บ้านกสิเทพพาณิชย์

1086 Words
บ้านกสิเทพพาณิชย์                                                                                                    ธุรกิจที่ตระกูลนี้ได้ทำสืบทอดกันมา คือการส่งออกเพชรพลอย โดยมีนายศรเทพผู้เป็นบิดาคอยควบคุมดูแล ด้วยนิสัยที่เขาไม่ค่อยไว้ใจใคร เมื่อครั้งหนึ่งนั้นเขาเคยได้ทำในสิ่งที่น่าละอายต่อวงศ์ตระกูล ด้วยการทุจริตทางการค้า หวังให้ตระกูลได้หลุดพ้นจากการล้มละลายมาได้ เพราะการบริหารที่ผิดพลาดของเขาเอง จนทำให้บริษัทของเพื่อนสนิทได้ล้มละลายแทน เพราะกลโกงของเขา แม้จะรู้สึกผิดบ้างแต่ก็ไม่รู้ว่าเพื่อนย้ายไปอยู่ที่ไหน นับตั้งแต่วันนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย                                             วันนี้ทุกคนในบ้านกำลังวุ่นวาย เนื่องจากพรุ่งนี้เป็นงานวันเกิดของลูกสาวคนรอง ซึ่งบ้านกะสิเทพพาณิชย์ มีลูกทั้งหมดสามคน พี่ชายคนโตชื่อคาวีอายุสามสิบปี เรียนจบปริญญาโทจากเมืองนอก ลูกสาวคนรองชื่อรวีอายุยี่สิบแปดปี เรียนจบปริญญาตรีจากเมืองนอกเช่นกัน ทั้งสองโพรไฟล์ดีมีหน้ามีตาทางสังคม ซึ่งเป็นที่รู้จักในแวดวงไฮโซ ส่วนน้องคนสุดท้องชื่อนารีอายุยี่สิบหกปี เรียนจบปริญญาตรีด้วยเกรดนิยมอันดับอันดับหนึ่ง จากมหาวิทยาลัยใกล้บ้าน เธอเป็นที่รู้จักในบรรดาคนรับใช้ ที่ใครๆ ต่างคิดว่านารีนั้นถูกเก็บมาเลี้ยง ซึ่งลูกทั้งสามคนดูเหมือนจะมีความแตกต่างกันในทุกด้าน คาวีใจร้อนไม่ค่อยยอมคน มีเรื่องชกต่อยบ่อยครั้ง ส่วนลูกสาวคนรอง ชอบเที่ยวเตร่ไม่เอาการเอางาน ใช้เรือนร่างกับผู้ชายแปลกหน้าตามอำเภอใจ โดยที่หล่อนนั้นไม่ได้สนใจว่าจะทำให้เสื่อมเสียถึงวงศ์ตระกูล เธอรักสนุกแต่ไม่ผูกพัน นั่นคือสโลแกนของรวี ส่วนลูกสาวคนเล็กเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ เธอมีนิสัยชอบยอมคน ถูกโขกสับราวกับว่าไม่ใช่ทายาทของบ้านนี้ แม้แต่บิดามารดา และพี่ๆ ทั้งสอง ยังไม่เคยคิดว่าเธอเป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัว                                          สิ่งสำคัญนารีนั้น ได้เกิดมาท่ามกลางความเกลียดชัง ของผู้เป็นบิดาและมารดา เมื่อมีหมอดูทำนายทายทักเอาไว้ เด็กคนนี้จะนำความวิบัติมาสู่ครอบครัว เธอคือเจ้ากรรมนายเวรที่นายศรเทพต้องชดใช้กับสิ่งที่เขาเคยทำเอาไว้กับใครบางคน ใครเล่าจะรู้แค่คำบอกเล่าของหมอดูจะทำให้ผู้เป็นบิดาและมารดารังเกียจเธอได้ถึงเพียงนี้ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่ความผิดของหญิงสาว หากจะโทษใครสักคนควรจะเป็นนายศรเทพบิดาของเธอมากกว่า แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนที่รับกรรมคือนารี เด็กสาวที่เกิดมาเพื่อชดใช้กรรมแทนบิดา "นี่ยัยนารี ฉันบอกให้จัดดอกไม้ดีๆ แล้วนี่อะไร" ผู้เป็นมารดาพูดตำหนิออกมา ในขณะที่นารีนั่งพับเพียบอยู่กับพื้น และดอกไม้ในแจกันนั่นเธอก็จัดมันออกมาได้สวยดี แต่กลับไม่เป็นที่พอใจของสตรีสูงวัยเฉกเช่นมารดาของเธอ                                                                                                         "เดี๋ยวนาจะจัดให้ใหม่ค่ะแม่" นารีพูดออกไป พร้อมกับก้มใบหน้าลงต่ำ เมื่อเธอนั้นพยายามจนสุดฝีมือ แต่มารดาก็ยังคงไม่พอใจ "โอ๊ย! นั่งเกะกะอยู่ได้หลบไปหน่อยซิ" รวีใช้เท้าเขี่ยไปที่แจกัน ที่นารีกำลังจัดขึ้นใหม่อีกครั้ง จนมันพังไม่เหลือชิ้นดี                                                       "พี่รวีก็รู้ว่านากำลังจัดดอกไม้ใส่แจกัน แล้วทำไมต้องใช้เท้าเขี่ยมาตรงนี้ด้วย" เวลานี้หญิงสาวพูดออกมาอย่างเหลืออด เมื่อเธอเตรียมงานทั้งวัน จนแทบไม่มีเวลาทานข้าว มิหนำซ้ำมารดาและพี่สาวยังมาทำเรื่องให้เจ็บช้ำน้ำใจอีก                                                                                                                        "นี่แกขึ้นเสียงใส่ฉันเหรอนารี นังกาลกิณี" รวีพูดพร้อมกับใช้มือผลักลงไปที่ศีรษะของนารีอย่างแรง จนเธอนั้นตัวเอนล้มลงไปกองกับพื้น ผู้เป็นมารดากลับไม่ห้ามปรามสักคำ ปล่อยให้รวีกระทำกับเธอราวกับว่าไม่ใช่ลูกอีกคน                                                                                                           "นาแค่บอกพี่ดีๆ ทำไมต้องลงไม้ลงมือด้วย แม่ค่ะ นาใช่ลูกของแม่หรือเปล่า ทำไมทุกคนถึงทำเหมือนกับว่านาไม่ใช่คนในครอบครัว ถ้าต้องการให้นาออกไปจากที่นี่ ก็บอกกันดีๆ ก็ได้ นาจะไป ถ้ามันทำให้ทุกคนสบายใจขึ้น" นารีร้องไห้ฟูมฟายพูดออกมาทั้งน้ำตา เมื่อเวลานี้เธอนั้นรู้สึกไร้ค่า แม้แต่บ่าวรับใช้ในบ้านผู้เป็นมารดายังพูดจาดีด้วย มากกว่าเธอที่เป็นลูกในไส้ด้วยซ้ำไป                                                               "โตขึ้นปีกกล้าขาแข็ง ก็คิดจะออกไปจากบ้าน แกไม่สำนึกในบุญคุณข้าวแดงแกงร้อนของฉัน ที่เลี้ยงแกมาเลยเหรอนังนารี หรือว่าหล่อนอยากจะออกไปจากที่นี่ เพียงเพราะว่าขี้เกียจทำงาน หรือไม่คงอยากมีผัวจนตัวสั่น เขาคงหาเลี้ยงดูหล่อนได้ดีเท่าฉันหรอกนะ" คำพูดของผู้เป็นมารดาเหมือนมีดกรีดลงมากลางใจ นอกจากเธอจะไม่ได้ยินคำปลอบโยนปลอบใจ มิหนำซ้ำคำพูดเหล่านั้นมันกลับทิ่มแทงให้เธอรู้สึกเจ็บมากกว่าเดิม         "แค่จัดดอกไม้ เป็นชั่วโมงก็ยังไม่เสร็จ นี่ก็ใกล้เวลาที่คุณพ่อได้นัดคุณอาร์มันโด้ไว้แล้ว รวีเคยเห็นแต่ในรูปหากได้เจอตัวเป็นๆ จะไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือไปเลย คุณแม่รีบจัดการให้นังนี่จัดดอกไม้ให้เสร็จก่อนที่แขกของคุณพ่อจะมา รวีขอไปเปลี่ยนชุดสวยๆ ก่อนนะคะ"                                         รวีพูดพร้อมกับรีบวิ่งขึ้นไปบนบ้าน เมื่อนักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อโพรไฟล์ดี แถมดีกรียังโสด กำลังจะมาเยือนบ้านหลังนี้ ในขณะที่บรรดาสาวๆ ค่อนประเทศต่างชอบและหวังที่จะได้เขามาแนบกาย รวีจึงหวังจะใช้โอกาสครั้งนี้มัดใจชาย ด้วยการแต่งตัวเซ็กซี่และเย้ายวน ที่ผ่านมาไม่มีผู้ชายคนไหนละสายตาจากเธอไปได้ และคราวนี้รวีก็หวังว่าอาร์มันโด้จะตกตะลึงในความงามและเซ็กซี่ของเธอ หล่อนจะทำให้เขาหลงจนหัวปักหัวปำ จนอยากจะสานสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งและตรึงใจ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD