“คุณอยู่กับคุณจินนี่ ไม่ใช่เอ็มมา นี่คุณคงจะมีสาวเยอะจนจำชื่อไม่หมดสินะ” เธอพูด พลางมองเขาอย่างโกรธเคือง พยัคฆ์อ้าปากค้าง ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น เขาปกปิดความลำบากใจด้วยการทำเป็นไม่สนใจสายตาคู่นั้น ไม่รู้ว่าทำไมแต่เขาไม่เคยจำชื่อของจินนี่ได้เลย “ถ้าคุณจำฉันไม่ได้ ฉันก็อาจถูกไล่ออกจากร้านทุกครั้งที่คุณไปออกเดตกับผู้หญิงในสต็อกสินะ”
“ไม่ใช่สักหน่อย...” พยัคฆ์พยายามอธิบาย แต่เมื่อเห็นเกวลินทำหน้าตาจริงจัง ก็เป็นอันต้องหยุดชะงักอย่างเสียไม่ได้ “ฉันขอโทษ ฉันผิดเอง ฉันงี่เง่าไปหน่อย ต่อไปนี้ฉันจะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น ”
ช่วงเวลาแห่งความเงียบงันเกิดขึ้นทันทีหลังจากที่ทั้งสองยังคงสบตากันต่อไป เกวลินเห็นความจริงใจในสายตาของเขา และเธอไม่ใช่คนอาฆาตพยาบาทนัก จึงยอมให้อภัยเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ได้
“เอาเถอะ ยังไงตอนนี้คุณก็จำฉันได้แล้ว”
“ฉันไม่ได้ลืม ฉันแค่ยุ่ง อย่างที่บอกไป”
“อืมม… ค่ะ” หญิงสาวหัวเราะเยาะ
“โอเค ๆ ฉันอาจจะลืมไปบ้างแต่ยังไม่ทั้งหมดหรอกนะ แล้วก็สีตาของเธอ… มันควรจะเป็นน้ำตาลไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมมันถึงกลายเป็นสีเทาล่ะ”
“คุณไม่รู้จักคอนแท็กเลนส์เหรอคะ” เกวลินกลอกตายิ้มประชด
“แล้วทำไมเธอถึงใส่คอนแท็กเลนส์ล่ะ ฉันจะจำเธอได้ยังไง เพราะสีตาเธอแปลกไป” ชายหนุ่มโต้กลับ
“ถ้าจำหน้าฉันไม่ได้ อย่างน้อยก็น่าจะจำชื่อฉันได้บ้างสิ”
“มีคนชื่อเกวลินเป็นล้านคนไม่ใช่หรือไง ให้ตายเถอะ” พยัคฆ์รู้ดีว่าตัวเองผิด ทว่าตอนนี้เขากำลังหงุดหงิดและเริ่มโมโห
“ถ้าอย่างนั้นก็คงเป็นความผิดของฉันเองแหละค่ะ”
“เกวลิน บรูเซียโน !” พยัคฆ์เอ่ยเรียกราวกับจะอ้อนวอน
“ว้าว ! คุณพยัคฆ์ ดีใจจังที่คุณรู้จักชื่อฉันด้วย ในที่สุดคุณก็จำได้ เยี่ยมจริง ๆ” หญิงสาวชมเชย ทุกถ้อยคำเต็มไปด้วยการประชดประชันเช่นเดียวกับก่อนหน้าที่เจอกัน เธอทำให้เขาพูดไม่ออกอีกครั้ง…
เมื่อมื้อเย็นอันแสนตึงเครียดสิ้นสุดลง เกวลินก็ขอตัวทันที พยัคฆ์เห็นความเหนื่อยล้าบนใบหน้าเธอจึงพยักหน้าอนุญาตโดยไม่อิดออด เขาหันไปถามโอเดนซึ่งยังยืนอยู่ด้านหลัง
“เธอเป็นยังไงบ้าง”
“นายหญิงเป็นผู้หญิงที่เก่งมากครับนายท่าน เธอปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเป็นกันเอง ผลการเรียนก็ยอดเยี่ยมมากครับ” โอเดนตอบอย่างสุภาพ ความภาคภูมิใจปรากฏชัดในน้ำเสียง “เธอไม่เคยมีปัญหาเหมือนเด็กสาวคนอื่น ๆ เลย มีความรับผิดชอบสูงแต่บางครั้งก็เย็นชาและห่างเหินไปบ้าง”
“เธอได้รับการดูแลเป็นอย่างดีตามที่ฉันสั่งหรือเปล่า”
“ครับนายท่าน ผมจัดการทุกอย่างตามที่นายท่านสั่งเรียบร้อยครับ” โอเดนตอบตามความจริง
“ดี แล้วเวลาเธอไปข้างนอกล่ะ เธอได้รับการปฏิบัติอย่างดีใช่ไหม”
“ใช่ครับนายท่าน โดยเฉพาะในสถานประกอบการที่ตระกูลนายท่านเป็นเจ้าของ ทุกคนมักจะให้ความสำคัญกับเธอเสมอ” โอเดนยิ้ม
พยัคฆ์พยักหน้าแต่ยังคงนิ่งเงียบอย่างใช้ความคิด เขามอบอำนาจให้เกวลินมาตั้งแต่ตอนนั้น และทุกคนก็ยอมรับเธอ แต่น่าเสียดายที่เขาไม่เคยมีช่วงเวลาดี ๆ กับเธอเลย เขาจำเธอไม่ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้กลับมาพบกัน และที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือเขาขู่ว่าจะทำลายใครก็ตามที่ปกป้องเธอ ชายหนุ่มนวดต้นคอเพื่อลดความเครียด จากนั้นถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด ไม่รู้ด้วยแล้วว่าจะเริ่มต้นกับเธอยังไงดี
ด้านเกวลินที่กำลังอยู่ในชุดนอนหันมองยังบานประตูที่เปิดออก ร่างสูงพยัคฆ์เดินเข้ามาพร้อมปลดกระดุมเสื้อเชิ้ต
“คุณกำลังจะทำอะไรคะ” เธอถามทันทีพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ฉันจะไปอาบน้ำ” เขาตอบอย่างสบาย ๆ พร้อมกับโยนเสื้อสูทไปยังโซฟาใกล้ ๆ
“แต่นี่ห้องของฉัน...”
“ที่นี่คือห้องนอนใหญ่ แล้วก็เป็นห้องฉันเหมือนกัน“ ชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างไม่สนใจ จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ ปล่อยให้เกวลินอ้าปากค้างอยู่ที่เดิม เธอมองไปยังประตูห้องน้ำอย่างครุ่นคิด หลายอย่างเกิดขึ้นกะทันหันโดยที่เธอไม่ได้ตั้งตัวเลยสักนิด ตอนนี้พยัคฆ์กลับมาแล้วหลังจากห่างหายไปหลายปี แถมสถานการณ์ระหว่างเธอกับเขายังแตกต่างไปจากเมื่อก่อนมาก และในระหว่างที่เธอตกอยู่ในภวังค์ ประตูห้องน้ำก็เปิดออก
พยัคฆ์เดินออกมาโดยมีผ้าเช็ดตัวพันรอบเอว กล้ามท้องนั้นเห็นชัดเจนว่าเขาออกกำลังกายสม่ำเสมอ โดยเฉพาะหน้าท้องที่เป็นรูปตัววีลงไป ชวนจินตนาการไปถึงไหนต่อไหน พลันลมหายใจหญิงสาวติดขัดขึ้นมา เผลอกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากขณะมองเขาโดยไม่รู้ตัว
พยัคฆ์เห็นว่าเกวลินกำลังมองเขาราวกับจะกลืนกิน จึงสนองความปรารถนาเธอด้วยการยืนอยู่ที่เดิมปล่อยให้เธอสำรวจได้เต็มที่ เขามองใบหน้าสวยที่ซับสีชมพูขึ้นมาอย่างเขินอาย นี่คือสิ่งที่ดึงดูดใจเขาในครั้งแรกที่เจอเธอตอนอายุสิบสี่ ตอนนั้นเธอทั้งไร้เดียงสาและน่าทะนุถนอม
เกวลินมองรอยสักขนาดใหญ่ที่พาดผ่านหน้าอกแกร่ง กินพื้นที่ตั้งแต่ไหล่ลงไปถึงข้อมือ มันเป็นรูปล้อเฟืองและมีศีรษะมังกรคำรามอยู่ด้านในให้ความรู้สึกดุร้ายเหมือนของจริง เธอไม่ชอบรอยสักนักทว่ารอยสักบนตัวเขาถือเป็นข้อยกเว้น มันสวยงามและน่าเกรงขามจนอดไม่ได้ที่จะจ้องนาน ๆ