหนเลยไม่ใช่เหรอ ทีเขาพาผู้หญิงเข้ามาเอาในบ้านและขึ้นไปเอาบนเตียงที่ฉันนอนอยู่ตอนนั้นฉันยังไม่ได้ว่าอะไรเขาเลยด้วยซ้ำ
สายตาของคนตรงหน้าดูจะไม่พอใจมากที่ฉันพาผู้ชายเข้ามาในบ้านแบบนี้
ฉันเองก็อยากจะถามเขาเหมือนกันนะว่าทำไมจะต้องไม่พอใจด้วยในเมื่อเขาเองก็ไม่ได้รักฉันเลยสักนิดถึงได้ทำร้ายจิตใจกันตลอดเวลา แต่ฉันก็เลือกที่จะไม่ถามอะไร
ฉันกำลังจะพาคุณบูมไปที่ห้องครัว แต่คุณไตรภูมิก็เดินมาขวางเอาไว้แล้วจ้องหน้าฉันเหมือนว่าเขาไม่พอใจที่ฉันไม่เชื่อฟังเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
“พาใครมา?”
“รถของฉันสตาร์ทไม่ติดหัวหน้าฉันก็เลยอาสามาส่ง ฉันเลยอยากจะเลี้ยงข้าวตอบแทนเขาค่ะ ส่วนรถคุณช่วยบอกลูกน้องของคุณเอากลับมาด้วยนะคะ”
“กฎของของฉันคือห้ามพาใครเข้ามาในบ้านเด็ดขาดนะพัดชา”
“ฉันจำกฎของคุณไม่ได้แล้วค่ะคุณไตรภูมิ ช่วยหลีกทางให้ฉันด้วยนะคะ”
“คิดจะดื้อกับฉัน?”
“การที่ฉันพาหัวหน้ามากินข้าวที่บ้านไม่ได้หมายความว่าฉันดื้อกับคุณนะคะ”
“แต่ฉันไม่อนุญาต!!!”
“พัดชาผมว่าเดี๋ยวผมกลับก่อนก็ได้ครับ ส่วนเรื่องเลี้ยงข้าวเอาเป็นพรุ่งนี้ที่ร้านอาหารก็ได้”
“ถ้างั้นก็ได้ค่ะ ขอบคุณคุณบูมมากนะคะที่มาส่ง”
ฉันยิ้มให้คุณบูมก่อนที่เขาจะเดินออกไป เขาก็คงไม่อยากให้ฉันทะเลาะกับคุณไตรภูมิสินะถึงได้ยอมที่กลับไปก่อน
พอเราอยู่ด้วยกันสองคนแล้วสายตาคู่คมของคนตรงหน้าก็จับจ้องมาที่ฉันทันที
แต่ฉันไม่ได้กลัวและไม่ได้แคร์หรอกนะว่าเขาจะไม่พอใจหรือโกรธมากแค่ไหนที่ฉันไม่คิดที่จะทำตามกฎของเขาน่ะ ฉันเองก็พอจะรู้กฎของเขามาบ้างแล้วล่ะจากการที่ถามพี่แป้ง
“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันคะ?”
“อย่าพาคนนอกเข้ามาในบ้านอีก ฉันไม่ชอบ!!!”
“แล้วทำไมคุณพาผู้หญิงคนอื่นเข้ามาในบ้านได้ล่ะคะ ไหนจะพาไปนอนที่ห้องบนเตียงของฉันอีกด้วย พวกเธอก็เป็นคนนอกไม่ใช่เหรอ?”
“จำได้ขึ้นมาแล้วเหรอ?”
“ค่ะ จำได้ว่าคุณมันเป็นผัวที่ใจร้ายกับฉันมากแค่ไหน และจำได้ว่าคุณมันเลวมากด้วยที่ไม่คิดจะรักและปกป้องเมียตัวเองเลย”
“งั้นก็รู้แล้วสินะว่ากฎของฉันถ้าคิดจะแหกมัน บทลงโทษจะเป็นยังไง?”
“กฎของคุณน่ะฉันจะแหกมันให้หมดเลย”