เงาคนปริศนา

1821 Words
ภูเขาสูงใหญ่เนินเขาคดเคี้ยวไปมาไม่มีสิ้นสุดว่ากันว่าภูเขาบางลูกยาวไปจรดเส้นขอบฟ้า หรือพอที่จะโอบเมืองทั้งเมืองเปรียบเสมือนกำแพงอีกชั้นของน่านฟ้าเมืองฟูมิ ภาพของพระจันทร์ที่ลอยอยู่ตรงกลางระหว่างเขาสองลูก และเมฆที่ลอยอยู่เหนือภูเขา แลดูเป็นภาพเหนือจินตนาการนักเมื่อมองออกมาจากห้องของท่านหญิงแห่งตระกูลฟูมิ ค่ำคืนมาเยือนหญิงสาวพบว่าตัวเองนอนไม่หลับ เธอพลิกตัวไปมาบนฟูกหนานอน พยายามหาวิธีทำให้ตัวเองนอนหลับ พยายามนึกถึงบทเรียนของวันนี้ หายใจลึกๆเข้าปอด หรือแม้แต่กระทั่งนอนนับดวงดาว ผลสุดท้ายที่พยายามมาทั้งหมดกลับดูท่าจะล้มเหลว เมื่อเวลาผ่านไป อันนะลุกออกมาจากฟูกนอนเดินไปเปิดประตูบานเลื่อนฝั่งด้านในเพื่อชื่นชมความงามของธรรมชาติ หญิงสาวรักที่จะได้ออกไปท่องเที่ยวเรียนรู้เกี่ยวกับโลกภายนอกปราสาทรวมถึงเมืองต่างๆ ที่อยู่บนโลกใบนี้ แต่เรื่องที่เธอคิดกลับไม่สามารถทำได้ ปราสาทหลังใหญ่โตเช่นนี้คนภายนอกคงอยากจะเข้ามาใช้ชีวิตและเสวยสุขมีบ่าวรับใช้คอยดูแลอยู่ตลอดเวลาหรืออาจจะตลอดชีวิต แต่ไม่ใช่กับบุตรีของเจ้าเมืองเพราะปราสาทหลังนี้เปรียบได้ดั่งกรงขังอิสรภาพ ตั้งแต่ที่มารดาของอันนะได้จากโลกนี้ไปเมื่อสิบสองปีก่อน เจ้าเมืองหรือบิดาของเธอได้สั่งปิดประตูเมืองคนนอกห้ามเข้าคนในห้ามออกเพื่อปกป้องประชาชนทุกคน ท่านพ่อของข้ากลัวการสูญเสียเป็นที่สุด ถึงท่านจะเคยผ่านสมรภูมิรบมามากมายแต่การสูญเสียท่านแม่ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดสำหรับท่านพ่อตอนนี้คงกลายเป็นปมในใจอย่างหนึ่งของท่าน ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องแบบท่านแม่อีก ท่านพ่อจึงสั่งให้เพิ่มการป้องกันเมืองจากพวกผู้ไม่หวังดี และที่หนักสำหรับข้าท่านพ่อได้ให้ทหารและข้ารับใช้ตามติดข้าตลอดเวลาไม่เว้นแม้กระทั่งเวลาข้านอน ข้านั่งมองภูเขาที่อยู่ห่างไกลจากปราสาทหลังนี้มากโข ข้าอยากรู้ว่าที่นั่นเป็นอย่างไร ภูเขาลูกนั้นจะมีสัตว์น่ารักๆ อยู่หรือไม่ ข้าอยากทำเหมือนท่านแม่สมัยที่ข้ายังเป็นเด็กท่านแม่มักจะพาข้าออกไปข้างนอกปราสาทอยู่บ่อยครั้งเพื่อพบกับเหล่าชาวบ้าน ท่านแม่มักสอนข้าเสมอว่าในเมื่อเรามีฐานะหน้าที่รับผิดชอบที่สูงส่งกว่า เป็นถึงผู้ปกครองเมืองแห่งนี้การได้รู้ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเมืองถือเป็นเกียรติในการรับใช้ประชาชนในฐานะผู้ปกครอง ข้ามีความฝันว่าสักวันข้าอยากสร้างบ้านเป็นของตัวเอง มีสวนดอกไม้และสวนผักเป็นของตัวเอง หากมีวันไหนที่ข้าว่าง ข้าอยากจะไปเปิดการแสดงเล่าละครเล่าเรื่องการผจญของข้าที่เคยเจอมา อยากเห็นรอยยิ้มของเด็กๆ เหมือนที่ท่านแม่ทำ จะว่าไปข้าเองนึกขึ้นได้ว่าที่ห้องหนังสือมีเอกสารม้วนหนึ่งที่กล่าวถึงหุบเขานอกแดนอยู่ ข้าอ่านค้างไว้นี่น่า ไหนๆ ข้าเองก็คงนอนไม่หลับลุกไปหยิบมาอ่านแก้อาการเบื่อสักหน่อย…… มู่ลี่ถูกเลิกขึ้นและบานเลื่อนที่ค่อยๆถูกเลื่อนออกไม่มีเสียง ดวงหน้าสวยชะโงกหน้าออกมาข้างนอกห้อง เห็นเพียงพี่เลี้ยงทั้งสองที่ตอนนี้นอนสลบไสลอยู่หน้าห้อง และนายทหารยามที่เพิ่งเดินออกไปเปลี่ยนเวร หญิงสาวฉวยโอกาสจังหวะนี้ก้าวออกมาจากห้องก่อนจะเดินก้าวขา ฉับ! ฉับ! ไปตามทางเดินขึ้นไปยังชั้นบนสุดของปราสาทฝั่งตะวันตก ที่ด้านบนนี้มีห้องหนังสือหลวงสำหรับบุคคลภายในเท่านั้น อันนะเปิดประตูทรงยุโรปเข้าไปก่อนที่จะเคลื่อนตัวเข้าไปในห้องเล็กด้านในสุดที่มีป้ายตรงหัวประตูถูกเขียนว่า 'สร้างแด่ดอกไม้งาม มิโยโกะ' เพียงเปิดประตูกลิ่นหอมของเทียนที่ถูกปรุงมาอย่างดีลอยโชยอบอวลทั่วทั้งห้อง อันนะเดินไปที่โต๊ะอ่านหนังสือหน้าต่างถูกเปิดออกพอมองลงไปข้างล่างก็เห็นเมือง ผู้คนยังคงเดินขวักไขว่ไปมาแสงสีส้มเหลืองจากแสงตะเกียงที่จุดโดยรอบมองแล้วช่างเจริญตา เสียงเพลงบรรเลงสำหรับระบำของหอรื่นเริงดังขึ้น ถึงเสียงเบาแต่ก็ยังคงได้ยินอยู่บ้าง หญิงสาวเดินไปจุดเทียนตามแต่ละจุดเพื่อให้ห้องดูสว่างมากขึ้น ม้วนหนังสือโบราณและกองหนังสือเล่มหนาวางรายล้อมไปทั่วห้อง บางเล่มถูกจัดให้เป็นระเบียบในชั้นของมัน บางเล่มถูกนำออกมาซ้อนกันเป็นกองๆ ด้วยลักษณะนิสัยของหญิงสาวที่ให้ความสำคัญกับหนังสือมากกว่าสถานที่อันนะมักจะถูกบิดาบ่นเป็นประจำเรื่อง เกี่ยวกับความสะอาดของห้องหนังสือส่วนตัว “ท่านหญิง ข้านำชาร้อนกับของว่างมาให้เจ้าค่ะ” เสียงจากภายนอกประตูดังขึ้นหญิงสาวภายในห้องพูดอนุญาต หนึ่งในพี่เลี้ยงของอันนะเดินเข้ามาวางชาและขนมสำหรับยามดึก “ขอบคุณนะ มายุ แล้วมายะหล่ะ” “มายะนางกำลังจัดการกับทหารเฝ้ายามอยู่เจ้าค่ะ พวกเขาตื่นตระหนกเพราะมายะเปิดประตูเข้าไปดูท่านหญิงในห้องแต่ไม่เห็นท่านนอนอยู่ที่ฟูก มายะนางก็เลย….” “ฮ่า ฮ่า คงจะมีเพียงแต่มายุเท่านั้นแหละที่รู้ว่าข้าอยู่ที่ไหน นางคงไม่เห็นข้าอยู่ในห้องมายะนางส่งเสียงดังใช่หรือไม่?” “เจ้าค่ะ ข้าเองบอกนางแล้วว่าท่านหญิงอาจจะมาที่ห้องหนังสือหลวงต้องใช้เวลากว่ามายะจะเข้าใจ ทหารเองก็ไม่ฟังที่ข้าพูดออกวิ่งตามหาทั่วเลยนะเจ้าค่ะ” “ฮ่า ฮ่า พวกเจ้าเนี่ยทำข้ามีอารมณ์ขันยิ่งนัก ยามนี่ก็ดึกมากแล้วพวกเจ้าอยากปลุกคนทั้งปราสาทหรืออย่างไร” หญิงสาวเดินไปนั่งกับเก้าอี้โยกตรงหน้าต่าง สายตาจับจ้องอยู่ที่ตัวหนังสือในม้วนกระดาษ “ต่อไปข้าจะคิดให้รอบคอบขึ้น ขอท่านหญิงเชิญใช้เวลาส่วนตัวต่อเถอะเจ้าค่ะ ข้าอยู่ด้านนอกประตูหากมีอะไรเรียกข้าได้ตลอดเลยนะเจ้าค่ะ” “ขอบใจเจ้ามาก มายุ” พี่เลี้ยงที่มาพร้อมกับเรื่องเล่าสั้นๆ ของคืนนี้ได้เดินออกไปยืนอยู่นอกประตู ความเงียบกลับมาอีกครั้ง ลมหนาวของค่ำคืนโบกพัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง เสียงฝีเท้ามากมายและเสียงของเหล่าทหารด้านล่างต่างร้องเรียกจับคนน่าสงสัยที่หลบเข้ามายังปราสาท อันนะลุกขึ้นชะโงกหน้าก้มลงมองเหตุการณ์อย่างเงียบๆ “หยุด! ข้าบอกให้เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้!” “ท่านนายพลมันหนีออกไปทางเลียบกำแพงขอรับ!” “ตามมันไปเร็ว!” แสงจากพระจันทร์ที่ซ่อนอยู่ในกลุ่มเมฆส่องเต็มไปด้วยความมืด หลังจากที่หญิงสาวมองลงมาจากหน้าต่าง แสงรำไรจากพื้นปฐพีเริ่มปรากฏขึ้น เงาคนกำลังวิ่งหนีอย่างว่องไวบนกำแพงปราสาท กระโดดขึ้นหลบหลีกอย่างเฉียบขาดเหมือนนินจาที่กำลังทำภารกิจลับ ร่างเงาสีดำปริศนานี้ไต่ขึ้นเพื่อหลบหนีจากทหารบนหลังคา การวิ่งของคนผู้นี้ทำได้อย่างชำนาญเกินกว่าคนธรรมดาไร้การฝึกฝนจะทำได้ แต่กับคนผู้นี้ทำได้อย่างสบายระยะทางระหว่างหลังคาของปราสาทจะมีขนาดใหญ่กว่าและสูงกว่าหลังคาบ้านธรรมดาเงาคนปริศนากระโดดมาถึงบริเวณหน้าปราสาทหลังที่ท่านหญิงบุตรีของเจ้าเมืองยืนอยู่ เพียงชั่วพริบตาชายสวมชุดมอซอกระโดดผ่านหน้าเธอไป ดวงตาสีอำพันประกายทองของบุคคลบุรุษปริศนาสบตากับอันนะ หญิงสาวชะงักเล็กน้อยเพราะอยู่ๆ คนที่กระโดดผ่านหน้าก็วกหันกลับมายืนอยู่ริมหน้าต่างตรงหน้าของท่านหญิงแห่งตระกูลฟูมิคือเธอ เพียงชั่วขณะเท่านั้นที่ผ่านไป หน้าต่างที่ท่านหญิงยืนอยู่ก็สะท้อนดวงตาสีอำพันประกายทองของผู้ชายที่ปรากฏขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ผู้ชายสวมชุดมอซอกกระโดดผ่านหน้าเธอด้วยความเร็วเหมือนบินได้ ร่างเงาสีดำของเขาไต่ขึ้นกำแพงปราสาทเป็นฉากภาพที่น่าประทับใจมาก หญิงสาวชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นผู้ชายที่กระโดดผ่านหน้าต่าง ดวงตาของเขาทำให้หญิงสาวหยุดหายใจเพราะความงดงาม ผู้ชายนั้นวกมองกลับมาหลังจากกระโดดเข้าไปยืนบนหน้าต่างหน้าท่านหญิง พอมองหน้าของเธอ เขาก็พบว่าเป็นหญิงสาวใยถึงทำหน้าตะลึงเช่นนี้ไม่มีทีท่ารังเกียจเขาแม้แต่น้อย คนในชุดตัวเก่าสีดำผมยาวรกรุงรังแต่มีนัยต์ตาที่ดูน่าค้นหาเอื้อมมือหมายจะจับที่ใบหน้าของหญิงสาว อันนะเห็นท่าไม่ดีจึงตะโกนเรียกพี่เลี้ยงที่ยืนอยู่ข้างนอก พร้อมกับตอนนั้นมีเสียงดังตกพื้นกระเบื้อง ทำให้ทหารที่อยู่ข้างล่างต้องหันมองไปที่ทิศทางเสียงดังพร้อมกัน “มายุ! มายุช่วยข้าด้วย!” “ท่านหญิงรีบมาหลบหลังข้าก่อนเจ้าค่ะ! เจ้าเป็นใครกัน บังอาจเข้ามาหลบลู่เกียรติของท่านหญิงที่เป็นถึงบุตรีของเจ้าเมือง!” เสียงเล็กแหลมของพี่เลี้ยงดังจากชั้นบนของตัวปราสาท ทหารที่อยู่ข้างล่างเคลื่อนตัวขึ้นไปยังตัวปราสาท และเริ่มวิ่งวนเป็นวงรอบทั้งปราสาทเพื่อตรวจสอบว่ามีใครเข้ามาในปราสาทนี้อีกหรือไม่ พี่เลี้ยงและอันนะทั้งคู่ต่างยืนนิ่งไม่ขยับออกจากที่เดิม ห้องนั้นมืดมัวไม่มีแสงไฟจากเทียนเพราะลมที่พัดเข้ามาทำให้เทียนภายในห้องดับมอดไป “ท่านหญิงหรือ….” เสียงทุ้มสะท้อนกังวานเหมือนระฆังเข้ามาในโสตประสาทการรับรู้ของอันนะ ชายปริศนาที่กระโดดลงมาจากหน้าต่าง ทั้งพี่เลี้ยงและอันนะต่างวิ่งไปดูเพราะระดับความสูงเพียงนี้ก็เกินพอที่จะคร่าชีวิตคนคนหนึ่งได้แล้ว แต่ด้านล่างกลับไร้วี่แววคนตกลงไป “ท่านหญิงอานากะ ข้าว่าที่นี่ไม่ปลอดภัยพวกเรากลับห้องของท่านกันเถอะนะเจ้าคะ” “ข้าเข้าใจแล้ว มายุ พวกเรากลับลงไปกันเถอะ” ว่าจบสองนายบ่าวเดินกลับลงจากปราสาทสู่ห้องนอนของท่านหญิง คืนนั้นเหล่าทหารต่างจัดเวรยาตรวจสอบปราสาทค้นหาบุคคลปริศนาที่ลักลอบเข้ามากันให้วุ่น ทำให้เรื่องไปถึงหูของเจ้าเมืองถึงการรายงานของคนปริศนาและบุตรสาวของเขา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD