คนที่ปกป้องเกวลินคืนใคร EP 5.2

1257 Words
“นายไง !!” พยัคฆ์มองเพื่อนสนิทด้วยความสับสน คิ้วเข้มขมวดทันที ใช้เวลาสักพักเพื่อทำความเข้าใจกับคำพูดนั้น “นายพูดว่าอะไรนะ” “นายคือผู้ชายที่ปกป้องเกวลินอยู่ปืน...” นาวินตอบอย่างสบาย ๆ พยัคฆ์อ้าปากค้างขณะพยายามพูดอะไรบางอย่าง สมองของเขาดูเหมือนจะว่างเปล่าเพราะตกตะลึงกับความจริงที่ได้รู้ พลันความเงียบปกคลุมทั่วทั้งห้องก่อนที่นาวินจะให้เวลาเขาได้คิดทบทวนคนเดียว “ยังไง... ทำไมถึงเป็นฉัน” พยัคฆ์กระซิบอย่างไม่เชื่อ “นายเป็นคนสั่งเองว่าให้ปกป้องเกวลิน ใครก็ตามที่พยายามจะทำร้ายหรือคุกคามความปลอดภัยของเธอจะถูกจัดการ” นาวินอธิบายอย่างจริงจัง “ไม่มีใครมีอำนาจเท่านายแล้วปืน นายคิดว่าใครจะปกป้องเกวลินจนไม่มีใครกล้าแตะต้องเธอได้อีกล่ะ ชื่อลาเทสต้าจะทำให้ใครก็ตามที่กล้าขุดประวัติเธอตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า” ร่างสูงของนาวินเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับพยัคฆ์ “แต่... เธอคือ...” พยัคฆ์สะดุดกับคำพูดตัวเอง เขามีเรื่องจะพูดมากมายแต่พูดไม่ออก ไม่ต้องรวมถึงความคิดยุ่งเหยิงที่ท่วมท้นในหัวตอนนี้ “ฉันแค่สั่งให้… คนปกป้องเธอในขณะที่... ฉันไม่อยู่” เขาพึมพำอย่างมึนงงขณะที่นาวินพยักหน้า “ห้า... หรือหกปีแล้วใช่ไหม...” “จะสิบปีแล้วปืน” นาวินยืนยัน “เธอคือ… เด็กคนนั้นเหรอ” เขาถามอย่างไม่แน่ใจ “ใช่ เธอคือเกวลิน บรูเซียโน่ ลูกสาวของเมสัน เด็กหญิงอายุสิบสี่ปีที่นายสัญญาว่าจะปกป้องเมื่อสิบปีก่อนไง” นาวินยิ้ม ทำให้พยัคฆ์ถอนหายใจอย่างหงุดหงิด เขาเอนหลังพิงพนักและใช้นิ้วสางเส้นผม “นานขนาดนั้นเลยเหรอ ฉันลืมไปแล้วนะเนี่ย” เขาส่ายหัวและพึมพำอย่างไม่อยากเชื่อ “นายหมกมุ่นอยู่กับการฝึกและเข้มงวดกับตัวเองมากเกินไป ในระหว่างที่นายไม่อยู่ เราได้ดูแลปกป้องเธออย่างดีเชียวละ และเธอก็รู้ว่าเธอเป็นใคร“ แท้จริงแล้วการเตรียมตัวขึ้นรับตำแหน่งผู้นำของลาเทสต้าคืองานหนักมากสำหรับพยัคฆ์ ไม่เพียงแต่ต้องพิสูจน์ความสามารถในฐานะประธานบริษัทเท่านั้น แต่ต้องพิสูจน์สายเลือดลาเทสต้าในโลกมาเฟียด้วย ทันทีที่เขาก้าวขึ้นเป็นประธานบริษัทลาเทสต้า ปิโตรเลียม เขาก็ยอมรับอันตรายจากการถูกประเมินเช่นกัน ไม่ใช่จากคนในตระกูลแต่เป็นฝ่ายตรงข้ามที่ยังคงตั้งเป้าโจมตีลาเทสต้าให้หลุดจากผู้นำมาเฟีย แม้ว่าจะมีโอกาสน้อยที่จะเกิดขึ้น แต่ทุกคนในตระกูลก็ถือว่าข้อกังวลดังกล่าวเป็นเรื่องที่มีความเสี่ยงสูง และพยัคฆ์ก็ตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นอย่างดี เขาฝึกฝนมากกว่าใคร ๆ โดยเฉพาะด้านการต่อสู้ มาร์สันและโอเว่นเตรียมเขาให้พร้อมสำหรับโลกมาเฟียมาอย่างยาวนาน ขณะที่ดาร์เรนและเด็กซ์เตอร์ร่วมกันฝึกฝนให้เขาเป็นประธาน “ฉันนี่มันแย่ชะมัด” พยัคฆ์พึมพำอย่างหงุดหงิด “ใช่แล้ว นายแย่มาก หน้าไม่อาย” นาวินหัวเราะเบา ๆ “เธอค่อนข้างดื้อมากใช่ไหม” พยัคฆ์หัวเราะเบา ๆ มองนาวินที่พยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นพวกเขายิ้มให้กันก่อนจะเงียบอีกครั้ง ต่างฝ่ายต่างจมอยู่กับความคิดของตนเอง โดยหวนคิดไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน “แล้ว... แบล็กการ์ดกับรถต่าง ๆ ที่ฉันเห็นเธอใช้ล่ะ นั่นก็มาจากฉันเหรอ” “รถคันล่าสุดที่เธอใช้ทุกวันนี้เป็นของขวัญตอนที่เธออายุครบยี่สิบสี่ไง นายเป็นคนเลือกสเปกเองเพราะสั่งทำไม่ใช่เหรอ” พยัคฆ์ครุ่นคิดก่อนพยักหน้า “เงินทั้งหมดที่เธอมีมาจากฉันนี่เอง... รวมถึงทุกอย่างด้วย” “ใช่ รวมถึงเรือยอร์ชที่นายมอบให้เธอเมื่อหกปีที่แล้วด้วย เป็นของขวัญหลังจากเธอเซ็นเอกสารเป็นภรรยาอย่างถูกต้องตามกฎหมายของนายไง” นาวินยิ้มอย่างเห็นอกเห็นใจ พยัคฆ์รู้สึกละอายใจที่โวยวายไปก่อนหน้านี้ คิดแล้วก็อดสมเพชตัวเองไม่ได้ที่วางแผนจะทำลายคนที่ปกป้องโดยไม่รู้ว่าเป็นใคร เกวลินคงจะหัวเราะเยาะเขาอย่างแน่นอน เขาไม่แปลกใจเลยที่เธอจะโกรธเพราะเขาจำเธอไม่ได้หลังจากไม่ได้เจอกันมาหลายปี “ฉันรู้สึกผิดกับเรื่องนี้มาตลอด คิดว่าตัวเองไม่ได้ทำตามที่ให้สัญญากับเมสันไว้ว่าจะดูแลเธออย่างดีที่สุด” พยัคฆ์กระซิบอย่างเศร้าใจ เขาโล่งใจแล้วทว่าความรู้สึกผิดยังคงติดอยู่ ไม่มีใครจินตนาการออกว่าเขาทุกข์ทรมานมากแค่ไหนที่คิดว่าตัวเองผิดสัญญา นาวินเฝ้ามองเขาอย่างเงียบ ๆ “นายไม่ได้ทำให้เธอเสื่อมเสียหรอก อย่าโทษตัวเอง” เขาพูดหลังจากเห็นความทรมานบนใบหน้าของพยัคฆ์ แต่พยัคฆ์กลับไม่ตอบสนองอะไรเพราะยังคงจมอยู่ในความคิดตัวเอง “ฉันต้องไปแล้ว” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนทันที นาวินเลิกคิ้วอย่างสงสัย ตอนนี้เพิ่งบ่ายสองโมงกว่า ๆ เท่านั้น ปกติพยัคฆ์จะเลิกงานดึกมาก ไม่ต้องรีบร้อนกลับไปไหนเพราะพักอยู่ที่เพนต์เฮาส์ซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของตึกนี้ “จะกลับเพนต์เฮาส์เหรอ” “กลับบ้าน !” พยัคฆ์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังก่อนจะเดินตรงไปยังประตูโดยไม่มองนาวินซึ่งกำลังอ้าปากค้างอยู่ด้านหลัง “ถ้านายเป็นแค่ลูกจ้าง... ฉันไล่นายออกแน่นาวิน” “แกจำเธอไม่ได้เองแล้วมาโกรธฉันทำไม ไอ้เพื่อนเวร ฉันอุตส่าห์ดูแลปกป้องแทนแกมาหลายปี แทนที่จะเซ็นเช็คมาสมนาคุณกลับมาโวยวายใส่ !” นาวินพูดปกป้องตัวเองอย่างไม่พอใจ “แกทำให้ฉันดูเหมือนคนงี่เง่า เป็นตัวตลกให้เธอหัวเราะเยาะทั้งที่แกดูแลเธอมาตลอด ทำไมไม่รายงานฉันเล่า !” พยัคฆ์ตะโกน แต่นาวินไม่สนใจ “ก็มันสนุกดีนี่ ที่ได้เห็นนายบ้าคลั่งแบบวันนี้น่ะ ฮ่า ๆ สนุกจะตายที่ได้เห็นนายขู่จะทำสงครามกับตัวเอง” นาวินยิ้มอย่างผู้ชนะ แต่ก็หายไปทันทีเมื่อเห็นดวงตาดำมืดอันตรายของอีกฝ่าย “นายโชคดี... แค่คราวนี้เท่านั้นแหละนาวิน นายก็รู้ว่าฉันเกลียดการถูกหลอกแค่ไหน ฉันจะไม่ลังเลเลยที่จะเป่ากระสุนใส่หัวนาย ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก” พยัคฆ์หรี่ตามองหน้านาวินพลางพูดด้วยน้ำเสียงเข้มอย่างไม่พอใจ “เออ ๆ ไม่ทำแล้ว” นาวินก้มศีรษะ ความเงียบปกคลุมทั่วทั้งห้องทันที ความโกรธของพยัคฆ์ไม่เคยทำให้ผู้คนกลัวน้อยลงเลย แม้แต่นายใหญ่ลาเทสต้ายังเห็นว่าพยัคฆ์ดุร้ายและโหดเหี้ยมมากแค่ไหนในตอนที่โกรธ เขาเป็นลาเทสต้าเลือดบริสุทธิ์ที่ฉลาด โหดร้าย เย็นชา ไร้ความปรานี จนถูกเรียกลับหลังว่าซามูเอลสอง เพราะซามูเอลปู่ทวดของพยัคฆ์ครองโลกมาเฟียมาอย่างยาวนานจนถึงวาระสุดท้าย ผู้คนจึงยังพูดถึงเขาจนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าทุกคนในตระกูลจะต้องการให้พยัคฆ์ขึ้นครองตำแหน่งหัวหน้ามาเฟียด้วย แต่เขากลับปฏิเสธเพราะสัญญากับพ่อแม่ไว้ว่าจะไม่ขึ้นรับตำแหน่งใดในโลกแสนอันตรายนั้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD