ตอนที่ 1 วันที่น่าเบื่อ & อกหัก รักคุด ตุ๊ดเมิน (3)

1751 Words
พิมพ์อรมองโทรศัพท์อย่างงงๆ อะไรหว่า ร้อยวันพันปีโทรศัพท์พี่อ้นไม่เคยไม่ได้ยินเสียง วันนี้เธอพูดจนแทบจะตะโกน แถมยังตัดสายเธอแล้วไม่ยอมโทรกลับอีก โทรกลับไปอีกรอบก็ไม่ยอมรับสาย “อะไรของเค้า…ไม่โทรหาแล้วนะ ไม่ยอมรับสายสักที” พิมพ์อรบ่นพลางสะบัดหน้าใส่โทรศัพท์ที่มีรูปใบหน้าของชายหนุ่มอยู่ “ไม่ต้องมามองหน้าเลยนะ โกรธแล้ว” หญิงสาวพูดอย่างงอนๆ พลางอมยิ้มกับรูปหน้าจอ ก่อนจะเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าสะพาย และเดินกลับเข้าไปในอาคารของบริษัท หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จเรียบร้อย โดยที่เธอปลีกตัวแยกออกมาจากพัชรพงศ์ที่บอกกับเธอว่าต้องรีบไปก่อนเพราะมีนัดคุยงานกับลูกค้าข้างนอก… พิมพ์อรนั่งชันเข่าอยู่บนที่นอน สองมือประสานกันไว้แน่น ดวงตาหวานพร่างพราวไปด้วยหยาดน้ำใสๆ ที่รินรดดวงหน้าสวยจนชุ่ม เจ็บปวดกับความรู้สึกดีๆ ที่โดนบดขยี้ไม่มีเหลือด้วยน้ำมือของคนรัก คนที่เธอหลงไว้ใจคิดว่าเขาจะจริงใจด้วย สองชั่วโมงก่อนหน้า… “ฮัลโหล น้องพิมพ์ ทำอะไรอยู่คะ” เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังมาตามสาย “เปล่าค่ะ เพิ่งอาบน้ำเสร็จ กำลังจะดูทีวีค่ะ” เอ่ยตอบเสียงเรียบนิ่ง ปล่อยให้รอตั้งหลายวันไม่โทรมาหา จะแกล้งเย็นชาใส่เสียให้เข็ด “แล้ววันนี้งานหนักหรือเปล่า เหนื่อยมั้ยคะคนดี” “ก็นิดหน่อยค่ะ แล้วพี่อ้นโทรมาทำไมเหรอคะ” “ทำไมหนูพูดอย่างนี้ล่ะคะ พี่ก็ต้องโทรมาหาพิมพ์เพราะคิดถึงสิ” “ไม่รู้สิคะ พิมพ์ก็ถามไปอย่างนั้นเอง เห็นพี่อ้นหายไปเป็นปีแล้ว” ประชดเข้าให้ทั้งที่ไม่ใช่นิสัยของเธอสักนิด “พิมพ์ก็พูดเกินไป พี่ยุ่งๆ น่ะค่ะ” ปลายสายเอ่ยเสียงอ่อย ก่อนจะนิ่งเงียบไปพักใหญ่ ต่างคนต่างกำลังเงียบอยู่กับความคิดของตน ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายเอ่ยเสียงตามสายทำลายความเงียบขึ้นก่อน อย่างคนที่ตัดสินใจแน่วแน่ในสิ่งที่จะกล่าว “พิมพ์คะ พี่มีเรื่องจะบอก” “อะไรเหรอคะ” พิมพ์อรรู้สึกใจเต้นตึกตักแปลกๆ กับน้ำเสียงขรึมๆ ที่เธอไม่เคยได้ยิน ราวกับว่าอภิชัยกำลังมีเรื่องทุกข์ใจอย่างหนัก “พี่มีภรรยาที่อยู่ด้วยกันแล้วค่ะ เราหมั้นกันแล้ว และกำลังจะแต่งงานกันเดือนหน้า” “……” “พิมพ์คะ น้องพิมพ์ คนดี…ฟังพี่อยู่หรือเปล่า” พิมพ์อรกำโทรศัพท์แน่น ขณะที่น้ำตาไหลลงจากหางตาร่วงลงมาบนใบหน้าโดยปราศจากเสียงสะอื้น ไม่ให้คนหลอกลวงได้ยิน ก่อนจะค่อยๆ ตั้งสติระงับความเจ็บจุกที่กำลังตีรวนอยู่ในตัวเธอให้สงบ และบังคับเสียงไม่ให้สั่นในระหว่างการสนทนา “พิมพ์ก็คิดว่าอย่างนั้นล่ะค่ะ อยู่ๆ พี่อ้นก็หายไป ถ้าไม่ใช่เพราะมีกิ๊กก็คงมีเมียอยู่แล้ว” “พี่ขอโทษนะคะ พี่ไม่ดีเอง พี่รู้ว่าพี่ผิด หนูคงจะโกรธพี่มากเลยใช่มั้ยคะ” ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงเศร้า เขาต้องเสียเธอไปแล้วจริงๆ หรือนี่ “พี่มีสมองก็คิดดูเองสิคะ” พิมพ์อรกล่าวเสียงเย็น “……” “ต่อไปนี้คุณไม่ต้องโทรมาอีกแล้วนะคะ ระหว่างเราไม่มีอะไรต้องพูดกันแล้วค่ะ” “คนดี เรายังเป็นพี่น้องกันได้นี่คะ หนูยังสามารถโทรหาพี่ คุยกับพี่ได้เหมือนเดิม พี่ก็จะคิดถึงและเป็นห่วงหนูเสมอนะ” ชายหนุ่มยังคงส่งเสียงอ้อน หวังให้เธอไม่ตัดขาดเขาฉับไวแบบนี้ ที่ผ่านมาเขาเองก็รู้สึกดีและชอบเธอไม่น้อย หากต้องตัดขาดกันทันที ก็ยังยอมรับไม่ได้นัก รู้สึกเหมือนอะไรขาดหายไป ใจมันหวิวๆ กับสรรพนามที่เปลี่ยนไปกะทันหันของหญิงสาว “ไม่จำเป็นค่ะ พอดีว่าเป็นลูกคนเดียว ไม่มีพี่ไม่มีน้อง และก็ไม่อยากมีพี่ชาย แค่นี้นะคะ” “เดี๋ยวค่ะน้องพิมพ์” ชายหนุ่มรีบเรียกไว้ก่อนจะโดนตัดสัญญาณ “……” “พี่ขอโทษนะครับ เรายังคุยกันได้เหมือนเดิมใช่มั้ย หนูอย่าเป็นแบบนี้สิคะ เรายังเป็นเพื่อนกันได้” “เพื่อนมีเยอะแล้วค่ะ ลาก่อนนะคะ” กล่าวจบหญิงสาวจึงรีบวางสายทันที ก่อนที่เขาจะโทรมาหาเธออีกครั้ง เธอกดตัดสัญญาณทิ้งเมื่อไม่อาจห้ามน้ำตาที่ไหลบ่าไม่หยุด และไม่สามารถทำใจเจรจาราวกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นได้ เขาหลอกเธอ ที่ผ่านมาเขาไม่ได้รักเธอจริง ไม่ได้คิดจะจริงจัง เขามีคนที่เป็นตัวจริงอยู่แล้ว แล้วมายุ่งกับเธอทำไม พยายามเทียวไล้เทียวขื่ออยู่นานหลายเดือน จนเธอใจอ่อนยอมคบหา ดีเท่าไหร่ที่เธอระมัดระวังตัวดี ไม่ให้เขาเข้ามาใกล้ชิด และระยะเวลาที่ศึกษากันจากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็ไม่นานมากนัก หากเธอรักเขามากกว่านี้ ยอมให้เขาเอาเปรียบเธอ ไม่อยากจะคิดเลยว่าชีวิตจะเป็นอย่างไร หากต้องกลายเป็นเมียน้อยโดยที่ไม่รู้ตัว พิมพ์อรสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสะกดกลั้นน้ำตาที่ไหลท่วมอย่างกับคลองประปาแตกมานานนับชั่วโมง ดีแค่ไหนแล้วที่เธอได้รับรู้ความจริงว่าเขามีพันธะแล้ว และดีเท่าไหร่ที่เขายอมเอ่ยสารภาพออกมาอย่างลูกผู้ชาย หากเขายังคงหลอกลวงคบเธอต่อไป วันหนึ่งภรรยาเขารู้คงจะเสียใจมาก และเธอเองก็คงจะรู้สึกผิดบาปไปมากกว่านี้ พอทีพิมพ์อร ก็แค่ผู้ชายแย่ๆ คนหนึ่ง เธอเสียใจไปแล้วเขาจะรู้สึกรู้สาอะไรด้วยไหม ต่อให้เธอนั่งร้องไห้จนน้ำตาหมดตัว ไม่หลับไม่นอน คนที่แย่ก็จะมีแค่เธอเองที่ต้องหน้าโทรม ปากซีด ขอบตาคล้ำ ทำไมเธอจะต้องดูขี้เหร่ลงเพราะผู้ชายซังกะบ๊วยคนนั้นด้วย ไม่! เธอไม่เสียดายเลยสักนิดที่นายนั่นเผยธาตุแท้ออกมา แม้จะโกรธจนตัวสั่นแล้วทำอะไรได้ ทำใจให้เข้มแข็งเร็วไว อย่าให้ใครต้องมาสมเพชหรือสมน้ำหน้าจะเป็นการดีที่สุด คอยดูนะ ชีวิตเธอจะต้องเลิศเลอ ดีขึ้นๆ ยิ่งกว่าตอนที่ได้รู้จักกับนายนั่น เธอมั่นใจ เธอจะยอมเศร้าโศกและเสียใจแค่วันนี้ ตอนนี้ และวินาทีนี้เท่านั้น พิมพ์อรปาดน้ำตาออกอย่างนิ่มนวล ใบหน้าหวานแย้มยิ้มออกมาน้อยๆ หลังจากตัดสินใจได้เด็ดเดี่ยวและระงับความรู้สึกแย่ต่างๆ ที่พรั่งพรูเข้ามาจนสับสน ก่อนจะล้มตัวลงนอนอย่างสบายใจ ร่างบอบบางพลิกกายนอนตะแคง ก่อนจะชะงักเมื่อมองเห็นตุ๊กตาหมีที่เขาเคยซื้อให้เธอเป็นของขวัญสำหรับวันที่ไปดูหนังด้วยกันครั้งแรก ช่างสิ ของส่วนของ คนส่วนคน ไม่เกี่ยวกัน อันไหนไม่ได้ใช้แล้ว วันหยุดค่อยเก็บเอาไปบริจาคก็แล้วกัน เมื่อบอกตัวเองได้เช่นนั้นก็ปิดตาและนอนอย่างสบายใจ จนกระทั่งหลับไปในที่สุด… ขณะที่พิมพ์อรกำลังนั่งพิมพ์งานอย่างขะมักเขม้น ก็ต้องชะงักมองการ์ดสีชมพูในมือของพัชรพงศ์ที่ยื่นมาตรงหน้าเธอ พัชรพงศ์มองเพื่อนอย่างแปลกใจกับอาการนิ่งผิดปกติของเพื่อนสาว “ไม่อยากรู้เหรอว่าอะไร” “อยากบอกก็บอกมาเถอะ” เอ่ยตอบเสียงเรียบ พลางก้มหน้าก้มตาพิมพ์งานตัวเองต่ออย่างไม่สนใจ ก่อให้เกิดความสงสัยในใจกระทิงเป็นยิ่งนัก “แกแน่ใจนะ…โอเคๆ ไอ้พี่อ้นแฟนแกมันกำลังจะแต่งงานกับคุณดวงนภาลูกสาวของท่านประธานของบริษัท ที่กำลังจะเข้ามาช่วยบริหารงานเป็นรองประธานต้นเดือนหน้านี้” พัชรพงศ์เล่าพลางลอบสังเกตอาการของเพื่อนสาว เงียบ นิ่ง แปลกจัง ยัยพิมพ์มันไม่ตกใจหรือโวยวายเลยวุ้ย ทำไมวะ “แกมีอะไรจะเล่าให้ฉันฟังหรือเปล่าพิมพ์ ฉันเป็นเพื่อนแกนะ ถ้าแกมีอะไรไม่สบายใจก็พูดออกมาเถอะ” “เขาโทรมาเมื่อคืน บอกว่าเขามีเมียแล้ว หมั้นแล้ว กำลังจะแต่งงานกัน” พิมพ์อรเงยหน้าขึ้นพูดกับเพื่อนเสียงเรียบเฉยราวกับกำลังเล่าว่า เมื่อวานฉันกินข้าวคลุกกะปิ อย่างนั้นแหละ พัชรพงศ์อึ้งไปเมื่อได้ฟัง อย่างนี้นี่เอง พิมพ์อรรู้มาก่อนแล้วเลยไม่มีท่าทีตกใจหลังจากที่เขาบอกเรื่องที่น่าผิดหวังขนาดนี้ เขาเอื้อมมือไปกุมมือเพื่อน ก่อนจะเอ่ยปลอบอ่อนโยน “ฉันเชื่อว่าแกต้องได้เจอคนดีๆ สักวัน ดีแล้วที่แกไม่ต้องคบกับผู้ชายพรรค์นั้นอีก แต่ถึงแกจะไม่มีใคร แกก็ยังมีฉันอยู่นะเพื่อน” “ขอบใจนะเฟิร์ส พิมพ์ไม่เป็นไรแล้วล่ะ อโหสิให้ ไม่อยากเกิดมาจองเวรจองกรรมกันอีก ถือซะว่าเราเคยทำไม่ดีกับเขาไว้แล้วเขามาเอาคืนละกัน” “ดีแล้ว แกเข้มแข็งกว่าที่ฉันคิดไว้เยอะเลย ฉันว่าวันนี้เราไปฉลองกันที่ร้านส้มตำนักเลงแถวบ้านแกดีกว่านะ เนื่องในโอกาสที่แกกลับมาโสดอีกครั้ง” พัชรพงศ์พูดอย่างครึ้มอกครึ้มใจ “ไม่ค่อยจะมีความสุขเลยนะ นี่เพื่อนอกหักนะ ไม่ได้ถูกลอตเตอรี่” เอ่ยพลางส่งค้อนเพื่อนกระทิงอย่างหมั่นไส้เต็มที “ฮ่าๆ ๆ ไม่อยากบอกว่าดีใจยิ่งกว่าได้ไปเสริมนมซะอีก” พัชรพงศ์ยักไหล่อย่างไม่สนใจ “นี่พิมพ์ ฉันว่าแกหาผัวฝรั่งดีกว่า เผื่อเจอคนจริงใจ ดีๆ หล่อๆ รวยๆ อ๊ายยยย! โชคดีตลอดชีพ” “แล้วคนดีๆ หล่อๆ รวยๆ หาง่ายเหมือนหาร้านก๋วยเตี๋ยวไหมล่ะ” “โอ๊ย เดินไปเจอใครก็เอาๆ ไปเถอะ ฝรั่งในไทยมีเยอะแยะ” “ไม่เอา พิมพ์อยากได้แบบตาสีฟ้าข้าง ตาสีเขียวข้าง” “อีบ้า นั่นตาคนหรือตาแมววะ” พิมพ์อรหัวเราะคิกๆ อย่างอารมณ์ดี ไม่สนใจพัชรพงศ์ที่ส่งค้อนให้ ก่อนที่เขาจะสะบัดก้นงอนๆ เดินกลับไปนั่งทำงานที่โต๊ะตัวเอง…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD