ขึ้นชื่อเรื่องความเอาแต่ใจ มีหรือที่เพื่อนเพียงคนเดียวจะรอดพ้นคำเว้าวอนกับแววตาออดอ้อนของเธอไปได้ และสุดท้ายไม่ว่าจะด้วยมารยาหรือความเห็นใจ เพื่อนสนิทก็ย่อมทำตามคำขอแม้จะไม่เต็มใจก็ตาม
เราสองคนเดินเข้ามาในเขตรั้วมหาลัย พื้นที่กว้างขวางต่างจากโรงเรียนมัธยมหลายเท่า ทั้งผู้คน ร้านอาหาร การแต่งกาย ช่างเป็นสังคมที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
“ที่นี่มีแต่คนหน้าตาดีๆ เนาะ?” เสียงเล็กพูดในลำคอ สองร่างเดินเบียดไปตามทางเชื่อมระหว่างตึก
“อบอุ่น! โซ่ ว่าพวกเรากลับกันเถอะ”
“มาขนาดนี้แล้วจะกลับไปง่ายๆได้ยังไง เราต้องไปให้สุดสิ”
ระหว่างที่สองสาวตัวเล็กกำลังเดินเพื่อหาทางไปที่คณะวิศวะ สองข้างฝั่งถนน หรือแม้แต่คนที่เดินผ่าน ทุกคนต่างมองมาที่พวกเธอด้วยสายตาแปลกๆ
“ทำไมพี่ๆเขามองเราล่ะ?”
“น่าจะเพราะใส่ชุดนักเรียนมัธยมมั้ง? หรือไม่ก็เพราะความน่ารักของเราสองคนไง”
เสียงพูดคุยซุบซิบกันไปตลอดทาง จนกระทั่ง..
“หลงทางเหรอครับ?” เสียงทุ้ม ปรากฏร่างของนักศึกษาหนุ่มสามสี่คน ยืนขวางหน้า
“พวกพี่เรียนคณะวิศวะเหรอคะ?” เสียงใสเอ่ยถามดัง ทันทีที่เห็นสีเสื้อและสัญลักษณ์ของคณะบนอกเสื้อสีแดงเข้ม
“ใช่ครับ น้องมีอะไรให้พี่ช่วยไหม?”
คำตอบทำให้คนตัวเล็กทั้งสองยิ้มด้วยความดีใจ เหมือนมีเจ้าชายขี่ม้าขาวเข้ามาช่วย
“อบอุ่นเป็นน้องสาวของพี่ศิลากับพี่เวหา พวกพี่รู้จักไหมคะ? แล้วรู้ไหมว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน?” เสียงเล็กเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มให้กับหนุ่มวิศวะที่อยู่ตรงหน้า แต่ทว่าพวกเขากลับนิ่งเงียบไม่ได้ตอบ มีเพียงมุมปากแสยะยิ้มดูน่ากลัว
“หึ หึ เจอเรื่องสนุกแล้วสิพวกเรา ไม่เคยรู้มาก่อน ว่าไอ้พวกนั้นมันจะมีน้องสาวหน้าตาน่ารักขนาดนี้”
“นั่นสิ แบบนี้ต้องขอลองสักหน่อยแล้ว ว่าจะเด็ดแค่ไหน ฮ่า ๆ” เสียงหัวเราะดังลั่น ท่าทางน่ากลัวทำให้หญิงสาวทั้งคู่หน้าถอดสี เท้าเล็กค่อยๆเดินถอยหลัง แต่ทว่ายังไม่ได้ได้พ้น ก็มีชายอีกคนยืนดักทางอยู่ก่อนแล้ว
“พวกพี่จะทำอะไรคะ” เสียงสั่น ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ทั้งสองคนมองหน้ากันด้วยความตกใจ
ฉันกับโซ่จับมือกันไว้แน่น ยอมรับว่ากลัวจนคิดอะไรไม่ออก ยิ่งบริเวณรอบๆ ไม่มีคนอยู่ ยิ่งทำให้สติคิดฟุ้งซ่านมากขึ้น แต่ระหว่างที่กำลังอับจนหนทาง คนที่ฉันเฝ้ารอก็ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า เหมือนในเทพนิยายไม่มีผิด
.................
“ถ้าพวกมึงแตะต้องพวกเธอแค่ปลายเล็บ รับรองได้เลยว่าแม้แต่ฟันเคี้ยวข้าวพวกมึงก็จะไม่เหลือ” เสียงเข้มดัง แทรกจากด้านหลังของกลุ่มชายตัวโตที่กำลังยืนขวางเธออยู่
เสียงนั่นฉันจำมันได้เป็นอย่างดี ถึงจะยังไม่เห็นหน้าต่อให้หลับตาฟัง เพียงจังหวะลมหายใจก็รู้ว่าเขาคนนั้นเป็นใคร
“พี่กร ช่วยอบอุ่นด้วยค่ะ ไอ้พวกนี้กำลังจะรังแกพวกเรา” เสียงแหลมเล็กดังลั่น ทำให้กลุ่มชายตัวโตมีอาการเลิ่กลั่ก ก่อนจะหลีกทางให้เด็กสาววิ่งไปหาชายปริศนาที่เพิ่งเข้ามาขัดจังหวะ
“พวกกูยังไม่ได้ทำอะไร แค่เข้ามาทักทายน้องสาวก็แค่นั้น” ใบหน้าเรียบ ตีเนียนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ไม่จริงค่ะพวกมันกำลังจะรังแกอบอุ่นจริงๆนะคะ”
“น้องครับ พวกพี่ก็แค่หยอกเล่นอย่าจริงจังขนาดนั้นสิครับ” ยิ้มหวานมองหน้าคนตัวเล็กที่กำลังกอดแขนท่อนใหญ่ ที่กำลังมองด้วยใบหน้านิ่งเรียบ
“พวกมันทำอะไร?” เสียงเข้มถามทั้งที่สาวยตายังจ้องหน้ากลุ่มเพื่อนร่วมคณะ
“มันจับมืออบอุ่นค่ะแล้วก็กำลัง..”
“อะ อบอุ่น ไม่เอา” เสียงเพื่อนที่ยืนข้างๆรีบท้วงก่อนที่สาวน้อยเอาแต่ใจจะพูดไปมากกว่านั้น
แต่ทว่าแม้เธอจะพยายามห้ามก็ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อชายตัวโตที่เคยยืนอยู่ข้างๆ บัดนี้ได้ปรี่เข้าไปกระชากคอเสื้อคนที่เป็นหัวโจกเป็นที่เรียบร้อย
“กูเปล่า พวกกูยังไม่ได้ทำอะไรเลย” เสียงกุกักในลำคอ ดวงตาเบิกโพรงมองหน้าเจ้าของมือที่กำคอเสื้อด้วยความหวาดกลัว
“กูจะเตือนมึงเป็นครั้งสุดท้ายในถานะเพื่อนร่วมรุ่น อย่ายุ่งกับคนของพวกกูอีก” กรามหนาบีบแน่น เสียงเค้นในลำคอแสดงถึงคำสั่งเด็ดขาดที่พวกเขาห้ามละเมิดเป็นครั้งที่สอง
หลังหลุดพ้นจากเงื้อมมือของมัจุราช กลุ่มคนที่ก่อเรื่องก็รีบหายออกไปให้ไกลจากรัศมีในทันที โดยไม่รอให้เขาพูดเป็นครั้งที่สอง
ร่างกำยำเดินกลับมาหาคนตัวเล็กที่กำลังยืนยิ้มให้ชายร่างสูง แต่ทว่าสายตาที่เขามองเธอกลับนิ่งเฉยไร้ความเอ็นดูอย่างที่เธอเคยรู้สึก
“ไอ้เว กับไอ้ศิ อยู่หลังช็อป” เสียงเรียบ พรางเดินสวนไปอีกทาง
“แล้วพี่จะไปไหนคะ?”
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ แล้วก็ห้ามเล่าเรื่องเมื่อกี้ให้พวกมันฟัง ถ้าไม่อยากให้คนอื่นเดือดร้อน”
“อบอุ่นไม่ได้มาหาพี่เวหากับพี่ศิลา อบอุ่นมาหาพี่กรต่างหาก” เสียงเล็กตะโกนตามหลัง ทำให้ก้าวยาวหยุดชะงักยืนนิ่งรอฟัง
ร่างเล็กวิ่งมายืนตรงหน้ายิ้มให้กับชายร่างสูง แววตาใสซื่อยังคงเต็มเปี่ยมด้วยความรัก หากแต่เจ้าของดวงตาเข้มกลับเมินเฉยไร้ความอบอุ่นอย่างที่เคยเป็น
“ถ้าพี่บอกว่าอบอุ่นยังเด็ก งั้นไว้รออบอุ่นโตแล้ว พี่กรต้องสัญญานะคะว่าจะเป็นแฟนกับอบอุ่น” เสียงเล็กพูดดัง มองหน้าชายหนุ่มตรงหน้าด้วยรอยยิ้มเหมือนทุกครั้ง แม้ไม่มีคำตอบแต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธใดๆ
ฉันกับโซ่กลับมาที่โรงเรียนถึงจะยังไม่มีคำตอบแต่หัวใจของฉันกลับอิ่มฟูเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักของพี่กร
“เมื่อไหร่เขาถึงจะเรียกว่าโตล่ะ” เสียงเล็กถามพรางมองเพื่อนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างๆ
“อืม ไม่รู้สิ อายุ18 มั้ง หรือไม่ก็จบ ม.ปลาย เข้ามหาลัย อะไรแบบนั้น โซ่ก็ไม่แน่ใจ”
“เหรอ! งั้นปีหน้าก็ได้แล้วนะสิ?” ปากเล็กยิ้มกว้าง แววตาเหม่อมองไร้จุดโฟกัส
“อบอุ่นชอบพี่กรจริงเหรอ? แล้วรู้ได้ยังไงว่ามันนั้นคือความรัก?” เสียงเล็กเอ่ยถามพร้อมมองหน้าเพื่อน
“พี่กรใจดี เขาตามใจแล้วก็ใส่ใจเรื่องเล็กๆน้อยๆ ที่คนอื่นไม่สนใจ”
“แล้วถ้าพี่กรไม่ได้คิดเหมือนกันล่ะ?”
“แล้วแต่! อบอุ่นจะชอบ พี่กรไม่ชอบก็ชั่ง” คำตอบเอาแต่ใจเป็นเอกลักษณ์ของเด็กสาวที่ทุกคนรู้จัก เพราะถ้าเธออยากได้อะไร ไม่ว่าจะยากแค่ไหนเธอก็จะเอามาจนได้
~ตั้งแต่วันนั้นผมพยายามหลบหน้าและเลี่ยงจากอบอุ่นตลอด ทั้งข้อความ เบอร์โทร หรือแม้กระทั่งการไปงานเลี้ยงสังสรรค์กับครอบครัวของเพื่อน แต่ใช่ว่าผมจะไม่สนใจเธอเลยเพราะถึงไม่ออกไปให้เห็นแต่ผมก็ยังแอบมองอยู่ห่างๆ ในฐานะของพี่ชายอยู่ดี
2 ปีต่อมา...
งานเลี้ยงวันเกิดครบรอบอายุครบ18ปี เจ้าหญิงตัวเล็กของตระกูลใหญ่ทั้งเพื่อนและญาติมิตร ต่างมาร่วมตัวเพื่ออวยพรวันเกิด ไม่เว้นแม้แต่ผมที่ถูกลากมาร่วมงานในครั้งนี้เช่นกัน
“พี่กร พี่กรมาด้วยเหรอคะ” เสียงเล็กดังแทรกกลางวงสนทนา ทำให้หนุ่มๆที่ยืนจับกลุ่มกันรีบหันไปมองเจ้าของเสียงนั้น สาวน้อยตัวเล็กกับชุดเดรชกระโปรงสั้น ใบหน้าจิ้มลิ้มยิ้มหวาน ทำให้หนุ่มๆนิ่งอึ้งกันอยู่พักใหญ่
“อยู่กันตั้งหลายคน แต่ทักแค่ไอ้กรคนเดียวอีกแล้วนะครับ”
“อย่าพึ่งน้อยใจสิคะพี่กริช ก็อบอุ่นไม่เจอพี่กรนานแล้วเลยแปลกใจแค่นั้นเองค่ะ”
“ปีนี้น้องอบอุ่นดูสวยขึ้นนะครับ โตเป็นสาวแล้วนะเนี้ย” คำชมจากเพื่อนของพี่ชายสร้างความเขินอายให้สาวน้อย จนยิ้มไม่ยอมหุบ
“พอๆ พวกมึง นี้น้องกู แล้วไอ้ศิลามายังเห็นบอกไปรับน้องโซ่ยังมาไม่ถึงอีกเหรอ?”
“สวัสดีค่ะ”
“โซ่ มาแล้วเหรอ ไปข้างบนกันเถอะ”
ผมมองตามเจ้าของวันเกิดที่กำลังเดินขึ้นไปบนห้อง จริงอย่างที่กริชเพื่อนของผมบอก ตอนนี้เธอโตเป็นสาวแล้ว ยิ่งมองก็ยิ่งน่ารัก แม้นิสัยจะยังเอาแต่ใจไม่เปลี่ยน แต่ก็ไม่ใช่เด็กๆแล้ว