หัวใจเต้นแรง2

1468 Words
"ฉันจำได้แล้ว! คุณใช่ไหม..ที่เข้าไปในครัวที่บ้านของฉันวันนั้น ฉันว่าแล้วเชียวทำไมถึงคุ้นหน้าคุณจัง" นารีพูดออกมาอย่างตื่นเต้น พร้อมกับดีดตัวลุกขึ้นนั่ง "โอ๊ย! สรุปคืนนี้ผมจะได้นอนไหมเนี่ย ความจำสั้นฉิบหายเลย แล้วจะมานึกได้อะไรตอนนี้ ถ้าผมเป็นศัตรูของคุณ ป่านนี้คุณคงจะโดนฆ่าตายไปแล้วมั้ง นอนได้แล้ว!" อาร์มันโด้พูดพร้อมกับคว้าตัวนารีกดลงนอนราบกับเตียง วันนี้เข้าทำงานเหนื่อยมาทั้งวันต้องการจะพักผ่อน แต่นารีกลับกวนใจเขาขึ้นมาทุกครั้งขณะที่กำลังจะหลับลง "แค่ถามนิดถามหน่อยก็ไม่ได้ ชิ! .." นารีพูดพร้อมกับพลิกตัวนอนตะแคงข้าง หันหลังให้กับอาร์มาโด้ เขายิ่งชอบใจรีบคว้าไว้ไปที่เอวคอดของเธอ แล้วรั้งตัวหญิงสาวร่างเล็กเข้าหา โดยไม่สนใจว่าเธอจะดิ้นหรือมีท่าทางก็ฟัดกะเฟียดแค่ไหน "นอนนิ่ง ๆ อย่าให้ผมได้พูดเป็นครั้งที่สองที่สาม เพราะถ้าน้องชายผมตื่นขึ้นมาแล้วล่ะก็ รับรองคุณไม่ได้นอนทั้งคืนแน่" คำขู่ของอาร์มันโด้ดูเหมือนจะได้ผล นารีนั้นเริ่มสงบลง นอนนิ่ง ๆ ยอมให้ชายแปลกหน้าโอบกอดดั่งที่ใจปรารถนา ทั้งที่เธอนั้นควรขัดขืน แต่หญิงสาวกลับปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจ ทั้งที่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน แต่นารีกลับรู้สึกอบอุ่นอย่างน่าประหลาดใจ เมื่ออยู่ภายใต้อ้อมกอดของชายผู้นี้ ก่อนที่จะหลับนารีคิดไปต่าง ๆ นานา เมื่อการหนีมาของเธอนั้น ยังไงก็คงไม่พ้น ผู้เป็นบิดาต้องจับเธอกลับไปแต่งงานกับชายที่ไม่รู้จักมักคุ้นอยู่ดี เธอไม่อาจรู้ได้ว่าความรู้สึกที่มี ให้กับชายคนนั้นจะเหมือนกับชายแปลกหน้าที่นอนเคียงข้างในค่ำคืนนี้หรือไม่ นั่นคือคำถามในใจ ที่นารีให้คำตอบตัวเองไม่ได้นอกจากวันนั้นจะมาถึง เช้าของวันใหม่ นารีตื่นแต่เช้ามืดเข้าครัว ในตู้เย็นมีวัตถุดิบสำหรับทำอาหารไม่กี่อย่าง เธอจึงตัดสินใจทำข้าวต้มกุ้ง เพราะนารีคิดว่ากุ้งใช้ทำข้าวต้มง่ายสุด กลิ่นอาหารหอมกรุ่นลอยไปเตะจมูกอาร์มันโด้ เขาไม่รู้ใครตื่นไปทำอาหารตั้งแต่เช้าแบบนี้ เพราะปกติแม่นวลจะตื่นสายกว่านี้ เนื่องจากนางมีอายุมากแล้ว อาร์มันโด้มองซ้ายขวา เขามีคำตอบให้กับตัวเองแล้วว่าใคร จึงตัดสินใจลุกขึ้นแล้วเดินลงไปข้างล่างในทันที ภาพของหญิงสาวตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มถึงกับยิ้มกว้าง ในขณะที่สมองของเขาบอกว่าเธอนั้นคือลูกของศัตรู แต่หัวใจกลับยอมรับให้เธอนั้นเข้ามาอยู่ภายในใจ โดยไร้เงื่อนไขใด ๆ ทั้งสิ้น "ทำอะไรแต่เช้า" อาร์มันโด้เดินเข้ามาใกล้นารีแล้วเอ่ยถามออกไป "ว้าย! ถ้าฉันหัวใจวายตายขึ้นมาจะทำยังไง เดินเข้ามาไม่ให้สุ้มให้เสียงแบบนี้" นารีเอามือขึ้นมากุมไว้ที่อก พร้อมกับพูดโวยวายออกไปเสียงดัง "อ้าว! ก็ถามออกไปอยู่นี่ไง แปลกคน" อาร์มันโด้พูดพร้อมกับนั่งลงที่เก้าอี้ในครัว "แล้วคุณจะมานั่งทำอะไรตรงนี้ ไหนบอกว่ามีธุระตั้งแต่เช้าตรู่ไม่ใช่เหรอ รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ามาทานข้าวต้มสิ" นารีพูดออกไปโดยไม่ได้คิดอะไร แต่อาร์มันโด้นั้นกลับจ้องมองมาที่ใบหน้างาม ด้วยความแปลกใจกับสิ่งที่นารีทำให้เขาในเช้าวันนี้ "คุณรู้ตัวหรือเปล่านารี ว่าคุณกำลังทำตัวเหมือนกับเป็นภรรยาของผมเลย แต่ผมก็ชอบนะกับสิ่งที่คุณกำลังทำให้ในตอนนี้" พูดจบอาร์มันโด้ก็เดินผิวปากออกจากครัวไปอย่างอารมณ์ดี ปล่อยให้น้ารียืนทำหน้าแดง เพราะความเขินอายอยู่ตรงนั้น เมื่อเธอกำลังนึกขึ้นได้ ถึงการกระทำของตัวเอง ทั้งที่เพิ่งเจอเขาเมื่อวาน แต่ทำไมเธอเชื่อใจและไว้ใจเขาได้มากขนาดนี้ หรือเป็นเพราะว่าเขาเป็นผู้ชายคนแรกที่เธอนั้นได้เข้าใกล้ เมื่อเธอนั้นเพิ่งเคยได้สัมผัสความอบอุ่นจากอ้อมกอด ที่ปรารถนามาทั้งชีวิต หวังให้ใครสักคนมาเติมเต็ม แต่ไม่นานเธอก็ต้องจากเขาไปอยู่ดี อย่างน้อยความรู้สึกที่มีก็ทำให้เธอได้รู้สึกว่าครั้งหนึ่งมีใครบางคนมอบมันมาให้ ภายใต้สายใยที่ไม่สามารถสานสัมพันธ์ต่อไปได้ บ้านกสิเทพพาณิชย์ ครั้นเมื่อทุกคนตื่นมาในยามเช้า กลับพบว่านารีได้หายไป ปกติเธอนั้นจะเข้าครัวตั้งแต่ไก่โห่ เพื่อมาช่วยแม่ครัวปรุงอาหารให้กับคนในบ้านได้รับประทาน นั่นคือหน้าที่และงานประจำที่เธอนั้นปฏิบัติมาเนิ่นนาน "นารีหายไป เป็นไปได้ยังไงหาทั่วเรือนแล้วหรือยัง" ประมุขของบ้านพูดออกมาด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ อย่างไม่ค่อยพอใจ ในสิ่งที่สาวใช้ในบ้านรายงาน "หาจนทั่วแล้วค่ะคุณท่าน เพราะว่าช่วงเช้าของวันนี้คุณนารีไม่ได้เข้าครัวเลยค่ะ" สาลี่คือสาวใช้อีกคน ที่ค่อนข้างจะเห็นใจนารี เมื่อเธอนั้นเห็นทุกคนในบ้านปฏิบัติต่อลูกสาวคนเล็กราวกับว่าเป็นเด็กที่เก็บมาเลี้ยง "ไอ้เชิด บอกให้ทุกคนออกจากตามหานารี มันน่าจะอยู่ละแวกนี้ไปไหนได้ไม่ไกล" น้ำเสียงที่แข็งกร้าว เหมือนกำลังโกรธลูกสาวคนเล็กมาก ทำให้นายเชิดรีบไปจัดการ เพราะเขาเองก็สงสารและเห็นใจนารี กลัวว่าเธอนั้นจะเป็นอันตรายมากกว่า นั่นคือสาเหตุที่เขารีบออกไปแบบนี้ "เกิดอะไรขึ้นค่ะคุณพี่ ทำไมทุกคนถึงดูวุ่นวายกันจัง" คุณนายพิกุลเอ่ยถามสามีออกไป เมื่อเธอนะรู้สึกแปลกใจที่เห็นทุกคนวุ่นวายกันทั้งบ้าน "ก็นังนารีนะสิ ไม่รู้ว่าหายไปไหน" ชายสูงวัยพูดออกมาด้วยใบหน้าที่เป็นกังวล "ฮ๋า! แล้วอย่างนี้เงินสินสอดทั้งหมด คุณอาร์มันโด้จะไม่เรียกคืนเหรอคะ คุณพี่ต้องจัดการรีบหามันให้เจอ คงคิดหนีงานแต่ง ไม่รู้สึกสำนึกในบุญคุณข้าวแดงแกงร้อนที่เราเลี้ยงมันมาเลยหรือยังไง" คุณนายพิกุลพูดออกมาด้วยใบหน้าและท่าทางที่โกรธเคืองไม่แพ้ผู้เป็นสามี เมื่อคิดว่านารีควรทำตามที่คำสั่งของบิดามารดาทุกประการ "คุณแม่ทำไมทุกคนถึงได้วุ่นวายเสียงดังจังเลย เมื่อคืนรวีกลับดึกว่าจะนอนพัก แล้วนี่อะไรแหกปากอยู่ได้คนกำลังจะนอน" รวีพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วเธอกลับจวบจนฟ้าสางต่างหาก แต่ไม่มีใครว่า แม้รวีจะเที่ยวทุกราตรีกาล "ก็นังนารีนะสิ ไม่รู้ว่ามันหายหัวไปไหน สงสัยจะหนีการแต่งงาน นังลูกนอกคอกคนนี้ มันกำลังจะทำให้ตระกูลกสิเทพเดือดร้อน" คุณนายพิกุลพูดออกมาด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่เจ็บใจ แต่รวีกับยิ้มร่า เมื่อเธอกำลังคิดว่า หากไม่มีนารีแล้วเจ้าสาวของอาร์มันโด้ก็ควรจะเป็นเธอ "ช่างมันเถอะค่ะแม่ รวีจะแต่งงานขอบคุณอาร์มันโด้ แทนนารีเอง" รวีพูดออกมาด้วยดวงตาที่ฉายแววมุ่งมั่นกับสิ่งที่เธอนั้นกำลังคิดจะทำ เพราะยังไงอาร์มันโด้ก็ควรที่จะเป็นของหล่อน ไม่ใช่นางก้นครัวอย่างนารี "ไม่ได้! ในเงื่อนไขสัญญานั้นระบุเอาไว้ชัดเจน เจ้าสาวของอาร์มันโด้จะต้องเป็นนารีเท่านั้น หากทางเราเปลี่ยนคน ทุกอย่างก็จะกลายเป็นโมฆะ เงินตั้งสองร้อยล้านมันไม่คุ้มกันหรอกนะรวี" คำพูดของบิดาทำให้ลูกสาวทำหน้างอ เพราะนี่คือครั้งแรกที่เธอโดนขัดใจ ที่สำคัญเรื่องนี้หล่อนนั้นมิอาจที่จะทำใจให้ยอมรับความพ่ายแพ้แก่นารีได้ "คอยดูเหอะ! รวีจะแย่งคุณอาร์มันโด้กลับคืนมาให้ได้" พูดจบรวีก็กระทืบเท้าเดินเข้าห้องไป โดยไม่ได้สนใจบิดามารดาที่นั่งมองตามหลัง ด้วยความรู้สึก อยากให้ลูกสาวคนรองสมใจ แต่เมื่อมันเป็นความปรารถนาของชายหนุ่มแล้วไซร้ พวกเขาคงทำอะไรไม่ได้ นอกจากยอมตามทำตามน้ำไปก็เท่านั้นเอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD