เธอโดนเขาแกล้งแหย่กลับ!!!
อาหารหอมกรุ่นถูกนำมาเสิร์ฟให้คนทั้งสอง เธอรู้สึกหิวเหลือเกิน แต่ที่บ้านสอนมาดีจึงค่อยๆ ตักกินอย่างเรียบร้อย
“หิวก็กินเยอะๆ นะ” เขาตักอาหารให้เธอ
“ท่านประธานรู้ได้ยังไงคะว่าเพลินหิว”
“ก็คุณทำเหมือนจะกินผม เอ๊ย! กินช้างเข้าไปทั้งตัวแบบนั้น” ได้ฟังประโยคของเขาก็ถึงกับต้องย่นจมูกในทันที
“คุณทำท่านี้บอกเลยน่ารัก” เขาเอ่ยบอกอีก เธอทำท่าจะย่นจมูกแต่ก็เปลี่ยนใจ เสไปตักอาหารรับประทานต่อ
“เดี๋ยวผมไปส่ง” นิรันดร์พูดขึ้นหลังจากรับประทานอาหารเสร็จสิ้น
“ไม่ต้องหรอกค่ะ มื้อนี้ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ อาหารอร่อยมาก” เธอกล่าวขอบคุณเขา อย่างน้อยมื้อนี้เธอก็รอดไปอีกมื้อ ดีกว่ากินมาม่าเป็นไหนๆ
“เดี๋ยวผมไปส่ง นี่ก็มืดแล้ว คุณเพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่ไม่ใช่เหรอ จะกลับยังไงคนดียว อีกอย่างคงไม่ชินทาง ผมพาคุณมากินข้าวไกลจากบริษัทมากนะ”
“ก็ได้ค่ะ” เธอทำท่าจะปฏิเสธ แต่คิดว่าเหตุผลของเขาเข้าทีอยู่ เธอก็เลยต้องให้เขาไปส่ง
“นี่คะที่อยู่ของเพลิน ท่านประธานจอดตรงนี้เลยค่ะ จอดตรงนี้เลยค่ะ ท่านประธานจะขับรถเข้าไปที่ลานจอดรถของคอนโดฯ ทำไมคะ” เธอทำหน้าเหลอหลาใส่เขา เพราะกฏของที่นี่ไม่ให้คนนอกเข้า
เพลินตาต้องอ้าปากค้างเมื่อเขาแลกบัตรกับพนักงานรักษาความปลอดภัย ถ้าไม่ได้พักที่นี่จะแลกบัตรได้ยังไง อย่าบอกนะว่าเขาพักที่นี่ด้วย
“ท่านประธานพักที่นี่ด้วยเหรอคะ” เธอถามเขาด้วยใบหน้าแตกตื่น
“ใช่ ผมพักที่นี่”
“อ้าว... แล้วท่านประธานหลอกให้เพลินบอกเส้นทางกลับที่พักทำไมคะ”
“ผมหลอกคุณตรงไหน แค่ไม่ได้บอกคุณเท่านั้นว่าผมพักที่นี่ อีกอย่างที่ผมไม่ได้พูดขัดคุณเพราะว่าผมกำลังตั้งใจขับรถอยู่”
“ค่ะ” เธอรับคำก่อนทำปากยื่นเหมือนเด็กๆ
“คุณจำเส้นทางกลับหอพักได้ก็ดีแล้วนะ แม้จะมาจำเอาตรงปากซอยก็ตามที” ประโยคของเขาทำให้เพลินตาแอบย่นจมูก เธอยังจำทางไม่ได้หรอก เขาขับมาถึงปากซอยทางเข้าคอนโดฯ นั่นแหละเธอถึงจำได้ว่าตรงนี้เป็นทางเข้าที่พักของเธอ
“ลงมาสิครับ นั่งงงอยู่ทำไม” เขาเปิดประตูรถและเรียกเธอลงไป ทำให้เพลินตาหลุดจากภวังค์ความคิด
“ท่านประธานพักอยู่ห้องไหนชั้นไหนคะ” คนปากไวแอบอยากรู้จึงเอ่ยถาม เรื่องนี้เธอไม่ได้ถามเพื่อนรักอย่างมินตรา และมินตราก็ไม่ได้บอกเธอเลยว่านิรันดร์พักอยู่คอนโดฯ เดียวกันกับเธอ ซึ่งคอนโดฯ ที่เธอพัก มินตราเป็นคนจัดการให้นั่นเอง เพราะถ้าตัวเธอเองยังไม่รู้เลยว่าจะหาที่พักได้ดีแบบนี้ที่ไหน เพราะเงินติดตัวอันน้อยนิดคงได้ห้องพักเก่าๆ บรรยากาศเหมือนผีสิง ที่ไหนสักแห่งในตัวจังหวัด
“ทำไมครับ คุณจะเดินขึ้นไปส่งผมถึงห้องนอนเหรอ”
“ใครจะไปทำอะไรแบบนั้น” เธอหน้าแดง ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะร่วนจากเขา
“ท่านประธานแกล้งกันทำไมคะ”
“ผมไปแกล้งอะไรคุณ”
“อุ๊ย!” เธอเดินตามเขามาติดๆ พอเขาหยุดเธอเลยชนเขาเข้าอย่างจัง
“ระหวังหน่อยสิคุณ” เขาโอบร่างของเธอเอาไว้ ก่อนจะดึงร่างของเธอเข้าลิฟต์
“ท่านประธานรู้ด้วยเหรอคะว่าฉันพักชั้นเก้า” เธอเอ่ยถามเขาอย่างงุนงง หรือเขาจะจำได้ว่าเธอพักที่ไหน ชั้นไหนในเอกสารจากใบสมัครงานที่เธอกรอกอย่างละเอียด
“ผมพักชั้นเก้า” ประโยคของเขาทำให้เธอตกใจเล็กน้อย
“คุณทำท่าแบบนั้นทำไม”
“ท่านประธานพักชั้นเดียวกับเพลินเลยค่ะ”
“ก็ดีแล้ว มีอะไรผมจะได้เรียกใช้ได้สะดวก”
“เรียกใช้ให้ไปทำอะไรคะ” เธอทำท่ากอดตัวเองเอาไว้อย่างหวงๆ
“แล้วคุณคิดว่าผมจะเรียกใช้ให้คุณมาทำอะไรล่ะ” เขาเอ่ยถาม จ้องตาเธอนิ่งๆ ทำเอาคนถูกจ้องต้องหลบสายตาอย่างเก้อเขิน
“ห้ามคิดลามกกับเพลินนะคะ”
“ผมยังไม่ได้คิดอะไรเลย คิดแค่เรื่องงาน หากเอกสารหรืออะไรผิดพลาด คุณพักอยู่ชั้นเดียวกันกับผม ผมก็จะได้จัดการให้คุณแก้”
“อ้อ... เหรอคะ”
“แล้วคุณคิดว่าผมจะเรียกคุณมาทำอะไรเหรอคุณเพลินตา”
“เพลินเปล่าคิดอะไรเสียหน่อยค่ะ” เธอรีบปฏิเสธเสียงระรัว เสียงลิฟต์ดังขึ้นทำให้เขาต้องรั้งแขนของเธอให้เดินออกมาจากลิฟต์
“ท่านประธานจะลากเพลินไปไหนคะ”
“ผมจะพาไปทำความรู้จักห้องของผมไง” เห็นท่าทีของเธอแต่ก็ยังทำปากเก่ง เขาเลยแกล้งต่อ
“ท่านประธานพักห้องนี้เหรอคะ” เธอเอ่ยถามก่อนจะตาโต เขาพักห้องใกล้ๆ กับเธอ!
“ท่านประธานพักห้องใกล้กับเพลินเลยนะคะ”
“นี่ห้องพักของผม” เขาลากเธอเข้ามาในห้อง ไม่ได้สนใจประโยคที่เธอบอกเขานัก
“นี่ห้องพักของผม” เขาบอกซ้ำอีกครั้ง
“ค่ะ แล้วท่านประธานมาบอกเพลินทำไม”
“บอกเอาไว้ เวลามีอะไรจะได้เรียกได้สะดวก” เขาขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ จนเธอต้องถอยใบหน้าหนี
“นอกเวลางานก็ต้องทำงานด้วยเหรอคะ”
“ต้องทำสิ งานน่ะถ้ามีปัญหาขึ้นมา นอกเหนือเวลางานก็ต้องแก้ไข”
“ก็อย่าทำให้มีปัญหาสิคะ”
“คุณยังเด็กมากนะคุณเพลินตาเพิ่งเรียนจบ ประสบการณ์ทำงานถึงจะมีแล้ว ผ่านบริษัทมาบ้างแล้วแต่อายุงานยังน้อยอยู่ เวลาทำงานมันต้องมีปัญหาหรือผิดพลาดกันทุกคน แม้ว่าเราจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดแล้วก็ตามที แต่มันก็อาจจะไม่ได้เป็นดังที่เราคาดหมายเสมอไป”
“อ้อ... ค่ะ งั้นเพลินขอตัวกลับห้องก่อนนะคะ”
“ผมรู้สึกเหนื่อยมากๆ เลยคุณเพลิน กระหายน้ำมากๆ เลยตอนนี้ ปวดเมื่อย คอแห้งไปหมด” เขาตบต้นคอไปมา บ่นว่าปวดเมื่อย และประโยคของเขาทำให้เธอต้องรีบไปกุลีกุจอไปหาน้ำเย็นๆ มาให้เขาดื่ม
หาน้ำเย็นๆ มาให้ดื่มก็พอแล้ว แต่จะให้เธอแปลงร่างไปเป็นหมอนวดไม่เอาหรอกนะ
ท่องเอาไว้เพลินตาว่าเขาคือเจ้านายของเธอ ไม่มีเขาก็ไม่มีงาน และบริษัทของเขาก็ต้องอยู่ยงคงกะพันไม่ล่มจมหรือเจ๊งไปเหมือนบริษัทที่เธอทำก่อนหน้านี้ เพราะไม่อย่างนั้นนอกจากเธอจะไม่ได้กินมาม่ากับปลากระป๋องแล้ว ยังยังต้องระเห็จออกไปนอนข้างถนนอีกด้วย
การจะหาห้องครัวไม่ใช่เรื่องยาก เธอรินน้ำใส่แก้วให้เขา ก่อนจะนำมาเสิร์ฟ ตอนรินน้ำก็สำรวจตรวจตราไปทั่ว จึงได้พบว่าห้องของเขาสะอาดสะอ้าน ข้าวของถูกจัดวางสวยงามเป็นระเบียบ ข้าวของน้อยชิ้น ตามประสาห้องผู้ชายที่ไม่ได้มีของจุกจิกเหมือนผู้หญิง เขาคงมีแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดบ้านให้เลยสะอาดเอี่ยมแบบนี้ แตกต่างจากห้องของเธอที่ต้องทำเองทั้งหมด อย่าไปอาจเอื้อมคิดจะจ้างแม่บ้านเลย ค่ากินยังไม่ค่อยมีปัญญาจ่ายเลย
“ชื่นใจ” เขารับน้ำเย็นๆ ไปดื่มด้วยความกระหาย ก่อนจะพูดต่อ
“คุณไม่ดื่มน้ำเย็นๆ เหรอ นั่งคุยกันก่อนสิ” เขาเรียกเธอเอาไว้ เมื่อเธอทำท่าจะหยิบกระเป๋าเพื่อขอตัวจากลา เธอจำต้องนั่งแหมะลงที่โซฟาราคาแพงของเขา มันนุ่มเหลือเกินจนเธออยากเอนตัวนอนเพราะเธอเหนื่อยมากแล้วในวันนี้
“พรุ่งนี้คุณไปทำงานกับผม จะได้ไม่ไปทำงานสาย”
“ท่านประธานจะหาว่าเพลินตื่นสายจนพานไปทำงานสายเหรอคะ”
“ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น”
“ก็เหมือนกันนั่นแหละค่ะ” เธอทำหน้างอใส่
“เอาละคุณคงเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ไปเถอะ! เดี๋ยวผมเดินไปส่งที่ห้องของคุณ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ”
“เอาน่า เดี๋ยวผมเดินไปส่ง” เขายังย้ำคำเดิม เธอเลยจำต้องให้เขาเดินไปส่ง พอเข้าห้องมาได้ เขาก็สำรวจห้องของเธอ เพลินตาตาโต เพิ่งนึกได้ว่าเธอวางข้าวของไม่ค่อยเรียบร้อย เธอจึงรีบจับโน่นจับนั่นยัดเก็บอย่างรีบร้อนไม่ให้เขาเห็นว่าห้องของเธอข้าวของวางไม่เป็นที่เพียงใด
“ห้องคุณน่าอยู่มากเลยนะครับ” เขาเอ่ยขึ้น เพลินตาคิดว่าเขาคงคิดว่าเธอมีเงินเช่าห้องพักดีๆ อยู่เพราะว่าได้เงินเดือนจากบริษัทเก่าเยอะแน่ๆ และเธอคงมีเงินเหลือเก็บอย่างไม่เดือดร้อนหลังจากบริษัทปิดตัว