แม่เฒ่าตงได้ยินก็หน้าดำหน้าแดงแม้ว่าที่หนิงเหมยจูนั้นจะพูดเป็นเรื่องจริง แต่ก็ไม่ควรจะมาพูดต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ แล้วบ้านตงของเธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
"เธอเป็นแค่สะใภ้ไม่ควรจะมาพูดจาก้าวร้าวแม่สามีนะสะใภ้สี่" พ่อเฒ่าตงยืนฟังอยู่นานเมื่อเห็นว่าภรรยาตัวเองเริ่มเจอทางตันจึงยื่นมือเข้ามายุ่ง
"ฉันรู้ค่ะ พ่อสามีคิดว่าฉันเป็นเพียงสะใภ้ที่บ้านสามีไม่ต้อนรับ แต่ฉันพูดในฐานะภรรยาของพี่ซีเฉิน และนั่นก็คือลูกชายของพวกคุณคนหนึ่งเหมือนกัน แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าทำไมทั้งพ่อสามีและแม่สามีไม่เคยสนใจพี่ซีเฉิน แต่คำว่าพ่อแม่ควรจะดูแลลูกหน่อย ต่อให้ไม่สนใจแต่ไม่ควรจะเบียดเบียนแบบนี้
ฉันไม่ลืมว่าฉันเป็นเพียงลูกสะใภ้ แต่แม่สามีเป็นคนพูดเองว่าพี่ซีเฉินแยกบ้านออกไปแล้ว ดังนั้นแม่สามีไม่ควรจะมาเบียดเบียนอาหารการกินของพวกเราไม่ใช่หรือยังไง ตอนนี้ชาวบ้านทั้งหมู่บ้านรู้ว่าพี่ซีเฉินไม่สามารถทำงานได้เป็นเดือนๆแล้ว และไม่ต้องพูดถึงว่าจะหาอาหารหรือหาเงินมายังไง
บ้านของเรามีอาหารเพียงเล็กน้อยแต่ยังมาโดนบ้านใหญ่มาขโมยไปอีกแบบนี้ พ่อสามีช่วยตอบสะใภ้ผู้โง่เขลาคนนี้ได้ไหมว่าแม่สามีและสะใภ้ทั้งสองคนทำเพื่ออะไร หรือต้องการให้พวกเราอดตาย" หนิงเหมยจูคิดว่าในเมื่อเธอเป็นวิญญาณมาอยู่ในร่างนี้และไม่มีความผูกพันกับบ้านสามี อีกทั้งบ้านนี้ยังเป็นคนเห็นแก่ตัวปฏิบัติกับลูกชายเหมือนไม่ใช่ลูก ในเมื่อพ่อแม่สามีทำตัวไม่น่าเคารพเธอไม่จำเป็นต้องดีด้วยไม่ใช่เหรอ
บ้านตงได้แต่แสดงสีหน้าที่ดูไม่ได้ ไม่คิดว่าสะใภ้สี่ที่ดูเหมือนจะร้ายแต่ก็โง่เขลาคนนี้ย้อนกลับจนทุกคนพูดไม่ออก
"เธอก็รู้ไม่ใช่เหรอสะใภ้สี่ว่าบ้านตงของเรานั้นจน อีกทั้งสมาชิกในบ้านก็เยอะ จะให้ฉันเอาอะไรไปดูแลและไปหาหมอมาให้เจ้าสี่ เธออย่าเอาแต่สิ่งที่ไม่ดีโยนมาให้บ้านตงสิ หากเจ้าสี่รู้ว่าเมียตัวเองมาพูดแบบนี้กับพ่อแม่ ระวังเขาจะหย่ากับเธอ"
"พี่ซีเฉินจะหย่ากับฉันหรือไม่ ฉันไม่รบกวนให้พ่อสามีมาออกความคิดเห็นหรอกนะ แต่ฉันอยากจะถามว่าต่อให้ครอบครัวตงจนหรือไม่นั้นทุกคนรู้อยู่แก่ใจ และที่สำคัญแม้แต่คำว่าน้ำใจพี่ซีเฉินยังไม่เคยได้เลย ไม่จำเป็นต้องเอาอะไรมาให้ แค่มาเยี่ยมและไม่มาเบียดเบียนกันก็พอแล้ว ตอนนี้พ่อสามีอย่าเพิ่งมาพูดแทนคนอื่นเลย ฉันต้องการรู้ว่าใครที่มันกล้าทำร้ายเสี่ยวลู่ลูกสาวตัวน้อยของฉัน" หนิงเหมยจูไม่อยากจะสนใจพ่อสามี พูดกับคนพวกนี้มีแต่จะปวดหัว เสียเวลาทำอย่างอื่น
สะใภ้ใหญ่เมื่อเห็นว่ายังไงหนิงเหมยจูนั้นไม่ยอมจบ เธอจึงยอมรับเพราะคิดว่าคนเยอะขนาดนี้สะใภ้สี่คงไม่กล้าทำอะไร
"ฉันเอง เธอมีอะไร ช่วยไม่ได้นังเด็กเสี่ยวลู่ดัน..." สะใภ้ใหญ่พูดยังไม่ทันจบเจอเข้ากับฝ่าเท้าของหนิงหมยจูถีบจนกระเด็น
“จำไว้ ลูกฉันใครห้ามเตะ หากเกิดมีใครทำร้ายเลี่ยวลู่อีกจะโดนหนักยิ่งกว่านี้ แล้วนี่ฉันยังให้เกียรตินะถอดรองเท้าถีบ ไม่ได้ใส่รองเท้า"
หนิงเหมยจูพูดขณะกำลังใส่รองเท้า และไม่คิดว่าสามีของสะใภ้ใหญ่หรือพี่ชายคนโตของสามีเธอเดินมาทางไหนไม่รู้ เตรียมที่จะเอามือฟาดใส่หนิงเหมยจูเต็มแรงแต่มีเหรอที่สตั๊นท์ เกิร์ลแบบเธอจะพลาดท่า หนิงเหมยจูจึงใช้มือที่ถือไก่ข้างหนึ่งฟาดกลับไปสุดแรงก่อนจะกระโดดถีบไปอีกครั้งจนร่างของลูกชายคนโตบ้านตงกระเด็นออกไป ชาวบ้านที่ยืนดูอยู่ได้แต่อ้าปากค้างไม่คิดว่าหญิงสาวจะกล้าทำแบบนี้
"โอ๊ย! ไก่ฉันตายเลยเห็นไหมเนี่ย มันน่ากระทืบซ้ำดีไหม หวังว่าจะไม่มีใครมาวุ่นวายกับครอบครัวฉันอีกนะ" หนิงเหมยจูหน้ามุ่ย เธอเสียดายไก่ในมือเหลือเกินดีนะที่ยังเหลืออีกตัว จากนั้นจึงเดินออกมาจากบ้านตงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เมื่อเดินมาถึงหน้าบ้านกลับเจอชายหนุ่มคนหนึ่งเดินมาคอยเมียงมองเหมือนจะรอใครอยู่ พอเห็นหน้าเธอเท่านั้น ชายคนนั้นยิ้มดีใจเรียกเธออย่างเป็นกันเอง "เหมยจูกลับมาแล้ว"
หนิงเหมยจูใช้ความคิดว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นใครก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าชายคนที่ร่างเดิมตั้งใจจะหนีไปด้วยกันใช่ไหม "มาทำไม" หนิงเหมยจูถามเสียงเย็นชา
"ผมเห็นว่าคุณหายไปหลายวันเป็นอะไรหรือเปล่า อย่าลืมนะอีกสามวันเราจะต้องเดินทางแล้ว" อาซ่างถามด้วยรอยยิ้ม เขาไม่ได้รักหนิงเหมยจูเลย แต่เพราะการที่เขาจะเดินทางไปสอบเข้ามหาลัยนั้นเขาจำเป็นต้องใช้เงิน และหนิงเหมยจูเป็นหญิงสาวที่เขาต้องการจะหลอกให้เลี้ยงดู
"ฉันจะหายไปหรือว่าจะเป็นยังไงไม่เกี่ยวกับนาย อีกทั้งนายจะเดินทางไปไหนมันก็ไม่เกี่ยวกับฉัน มีอะไรอีกหรือเปล่า ฉันไม่มีเวลาว่างมากพอ ฉันต้องดูแลลูกสาวตัวน้อยและสามี ถอยไป!" หนิงเหมยจูพูดอย่างไม่สนใจ
"เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะหนีไปด้วยกัน คุณลืมไปแล้วรึไง" อาซ่างตกใจไม่คิดว่าคำตอบที่ได้รับจะเป็นแบบนี้ เขาคิดว่าเมื่อหนิงเหมยจูเห็นเขามาหาเธอจะต้องยิ้มดีใจ แต่ทำไมเหตุการณ์จึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปล่ะ
"นี่นายฉันถามหน่อยนะ นายเอาสมองส่วนไหนคิดว่าฉันจะหนีไปกับนาย สามีฉันทั้งหล่อทั้งดีและขยัน ทำไมจะต้องทิ้งเขาไปด้วย แล้วยังมีลูกสาวที่แสนจะน่ารักอีกคน นายบ้าหรือเปล่าที่คิดว่าฉันต้องไปกับนาย ถอยไปได้แล้วจะเข้าบ้าน ถ้าไม่ถอยฉันถีบกระเด็นจริงๆ คนยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่" หนิงเหมยจูตอบกลับอย่างอารมณ์เสีย เธอยิ่งโมโหที่ไก่ตาย ยังมาเจอผู้ชายหน้าหนาแบบนี้อีก เดี๋ยวแม่ตบคว่ำจริงๆ
"เสี่ยวลู่ เปิดประตูให้แม่หน่อยจ๊ะ แม่กลับมาแล้ว" หนิงเหมยจูไม่สนใจชายหนุ่มที่ยืนตกใจบ้าใบ้กับการกระทำของตัวเอง หญิงสาวตะโกนเรียกเสี่ยวลู่ให้มาเปิดประตูรั้วให้ เสี่ยวลู่ได้ยินเสียงแม่จึงรีบวิ่งออกมาด้วยความดีใจ เด็กน้อยยืนแอบอยู่ตรงประตูนานแล้วเธอกลัวว่าแม่จะไม่กลับมา พอได้ยินในสิ่งที่แม่พูดเธอจึงโถมเข้ากอดด้วยความดีใจ
"เป็นอะไรจ๊ะ เราเข้าบ้านกันก่อนดีกว่านะ นี่ไงแม่ได้ไก่กลับมาแล้ว แม่เอาเข้าเล้าก่อนนะ หนูไปรอแม่ในบ้านนะลูก" หนิงเหมยจูบอกกับลูกสาวเสียงอ่อน เธอกลัวว่าเด็กน้อยจะโดนไก่จิกจึงบอกให้ไปรอในบ้าน เสี่ยวลู่เชื่อฟังก่อนจะวิ่งกลับเข้าไปหาพ่อในบ้านด้วยรอยยิ้ม
"อิ่มกันหรือยังทั้งสองคน พี่ซีเฉินนั่งรอตรงนี้ก่อนนะ ฉันจะเข้าไปทำความสะอาดห้องให้" หนิงเหมยจูเมื่อกลับเข้ามาในบ้านเธอทิ้งความหงุดหงิดและไม่พอใจต่างๆ ไว้ด้านนอก ตอนนี้จึงมีเพียงรอยยิ้มและน้ำเสียงอบอุ่น
ตงซีเฉินพยักหน้า ถึงแม้ว่าเขาอยากจะพูดอะไรแต่เพราะลูกนั้นอยู่ด้วยจึงเลือกที่จะเงียบ เสี่ยวลู่เองถึงแม้ว่าจะสี่ขวบแต่เพราะต้องอยู่กับพ่อมาก่อนหน้านี้ ทำให้รู้ว่าพ่อต้องมีอะไรคุยกับแม่แน่ๆ
"หนูจะช่วยแม่ด้วย หนูไปรอในห้องของพ่อนะ" พูดจบตงลู่จิงหรือเสี่ยวลู่รีบวิ่งไปรอที่ห้องนอนของพ่อทันที เมื่อลูกสาวตัวน้อยไม่อยู่ตงซีเฉินจึงกล้าที่จะถามในสิ่งที่ได้ยิน
"ที่พูดว่าจะไม่ไป จริงไหม" หนิงเหมยจูรู้เลยว่าการที่ ตงซีเฉินถามแบบนี้คงได้ยินทั้งหมดแล้ว
"จริงค่ะ พี่ได้ยินหมดแล้ว ฉันไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก"
"เธอไม่รังเกียจที่จะต้องดูแลฉันเหรอ ในเมื่อฉันกลายเป็นคนพิการ" ตงซีเฉินพูดเสียงเบา หากหญิงสาวตรงหน้าเปลี่ยนตัวเองแล้วจริงๆ เขาก็พร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งกับเธอ กลัวแต่เพียงเธอจะรังเกียจที่ต้องมีสามีที่พิการแบบนี้
"พี่ไม่ใช่คนพิการ แต่พี่ยังไม่ได้รับการรักษา รอหน่อยก็แล้วกัน พรุ่งนี้ฉันตั้งใจจะเข้าอำเภอ รู้สึกว่าฉันจะเคยเห็นเขาขายรถเข็นในตลาดมืด จะได้ซื้อกลับมาให้พี่ เราจะได้ไปโรงพยาบาลหาหมอกัน เชื่อเถอะพี่ต้องหาย อยู่ที่ว่าจะหายช้าหายเร็วก็เท่านั้น ไม่ว่ายังไงก็ต้องมีความหวังไว้ก่อน"
********************