“เฮ้...สาวน้อย” เสียงของชายที่สนใจดานิตาเอ่ยขึ้น แล้วเขาไม่เพียงแค่พูดเพียงอย่างเดียว ยังใช้มือจับแขนของเธอแล้วกระชากให้หันมาเผชิญหน้า
“ว้าย!” ทันทีที่เสียงร้องของดานิตาดังขึ้น ริคคาร์โด้ที่เดินประกบทางด้านขวารีบหันมาทางเจ้าของเสียง ใช้มือของตนปัดมือของชายแปลกหน้าให้หลุดพ้นไปจากลำแขนของเธอ ก่อนจะใช้ร่างของตนบังร่างของเธอไว้อย่างปกป้อง ส่วนธนาวิชญ์ก็หันมามองกลุ่มวัยรุ่นอย่างเอาเรื่องและไม่เกรงกลัว
“อย่ายุ่งกับเธอ” ริคคาร์โด้กล่าวเสียงเข้ม ดวงตาแข็งกร้าว ดานิตาหวาดกลัวกับเรื่องที่เกิดขึ้น เธอเกาะแขนของริคคาร์โด้ไว้แน่น หัวใจเต้นแรง
“จะยุ่ง จะทำไม” ชายคนที่สนใจดานิตาตอบกลับอย่างไม่ยำเกรงในรูปร่างและน้ำเสียงของริคคาร์โด้เพราะคิดว่าตนเหนือกว่าด้วยจำนวนคน
“ถ้ามึงยุ่ง มึงเจ็บตัวแน่” ริคคาร์โด้เตือนอย่างหวังดี “พีทพาดานี่ไปขึ้นรถก่อน”
ผู้พูดรู้ถึงความไม่ปลอดภัยจึงเอ่ยบอกธนาวิชญ์ที่ทำตามคำสั่งทันที
“คุณหนูไปขึ้นรถก่อนเลยครับ แล้วล็อคประตูด้วย”
ธนาวิชญ์ไม่ได้ไปส่งดานิตาที่รถ เขากลับยื่นกุญแจรถส่งให้เธอแทน เพราะกลัวว่าชายทั้งห้าจะกรูเข้ามาหาริคคาร์โด้ เขาจะได้ช่วยเหลือได้ทันท่วงที ซึ่งมันก็เป็นไปตามคาด ชายคนที่สนใจดานิตาทำท่าจะเดินตามไปแต่ร่างของริคคาร์โด้กลับขวางเอาไว้ ไม่เกรงกลัวอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย
“มึงอยากมีเรื่องใช่ไหม ได้เลยกูจัดให้”
ชายคนนั้นเอ่ยขึ้น ก่อนพุ่งตัวเข้าไปหาริคคาร์โด้ เงื้อหมัดกลางอากาศตั้งใจจะอัดใส่ใบหน้าของริคคาร์โด้แต่ทว่าคนที่จะถูกทำร้ายกลับหลบได้ทัน ก่อนจะสวนกำปั้นไปที่ท้องของอีกฝ่ายเต็มแรง จนเจ็บจุกตัวงอ จากนั้นความชุลมุนก็เกิดขึ้น
ดานิตาที่นั่งอยู่ในรถยนต์ใจเต้นถี่แรงมองดูภาพของริคคาร์โด้กับธนาวิชญ์ที่ต่อสู้กับชายทั้งห้าคนด้วยความกลัว ตื่นเต้นและเป็นห่วง
การต่อสู้ของชายทั้งเจ็ดเห็นความเสียเปรียบได้อย่างชัดเจน ฝ่ายที่มีจำนวนคนมากกว่าไม่ได้ทำให้ฝ่ายที่มีจำนวนน้อยกว่าพลาดท่าเสียทีแต่อย่างใด ตรงกันข้ามริคคาร์โด้กับธนาวิชญ์กลับเอาอยู่ เนื่องจากริคคาร์โด้มีฝีมือทางด้านการต่อสู้พอตัว ส่วนธนาวิชญ์ไม่ต้องพูดถึงงานอดิเรกของเขาคือ ครูสอนมวยไทยในค่ายมวยแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงลำดับสี่ของเมืองไทย ส่งผลให้คนทั้งห้าเสียท่าลงไปนอนโอดครวญบนพื้นได้อย่างไม่ยากเย็นเพราะฝีมือมันคนละระดับ
“กูเตือนพวกมึงแล้วว่าอย่ายุ่งกับเธอ มึงก็สมควรที่จะต้องโดนแบบนี้...อัก” ริคคาร์โด้พูดจบก็ใช้ฝ่าเท้ากระแทกลงไปบนหน้าท้องของคนก่อเรื่องเต็มแรง “ไปเถอะพีท”
ริคคาร์โด้กับธนาวิชญ์หันหลังให้กับชายกลุ่มนั้นที่เสียท่าอยู่บนพื้น ก้าวเท้าเดินไปยังรถยนต์ที่จอดไม่ห่างเพราะคิดว่าจบเรื่องแล้ว แต่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น คนแพ้ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
“คุณริค พี่พีทระวังข้างหลังค่ะ”
ดานิตาที่เห็นชายคนหนึ่งลุกขึ้นยืน ล้วงหยิบมีดพกในกระเป๋ากางเกงออกมา แล้วปรี่เข้ามาทางด้านหลังของทั้งสอง เธอจึงเปิดกระจกรถแล้วกล่าวเตือนเสียงดัง แต่มันไม่ทันการ
มีดพกปลายแหลมแทงเข้าไปตรงบริเวณท้องของธนาวิชญ์ที่หันมาทางด้านหลังหลังจากที่ได้ยินเสียงคำเตือนของดานิตา พอชายคนนั้นแทงธนาวิชญ์เสร็จก็วิ่งหนีไปทันที เช่นเดียวกับเพื่อนอีกสี่คนที่พยุงตัวลุกขึ้น ก่อนวิ่งหนีตามเพื่อนคนแรกไป ริคคาร์โด้ไม่ได้วิ่งตามคู่กรณีไป เขารีบรุดไปพยุงร่างของธนาวิชญ์ที่ทรุดกายลงไปนั่งบนพื้น มือกุมบาดแผลที่ถูกแทง เลือดไหลออกมาจากบาดแผลเปรอะเปื้อนเสื้อผ้า
“เป็นไงบ้างพีท ทนหน่อยนะผมจะพาไปหาหมอ” เขาเอ่ยบอกคนถูกทำร้าย
“พี่พีท พี่พีทเป็นยังไงบ้างคะ”
ดานิตาลงมาจากรถ เข้ามาถามอาการของธนาวิชญ์อย่างเป็นห่วง ใบหน้าซีดเผือดมีความตกใจประดับไปทั่ว ยิ่งมองเห็นเลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผล เธอแทบจะเป็นลม
“ดานี่ไปเปิดประตูรถ ผมจะพาพีทไปโรง’ บาล”
ริคคาร์โด้พูดขณะที่ประคองร่างของธนาวิชญ์ให้ลุกขึ้นยืน ก่อนจะพาคนถูกแทงไปยังรถยนต์ เมื่อนำร่างของธนาวิชญ์เข้าไปนั่งในรถเรียบร้อย เขาก็ไปนั่งประจำที่คนขับ จากนั้นก็ทะยานรถไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันที
ณ โรงพยาบาล
ริคคาร์โด้กับดานิตานั่งอยู่หน้าห้องผ่าตัดของทางโรงพยาบาลด้วยความกระวนกระวายใจด้วยความเป็นห่วงธนาวิชญ์ พอทั้งสองนำร่างของคนถูกแทงมาส่งที่นี่ ธนาวิชญ์ถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินเพื่อดูอาการเบื้องต้น ก่อนที่จะถูกพาไปยังห้องผ่าตัดในเวลาต่อมา
“พี่พีทเป็นยังไงบ้างดานี่”
เจ้าของเสียงถามคือเกตุกัญญา ที่รีบรุดมายังโรงพยาบาลทันทีที่ดานิตาโทรไปบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมด โดยมีสามีหนุ่มตามมาด้วย
“พี่พีทยังอยู่ในห้องผ่าตัดค่ะพี่เกรซ..ฮือ” ดานิตาตอบทั้งน้ำตา
“พี่พีทอยู่ในมือหมอแล้ว พี่พีทต้องปลอดภัยดานี่ พี่พีทต้องปลอดภัย” เกตุกัญญากอดร่างของดานิตาที่ร้องไห้สะอึกสะอื้น พร้อมกับปลุกปลอบ
“เป็นความผิดของผมเองเกรซ ถ้าผมไม่ชวนดานี่ไปเที่ยวผับเรื่องนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น” ริคคาร์โด้โทษตัวเอง เขาคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของตนเพียงคนเดียว
“ไม่ใช่ความผิดของคุณริคคนเดียวหรอกค่ะ เป็นความผิดของดานี่ด้วย ถ้าดานี่ปฏิเสธตั้งแต่แรกที่ถูกชวน เรื่องนี้ก็ไม่เกิดขึ้น” ดานิตาท้วงขึ้น
“เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาโทษว่าใครถูกใครผิดเพราะไม่มีใครอยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้น เรื่องที่สำคัญที่สุดคือชีวิตของพี่พีท เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง”
จบคำพูดของเกตุกัญญาไม่กี่วินาที ประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออกพร้อมกับร่างของพยาบาลที่เดินออกมา ทั้งสี่จึงกรูเข้าไปหาทันที