ตอนที่ 1 เรียกตัวกลับ
ความวุ่นวายในเวลาใกล้เลิกงาน ณ บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ได้วนกลับมาอีกครั้ง เมื่อนาฬิการูปวงกลมแขวนติดฝาผนังในห้องฝ่ายบุคคลเข็มยาวชี้เลข10 อีกไม่กี่นาทีก็จะห้าโมงแล้ว
พนักงานในห้องบางส่วนรีบเคลียร์งานให้เสร็จทันก่อนเลิกงาน บางส่วนก็จัดของปิดคอมนั่งเม้าท์คุยกันอย่างสนุกปากรอเวลา
น้ำตาลนั่งยิ้มมองเจ้าสมาร์ทโฟนอยู่บนโต๊ะทำงานมุมหนึ่งในห้องไม่สนใจใครทั้งนั้น ทำเอาบรรดาขาเม้าท์ประจำห้องอย่าง จินนี่สาวสวยที่มีความมั่นใจเต็มร้อย มองด้วยความอยากรู้อยากเห็น ก่อนหันมาคุยกับเพื่อนขาเม้าท์อีกคน
“นี่ๆดูน้ำตาลสิ นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ สงสัยนะเย็นนี้มีนัดกับนที พนักงานคนใหม่ชัวร์” จินนี่บุ้ยปากคุยกับคนในกลุ่มอย่างสนุกปาก
“เอ่อ ใช่ๆ ไวไฟกันจริงๆเนาะ คู่นี้ นทีเพิ่งมาทำงานได้สองเดือนเองนี่”
“ไม่รู้สินะ ไม่แน่อาจจะไปถึงกันแล้วก็ไม่รู้ อิอิอิอิ” จินนี่ยกมือบังปากตัวเองหัวเราะคิกคิก
น้ำตาลรีบหุบยิ้ม เมื่อได้ยินกลุ่มขาเม้าท์พาดพิงถึงตัวเอง ถอนหายใจ ใบหน้าหวานใสรีบเงยหน้ามองนาฬิกา ลุกขึ้นยิ้มนิดๆเชิดหน้าเดินผ่านกลุ่มขาเม้าท์นั้นไป
เป็นไปตามที่กลุ่มของจินนี่คุยกันไม่มีผิด น้ำตาลมีนัดกับนที ชายหนุ่มที่เพิ่งเข้ามาทำงานในบริษัทแห่งนี้ แม้จะอยู่คนละฝ่าย เธอกับเขามักเจอกันอยู่เป็นประจำ นทีทำงานอยู่ฝ่ายไอที มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลเครื่องคอมพิวเตอร์ให้ฝ่ายบุคคลโดยเฉพาะ
นทีหนุ่มเชียงใหม่ตั้งแต่กำเนิด ผู้มีใบหน้าใสดูหล่อเหลายิ่งมีผิวขาวเหมือนหยวกกล้วย จึงจัดเป็นคนหน้าตาดีมีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามโดยเฉพาะบรรดาสาวโสดในออฟฟิศทั้งหลาย ต่างหันให้ความสนใจนทีมากเป็นพิเศษ
ทันทีที่ได้เข้ามาทำงาน นทีชอบน้ำตาลทันทีที่ได้สบตากัน ตั้งแต่วันนั้น เขาเพียรตามจีบหญิงสาวมาตลอด น้ำตาลที่มีใจชอบพออยู่แล้ว จึงยอมเปิดใจคุยกับนที แต่ยังไม่กล้าใช้คำว่าแฟนเพราะระยะเวลาหนึ่งเดือนมันยังน้อยไปสำหรับการพูดคุยเพื่อศึกษาดูใจกัน และในเย็นวันนี้นทีได้ขอนัดเธอออกไปทานข้าวด้วยกันยิ่งทำให้น้ำตาลรู้สึกตื่นเต้นมากเป็นพิเศษ
ร้านอาหารแห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงใหม่ ร่างบางในชุดกระโปรงสีครีม เดินเข้ามาพร้อมหนุ่มเหนือร่างสูง นทีเดินพามาที่โต๊ะซึ่งได้จองเอาไว้ล่วงหน้า ชายหนุ่มจัดการขยับเก้าอี้ออก น้ำตาลยิ้มแล้วนั่งลง
“ขอบคุณค่ะ” น้ำตาลหย่อนตัวนั่งลงเก้าอี้ไม้
“สั่งอาหารเลยนะ” ร่างสูงเดินมานั่งเก้าอี้ตัวตรงข้าม วันนี้เขาดูหล่อเป็นพิเศษใบหน้าขาวใส ผมเซตตั้งเปิดหน้าผาก ยิ่งทำให้โครงหน้าดูหล่อเหลามีออร่ามากขึ้น
“อืม ก็ได้” ใบหน้าหวานใสพยักหน้ายิ้มนิดๆ นทีเรียกพนักงานมารับออเดอร์
ระหว่างรออาหาร ชายหนุ่มชวนหญิงสาวพูดคุย อย่างเพลิดเพลิน
“น้ำตาล เราก็คุยกันมานานแล้วนะ” นทีคุยปูทาง ใบหน้าระบายยิ้ม
“อืม ก็ไม่นานนะ แค่สองเดือนเอง” น้ำตาลรู้ทัน จึงแหย่ออกไป นทีถึงกับไปไม่เป็นยิ้มแห้งๆรีบตั้งสติ ฉีกยิ้มกว้างก่อนจะหาทางคุยเรื่องที่เขาเตรียมเอาไว้
“สำหรับตาลอาจจะไม่นาน แต่สำหรับทีมันนานนะครับ” เขาทำเสียงจริงจัง ฝ่ามือหนาเอื้อมมากุมมือบาง ส่งสายตาขอความเห็นใจ
“ตาล เราเป็นแฟนกันนะ” นทีไม่ปล่อยจังหวะให้หญิงสาวได้พูด รีบเอ่ยปากขอเป็นแฟนทันที หญิงสาวทำท่าตกใจ จริงๆแล้วเธอรู้ว่ายังไงเขาจะต้องพูดคำนี้ออกมา เลยวางฟอร์มเล่นตัวกลบเกลื่อนความเขินอาย
“…………..”
“นะครับ นะๆ”
“ก็ได้ค่ะ” น้ำตาลพยักหน้าตอบตกลง สบายใจอย่างบอกไม่ถูก ที่ผ่านมาเขาทำให้เธอมีความสุขและไม่เหงาที่ใช้ชีวิตอยู่ต่างจังหวัดเพียงลำพัง
“ขอบคุณนะที่ให้โอกาสที ต่อไปทีจะรักษาความรักของเราให้ดีที่สุดเลย” สองหนุ่มสาวนั่งยิ้มให้กันมองตาจนทะลุไปถึงข้างในหัวใจอันบริสุทธิ์ทั้งสองดวง
“ขออนุญาตนะคะ” เสียงของพนักงานเสิร์ฟดังขัดจังหวะ ทั้งสองรีบเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ อาหารถูกเสิร์ฟวางบนโต๊ะ นทีเลยถือโอกาสชวนหญิงสาวคุยต่อ ถือเป็นการออกเดทเสียเลย
นทีขับรถมาส่ง รถยนต์มือสองค่อยๆขับเคลื่อนเข้ามาในบริเวณลานจอดรถ
“ขอบคุณนะ พรุ่งนี้เจอกัน” น้ำตาลเอ่ยเสียงหวาน มือบางปลดเข็ดขัดนิรภัยออกจากตัว
“ตาล เราเป็นแฟนกันแล้วนะ” พูดเสร็จนทีเอียงหน้าเข้าใกล้หญิงสาว ทำแก้มป่อง
“บ้าน่า ที ไม่เอาหรอก” น้ำตาลตอบยิ้มๆ แก้มแดงเหมือนลูกตำลึง นั่งคิดอยู่ในใจว่าจะทำตามที่เขาขอหรือไม่
“นะครับ ชื่นใจทีหน่อย” คำออดอ้อนดังออกจากปากชายหนุ่ม น้ำตาลใจอ่อน ค่อยๆโน้มหน้าเข้าใกล้แก้มของเขา
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrr
เสียงเรียกเข้าจากแอพริเคชั่นไลน์ดังขัดจังหวะเสียก่อน น้ำตาลสะดุ้งโหย่ง รีบออกห่างจากแก้มแฟนหนุ่มทันที มือบางค้นโทรศัพท์ในกระเป๋า รูปของนารีผู้เป็นแม่เด่นหรา
“เอ่อที แม่โทรมา งั้นตาลไปก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกัน” ว่าแล้วร่างบางรีบก้าวลงจากรถ หันหลังเดินเข้าไปในหอพัก ทิ้งให้นทีมองตามอย่างเสียดายที่แฟนสาวกำลังจะหอมแก้มตัวเองอยู่แท้ๆ
พอมาถึงห้องน้ำตาลรีบวิดีโอคอลกลับไปใหม่ แต่กลับเป็นใบหน้าของทองยิ่งขึ้นมาแทน
“อ้าวพ่อ ใช้มือถือแม่คอลมาเหรอคะ” น้ำตาลทักพ่อตัวเอง
(“อืม ทำไมรับสายช้าจัง”)
“คือว่าตาลเพิ่งกลับเข้าห้องค่ะ” หญิงสาวเลือกตอบตามตรง แต่ไม่ได้บอกสาเหตุที่รับสายไม่ทัน
(“ไปไหนมาละ”) ทองยิ่งถามเสียงเข้ม
“ซื้อของนิดหน่อยค่ะ พ่อ” เสียงหวานจากลูกสาวคนโตตอบกลับ
(“ตาลรับปริญญาเมื่อไหร่นะ”)
“อืม” น้ำตาลทำท่าครุ่นคิด
“อีกสามเดือนค่ะพ่อ”
(“งั้นตาลทำเรื่องลาออกล่วงหน้าได้เลย หลังจากรับปริญญาเสร็จ พ่อจะไปรับ ตาลต้องกลับบ้าน”) คำสั่งดังออกจากลำโพงขนาดเล็กแต่ทำไมเสียงมันถึงดังเหมือนฟ้าร้องดังอยู่ในอก
“พ่อ…..” หญิงสาวทำหน้าเหวอ ตกใจทำอะไรไม่ถูก
(“ตาลบอกเองนะว่าจะกลับบ้านหลังจากรับปริญญาเสร็จ”) ทองยิ่งจำคำพูดของลูกสาวคนโตได้แม่นยำ เมื่อครั้งที่น้ำตาลเรียนจบ เขาจะไปรับเธอกลับบ้าน แต่ลูกสาวคนโตบ่ายเบี่ยงขอทำงานเพื่อหาประสบการณ์ก่อน จากนั้นจะกลับบ้านทันทีเมื่อได้รับปริญญา
“โธ่ พ่อ ตาลนึกว่าพ่อลืมไปแล้วนะ” เธอตอบเสียงอิดออด สีหน้าคิดหนัก
(“กลับบ้านเถอะตาล เป็นผู้หญิงอยู่เชียงใหม่ตัวคนเดียวแบบนี้พ่อเป็นห่วง น้ำเชื่อมก็ไม่อยู่ ไปเรียนไกลด้วย พ่อกับแม่เหงา”) บทจะขอร้องทองยิ่งก็ทำให้ไม่ผิดหวัง เมื่อน้ำตาลเริ่มแสดงสีหน้าเห็นใจ
“ก็ได้ค่ะ พ่อ ตาลจะกลับทันทีที่รับปริญญาเสร็จนะคะ ตกลงไหม” เธอฝืนยิ้มออกมา ทั้งๆที่ในใจอยากร้องไห้
(“ดีมาก ตอนนี้ก็พักผ่อน อีกสามเดือนเจอกันนะ”) ทันทีทองยิ่งพูดเสร็จภาพใบหน้าก็หายวับไปจากจอโทรศัพท์ น้ำตาลถอนหายใจ อาการสองจิตสองใจเกิดขึ้นทันทีทันใด ใจหนึ่งก็อยากไปอยู่กับพ่อแม่ ใจหนึ่งก็ยังอยากอยู่กับนทีชายหนุ่มที่เธอเพิ่งตกลงเป็นแฟนได้ไม่ถึงวันเลยด้วยซ้ำ
“พ่อนะ พ่อ…………………………….”