ชายหนุ่มเฝ้ามองอยู่ด้านหลัง เขาได้เห็นทุกความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับเด็กคนนี้ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานสักเท่าไหร่ เด็กอนุบาลที่เขาเจอในวันนั้นก็ยังมีความเข้มแข็งแฝงอยู่ในตัว ถึงชีวิตจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ก็ผ่านมาได้แล้ว ถือว่าหลุดพ้นจากชีวิตเฮงซวยเสียที
รังสิมันต์ไม่รู้ว่าตนเองหลุดเข้าไปอยู่ในโลกของเด็กผู้หญิงคนนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีเขาก็เดินทอดน่องจากวัด ตามกลับมาที่ซอยบ้านของ 'เมรัย'
แต่ก่อนจะถึงบ้าน สองข้างทางก็เต็มไปด้วยพวกเด็กวัยรุ่น เด็กแว้นมอเตอร์ไซค์เก่าๆ ยืนเรียงราย จนเขาเริ่มรู้สึกเป็นห่วงความปลอดภัย ของเด็กผู้หญิงคนนี้
"เมล์!"
เสียงหนึ่งตะโกนเรียกเด็กสาวในชุดนักศึกษา ก่อนจะรีบวิ่งจากกลุ่มเพื่อนไปขนานข้าง ในขณะที่เขากำลังเฝ้ามองพฤติกรรมดังกล่าว อยู่หลังต้นไม้ใหญ่ไม่ไกลนัก หากต้องการความช่วยเหลือ เขาจะรีบเข้าไปทันที
"ได้ข่าวว่าพ่อตายแล้วเหรอ?"
"อืม"
"อย่างงี้ก็รอดแล้วดิ ไม่ต้องมีคนมาคอยตบตีด้วย"
"อืม"
"เป็นอะไรไปอะ ไม่ดีใจที่พ่อตายเหรอ?"
เป็นคำถามที่ไร้หัวคิดมาก คงมีแต่เด็กพวกนี้ที่คิดได้
"ถ้าพ่อมึงตาย มึงจะดีใจไหมล่ะ?"
ประโยคสวนกลับ ทำเอาคนหลังต้นไม้อึ้งไปชั่วขณะ
"ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ปล่อย กูจะกลับบ้าน"
รังสิมันต์เพิ่งเห็นว่าเด็กแว้นหัวแดงคนนั้นถือวิสาสะจับแขนเธอ เลยคิดที่จะเข้าไปปกป้อง แต่แล้วก็ต้องหยุดความคิดนั้น เพราะกลุ่มเด็กแว้นที่มีผู้ชายนับสิบ เดินเข้าไปล้อมวงตัวเธอ ทำให้เขาต้องคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้
"ถ้ากูยิงหัวเด็กพวกนี้ จะถือว่าทำเกินกว่าเหตุไหมวะ?"
สายตาคมกริบกดต่ำ มองรอยนูนใต้แจ็คเก็ตหนังสีดำเงาที่เขาสวมใส่อยู่ หากนำอาวุธออกมาใช้กับเด็กพวกกระโปก จะไร้ประโยชน์จนเกินไป จึงคิดหาวิธีอื่นแทน
"กูออกไปจัดการเองดีกว่า"
ใช้เวลาตัดสินใจสามวินาที ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะเดินไปหาเด็กสาว ใช้มือหยาบผลักดันร่างเด็กผู้ชายหัวหลากสีออกไปให้พ้นจากเมรัย ก่อนจะใช้แววตาเหี้ยมเกรียมสีอิฐกวาดมองไปที่เด็กแว้นพวกนั้น ให้หยุดข่มเหงรังแกผู้หญิง
"ลุงเป็นใครวะ?"
ไอ้หัวแดงเปิดคำถามแรกก็ยั่วประสาทเลย
"กูเป็นผู้ปกครองของเมรัย พวกมึงอะ เป็นใคร?"
"อุ๊บ! วะฮ่าฮ่า ผู้ปกครองของเมรัยอ้อวะ ฮ่าฮ่าฮ่า!"
มันหันไปขำก๊ากกับกลุ่มเพื่อนเด็กกระโปกด้วยกัน
"ขำเหี้ยอะไรของพวกมึง ดูดม้าจนรั่วไปแล้วอ้อวะ?"
พวกมันหยุดขำทันที ที่โดนหนุ่มรุ่นราวคราวพ่อสวนกลับ ก่อนที่ไอ้หัวแดงจะเดินเข้ามาผลักไหล่ร่างใหญ่ แต่ผลักไม่ไป เพราะตัวเขาเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแกร่ง
"มึงคิดว่ามึงแก่กว่า ตัวใหญ่กว่า แล้วจะด่าพวกกูยังไงก็ได้อ้อวะ มึงแหกตาดูด้วย ว่าที่นี่มันถิ่นใคร พวกกูมีเป็นร้อย ถ้าตามมา มึงมันก็แค่หมาจนตรอกแหละวะ"
"หึ..."
ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปากอย่างไม่เกรงกลัว
"กูว่าพวกมึงต่างหากที่เป็นหมา หมาหมู่ไง มาตัวเดียวได้เรื่องกันซะที่ไหน ดูสภาพแต่ละตัวดิ๊ ผอมกะหร่องก่องจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาสู้กับกู ทางที่ดีเลิกดูดม้าซะ แล้วไปตั้งหน้าตั้งตาเรียนให้มันจบ อนาคตจะได้ดีกว่านี้"
เขาสอนให้พวกมันคิดได้ แต่ดูจากสีหน้าคงไม่
"มึงไม่ใช่พ่อพวกกู ไม่ต้องเสือกสั่งสอน!"
"ถ้ากูมีลูกอย่างพวกมึง กูก็เอาขี้เถ้ายัดปากไปนานแล้วไอ้ควาย! เด็กเหี้ยอะไร สักเกลื่อนเต็มตัว สัมมาคารวะก็ไม่มี ถ้าเป็นลูกเป็นหลานกูจะตบให้หัวหลุด!"
เขาจะไม่ทนให้ไอ้เด็กเวรพวกนี้ปีนเกลียวเด็ดขาด ถ้าอยากจะมีเรื่องก็มา นักเลงอย่างเขาพร้อมปะทะเสมอ!
"ไอ้แก่นี้แม่งปากแจ๋ววะ จัดให้แม่งสักชุดดิ๊!"
ไอ้หัวแดงควักปืนมีดพกออกมา
"มึงก็มาดิ!"
กระบอกปืนสีเงิน ถูกยกขึ้นมาจ่อหน้ามัน
"ถ้าอยากหัวพรุนเรียงตัวพวกมึงก็เข้ามาเลย!"
พวกมันพากันเลิ่กลั่กเมื่อเห็นปืนจริงในมือเขา แต่ก่อนจะต่อบทสนทนาดุเดือดเลือดพล่าน มือขาวบอบบางก็เอื้อมมากระชากแขนกำยำอีกข้าง ก่อนจะออกแรงดึงให้ชายหนุ่มรีบวิ่งหนีไปจากตรงนี้
"แม่งมีปืนปลอมแน่เลย พวกเราตามไปกระทืบแม่ง!"
คำสั่งจากไอ้หัวแดงตะโกนลั่นซอย ก่อนที่กลุ่มเด็กแว้นนับสิบจะรีบวิ่งสี่คูณร้อยตามมา เขากับเด็กผู้หญิงที่วิ่งนำหน้าก็ใส่เกียร์หมาไม่ต่างกัน ถึงจะงงงวยกันการตัดสินใจของเธอ แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าเธอไม่อยากให้เขาไปมีเรื่องปะทะคารมกับพวกเด็กแว้นให้เสียเวลา
"หลบตรงนี้ก่อน!"
พอเขาเห็นที่ซ่อน ก็รีบอุ้มคนตัวเล็กให้เข้าไปหลบอยู่ในซอยแคบ ที่สามารถเข้าไปอยู่ได้สองถึงสามคน แต่เขาตัวใหญ่ กล้ามใหญ่ เลยอยู่ได้แค่สองคน ยังดีที่อีกคนตัวเล็กมากจึงสามารถหลบซ่อนได้อย่างแนบเนียน
"กูเห็นพวกมันวิ่งมาทางนี้ พวกมึงหาให้เจอ!"
เสียงตะโกนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปะปนกับเสียงฝีเท้า เสียงบิดรถมอเตอร์ไซค์วุ่นวายกันอยู่ตรงปากทาง ถ้าพวกมันฉลาดสักนิด แล้วส่องไฟเข้ามาเห็นเราสองคน งานนี้ได้เสียกระสุนปืนหมดแม็กแน่
แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก
ชายหญิงหอบหายใจทางปากเป็นจังหวะเดียวกัน ร่างกำยำยังคงโอบอุ้มคนตัวเล็กเอาไว้ไม่ยอมปล่อย สร้างความแนบชิดในรอบสิบสามปี ที่เราได้กลับมาเจอกัน
ฝ่ามือหยาบใหญ่ประคับประคองบั้นท้ายงอนงาม ด้วยเรี่ยวแรงมหาศาลที่ตนเองมีอยู่ พร้อมกับสูดลมหายใจเต็มปอด กอบโกยกลิ่นหอมละมุนของครีมอาบน้ำเด็ก
ขณะนั้นเองก็มีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น...
เมื่อจู่ๆ ใจกลางความเป็นชายของรังสิมันต์ ก็ผงาดขึ้นจนคับแน่นเป้ากางเกงที่ตนเองสวมใส่ และเป็นจังหวะเดียวกันกับเด็กสาว ที่เริ่มขยับเขยื้อนไปมาบนตัวเขา จนกระโปรงนักศึกษา ร่นขึ้นมาจนถึงสะโพกบางสวย
ชายหนุ่มใจเต้นระทึก ภาพในหัวชวนให้คิดไปถึงเรื่องใต้สะดือ ทั้งที่ตอนนี้กำลังตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงอันตราย ไม่ควรมีความคิดพวกนี้เกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ!