เมื่อเหตุผลอยู่เหนือหัวใจ2

1339 Words
"ฉันไม่คิดว่าพวกคุณจะมาพลอดรักกันที่นี่ วันนี้เป็นวันพระใหญ่ ยังไงก็ควรมีจิตสำนึกของความเป็นมนุษย์ ที่มีจิตใจสูงกว่าสัตว์หลายเท่า ควรจะไปทำอะไรที่มันบัดสีในที่ลับตาคน" นารีพูดออกมาโดยที่เธอนั้น ไม่ได้ขุ่นเคืองใจในสิ่งที่อาร์มันโด้ทำ แต่เธอไม่ชอบที่เขามาทำอะไรแบบนี้ ในขณะที่เธอนั้นกำลังร้อยมาลัยไหว้พระ "ปากดี เธอเปรียบฉันกับคุณอาร์มันโด้กับสัตว์เหรอ" ลูเซียพูดพร้อมกับตรงเข้ามาที่นารี เพล้ง!! ลูเซียผลักนารีอย่างแรงจนดอกไม้กระจัดกระจายไปทั่ว "โอ๊ย! .." นารีร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อเข็มร้อยมาลัยทิ่มลงไปที่แขนของเธอ แผลฉีกลึกจากแรงกระแทกกับพื้น ทำให้มีเลือดซึมออกมา "นารี! .." อาร์มันโด้ร้องออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะวิ่งเข้าไปดูแผลที่แขนของหญิงสาว ที่เวลานี้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความห่วงใย และรู้สึกเจ็บใจที่คิดทำอะไรให้เธอนั้นต้องเจ็บตัว "ป้านวลขอสำลีผ้าก๊อซแอลกอฮอล์หน่อย" อาร์มันโด้ตะโกนออกไปเสียงดัง "ปล่อย! " นารีสะบัดแขนออก พร้อมกับเปล่งวาจาออกมาด้วยน้ำเสียงห้วนๆ เมื่อเธอนั้นกำลังรู้สึกเจ็บใจมากกว่าแผลที่มีเลือดไหลซึม "เธอทำเข็มทิ่มเองนะ โทษฉันไม่ได้" ลูเซียพูดออกมาอย่างไม่รู้สึกผิดเลยสักนิด ในสิ่งที่ตนเองได้กระทำ "คุณกลับไปก่อนลูเซีย วันนี้ผมอารมณ์ไม่ดีแล้ว" อาร์มันโด้พูดเสียงเรียบ แต่แววตาของเขากลับดุดัน เนื่องจากพยายามเก็บอาการโกรธเอาไว้ จนทำให้ลูเซียรู้สึกขนหัวลุก รีบเดินออกจากบ้านไป เมื่อเธอนั้นไม่เคยเห็นอาการของชายหนุ่มเป็นแบบนี้มาก่อน "ตายแล้ว! เกิดอะไรขึ้นค่ะคุณนักรบ" ป้านวลเดินเข้ามาพร้อมกับกระเป๋าปฐมพยาบาลในมือ "ไม่มีอะไรค่ะป้า คือนาสะดุดขาตัวเองล้ม เดี๋ยวนาขอไปล้างแผลในห้องน้ำก่อนนะคะ" นารีพูดพร้อมกับรีบเดินออกไป จนทำให้อาร์มันโด้มองตามหลังอย่างรู้สึกผิด แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่ตระกูลกสิเทพพาณิชย์ทำเอาไว้ ทำให้เขานั้นควบคุมตัวเองไม่ได้ทุกที ทั้งที่หัวใจพยายามบอกให้ละเว้นเธอไว้สักคนแต่เมื่อเหตุผลอยู่เหนือหัวใจ จึงมักทำให้เขานั้นหลงลงมือทำร้ายเธอ และไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เขาจะควบคุมมันได้หรือไม่ ถ้าหากว่าวันหนึ่งต้องพลั้งมือทำร้ายเธออย่างไม่น่าให้อภัย เมื่อนารีเดินออกไป ทำให้ป้านวลจ้องมองไปที่ใบหน้าของชายหนุ่ม ที่นางนั้นเลี้ยงมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก จึงรู้ดีถึงสิ่งที่นักรบกำลังจะทำ ที่สำคัญทำลงไปแล้วกลับทำให้ตัวเองต้องเจ็บปวด แน่นอนผลของการพยาบาทจองเวรกันไม่มีที่สิ้นสุด สุดท้ายแล้วคนที่จะเจ็บปวดคือเขาเอง เพราะนารีเป็นดั่งผ้าขาวที่บริสุทธิ์ ในขณะที่นักรบถือพู่กัน เพื่อระบายสีแต่งแต้มลงไป หากเขาวาดออกมาได้สวย มันก็จะกลายเป็นศิลปะ แต่ถ้าเขาตั้งใจทำไป เพียงเพราะความสะใจ ต่อให้ใครหลายคนมองว่ามันคือศิลปะแต่ตัวเขาย่อมรู้ดีว่ามันไม่ใช่เลย "คุณหนูกำลังคิดจะทำอะไร ป้าบอกว่าใช่ไหมให้ละเว้นคุณนารี เธอน่าสงสาร แม้จะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของกะสิเทพพาณิชย์ แต่ทุกคนในบ้านก็ใช่ว่าจะเห็นเธอเป็นคนในครอบครัว" สิ่งที่ป้านวลพูดออกมานั้นนักรบรู้ดี เพียงแค่เขายับยั้งชั่งใจไม่ได้ "ผมจะพยายามครับแม่นวล" ชายหนุ่มพูดออกมาอย่างรู้สึกผิด ที่ทำให้นารีนั้นต้องเจ็บตัว "ป้านวล ขอแอลกอฮอล์ด้วยค่ะ เดี๋ยวนาจะล้างแผลแล้วทายา" นารีเดินเข้ามา ในขณะที่แผลของเธอยังมีเลือดซึมออกมาให้เห็น "ตายแล้วไหนดูซิ มานั่งลงเดี๋ยวป้าจะทำให้" ป้านวลพูดพร้อมกับหยิบแอลกอฮอล์ขึ้นมาเทใส่สำลี "แผลไม่ลึกแล้วก็ไม่กว้างหรอกค่ะ เดี๋ยวหน้าทำเอง" นารีพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบสำลี แต่มือหนาของใครบางคน คว้ามันไปก่อนเธอ "นั่งนิ่งๆ เดี๋ยวจะทำแผลให้ กลัวคนแถวนี้จะว่าผมแล้งน้ำใจ" นักรบพูดพร้อมกับจ้องมองไปที่หญิงสูงวัย แต่นางกลับแอบฉีกยิ้มบางๆ ส่งมาให้ชายร่างสูงใหญ่แทน เมื่อป้านวลรู้ดีว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายใจร้าย อย่างที่พยายามแสดงออกมา "เอามานี่ แผลแค่นี้จะทำเองได้ ไม่ต้องให้ถึงมือคุณหรอก" นารีพูดพร้อมกลับพยายามจะยื้อเอาสำลีในมือของนักรบมา แต่เขากลับย่อตัวลงนั่งคุกเข่าต่อหน้าเธอ "อย่าดื้อได้ไหม อยู่เฉยๆ" นักรบพูดพร้อมกับเอาสำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดไปรอบๆ แผล "โอ๊ย! .." นารีรู้สึกแสบขึ้นมาทันที เมื่อโดนแอลกอฮอล์ เพราะมันเป็นแผลสด "ผมขอโทษ ไหนดูซิ" นับรบพูดพร้อมกับเป่าลงไปที่แผลของนารี การกระทำของเขาทำให้เธอนั้นรู้สึกใจเต้นแรง เพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครเอาใจใส่ดูแลเธอเท่ากับชายตรงหน้าแบบนี้มาก่อนเลย "พอเลยน้ำลายคุณกระเด็นใส่แผลฉันหมดแล้ว ฉีดวัคซีนหรือยังก็ไม่รู้" นารีพูดพร้อมกับเอาฝ่ามืออีกข้างมาบังแผลที่แขนตัวเองไว้ แต่ป้านวลฉีกยิ้มกว้าง เมื่อหญิงสาวเรียบร้อยดั่งผ้าพับไว้ เหมือนกุลสตรีไทย แต่คำพูดคำจานารีไม่เป็นรองใคร หรือเธอนั้นไม่ยอมแค่นักรบคนเดียว "แม่นวลเป็นพยาน ดูสิคนโปรดของแม่นวลพูดจาให้ร้ายผมแบบนี้ได้ยังไง ผมเป็นคนไม่ใช่สุนัข เห็นหน้าตาหน่อมแน้มปากร้ายไม่เบานะคุณเนี่ย" นักรบพูดพร้อมกับทำหน้างอนๆ แต่ก็ยังเอื้อมมือไปหยิบปลาสเตอร์มาปิดแผลให้กับนารี คราวนี้เธอยอมนั่งนิ่งๆ เพราะคิดว่าคำพูดเมื่อครู่มันแรงเกินไป "ขอบคุณค่ะ และขอโทษด้วยที่พูดแรงเกินไปเมื่อสักครู่" เธอยอมขอโทษเขา เมื่อนึกขึ้นได้ คืนนั้นหากเขาไม่ช่วยชีวิตเธอไว้ ป่านนี้คงโดนชายแปลกหน้ารุมโทรมย่ำยีไปแล้ว "ไม่เป็นไรหรอกครับ ถือว่าเจ๊ากันไป ผมเองก็เป็นต้นเหตุให้คุณเจ็บตัวแบบนี้" นักรบพูดพร้อมกับลุกขึ้นไปนั่งที่โซฟากว้างข้างๆ นารี "ป้านวลให้งามตามาทำความสะอาด เก็บกวาดดอกไม้พวกนี้ให้นาได้ไหมคะ เพราะมันคงใช้บูชาไม่ได้แล้ว เดี๋ยวนาจะไปเก็บใหม่ และจะนั่งร้อยที่สวนเลย" นารีพูดออกมาอย่างรู้สึกผิด เมื่อดอกไม้มากมายเหล่านี้ไม่สามารถนำมาใช้งาน เพื่อบูชาได้อีกแล้ว "อย่าห่วงเลย มันเป็นหน้าที่ของงามตาอยู่แล้ว แค่เก็บกวาดดอกไม้พวกนี้ไม่ได้หนักหนาอะไรเลย หนูนารีไปร้อยพวงมาลัยเถอะจ้า" หญิงสาวยิ้มบางๆ ไปให้ป้านวลแทนคำขอบคุณ ก่อนจะลุกขึ้นยืนไปหยิบอุปกรณ์ร้อยมาลัย มาใส่ถาดพร้อมหยิบตะกร้าเดินออกจากบ้านไป นักรบมองตามหลังร่างระหงด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย เมื่อเธอนั้นเป็นลูกสาวของนายศรเทพและนางพิกุล บุคคลที่ทำให้บิดามารดาของเขาต้องมาลาจากโลกนี้ไป "คุณหนูทำไมถึงทำหน้าแบบนั้นเล่า ถ้ารู้สึกผิดก็ไปช่วยนารีเก็บดอกไม้ เธอจะได้ร้อยมาลัยเสร็จเร็วๆ " หญิงสูงวัยดูออกว่าเขานั้นกำลังคิดอะไร แล้วทำไมจะต้องเชื่อสมองมากกว่าหัวใจ ในเมื่อเรื่องราวทุกอย่างกลับไปแก้ไขไม่ได้อีกแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD