ตอนที่ 4
หลังจากคืนนั้น นิลลดาและเจ้านายหน้าดุก็มาทำงานตามปกติ หล่อนเป็นสาเหตุที่ทำให้คืนนั้นทั้งคืนนิลลดานอนไม่หลับ ด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าหล่อนจะเป็นอะไรนิลลดาโทษตัวเองที่ปากหนักไม่กล้าเสนอตัวเข้าช่วยให้มากกว่านี้ แต่พอวันรุ่งขึ้นเห็นว่าหล่อนมาทำงานได้ปกติก็โล่งใจ ส่วนการพบเจอกันก็เหมือนเคยอันชิตายังมีท่าทางเย่อหยิ่งเหมือนเคย นิลลดาจึงไม่กล้าเอ่ยถามถึงอาการของหล่อนเพราะมันแสดงว่าหล่อนสบายดีจนวันนี้
"แหม ขอบตาดำคล้ำเชียวนะ มึงนอนน้อยหรือไม่ได้นอน" พี่เชอร์รี่เอ่ยแซว
"พอดีหนูตื่นเต้นน่ะพี่จะได้ไปเที่ยวเลยนอนไม่หลับ"
"โอ้ย อิจฉาอยากไปบ้างแต่กูคนมีภาระลูกสองผัวสี่ต้องดูแลเป็นคนโสดแม่งดีอย่างงี้อะ"
"เอ่อ นี่มึงยังไม่เตรียมตัวอีกเหรอเดี๋ยวก็ไปไม่ทันเจ้ยักษ์" พี่เชอร์รี่เปลี่ยนเรื่องขึ้นมา
"อ้าวเฮ้ย! ซวยแล้ว" นิลลดาลืมหน้าที่ใหม่ของตัวเองที่ถูกยัดเยียดเป็นปลิดทิ้ง
"สายแน่ๆ มึงโดนแน่ๆ"
"สายอยู่แล้วเป็นประจำจ้า ไม่กลัว" นิลลดาทำปากดีสู้เสือต่อล้อต่อเถียงกับพี่เชอร์รี่อย่างใจเย็นแต่ภายในใจนี่กายละเอียดได้พาอันชิตาไปไหนต่อไหนแล้ว ระยะทางจากบริษัทไปรับอันชิตาที่ล่วงหน้าไปประชุมแต่เช้าด้วยรถของบริษัทค่อนข้างไกลพอสมควรหากแค่ไปรับช้านิดหน่อยหล่อนคงจะไม่อารมณ์เสียเท่าไหร่แต่เพราะวันนี้หล่อนมีประชุมต่อที่อื่น หากไปด้วยรถยนต์คงจะไม่ทัน มอเตอร์ไซค์คู่ใจของนิลลดาจึงมาจอดสนิทอยู่หน้าโรงแรม
"มารับคุณอันชิตาค่ะ" นิลลดาพูดกับพนักงานต้อนรับหน้าฟร้อนท์
"ถ้าจะมารับฉันด้วยไอ้นั่นอย่าหวังว่าฉันจะไปกับเธอ" หล่อนตอบหน้าตายก่อนจะเดินออกไปนอกบริเวณนั้น นิลลดารีบวิ่งตามทันที ทำไมนะหล่อนขาสั้นกว่าแท้ๆ แถมยังใส่ส้นสูงอีกแต่ดันเดินไวราวกับวิ่งสี่คูณร้อย
"แต่ถ้าฉันเอารถมาเจ้านายจะไปไม่ทันประชุมต่อนะคะ" หล่อนรีบอธิบายขณะที่อันชิตาหยุดยืนอยู่หน้าโรงแรม
อันชิตายืนกอดอกและมองหน้านิลลดาอย่างเอาเรื่องโดยไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา
"ฉันไม่คิดว่ามันจะเสียหายเท่าไหร่แค่เรื่องซ้อนมอเตอร์ไซค์ หากแต่เจ้านายไปไม่ทันนัดลูกค้าจะเสียหายมากกว่า"
"ใช่ มันไม่เสียหายแต่มันไม่ดีต่อภาพลักษณ์แต่รู้อะไรไหม ประเด็นมันอยู่ที่เธอมารับฉันสายตลอดเท่ากับว่าเธอไร้ประสิทธิภาพไม่มีความรับผิดชอบ แต่ด้วยวัยของเธอ เธอคงจะไม่มีวุฒิภาวะมากพอที่จะรักษาเวลาไม่รู้หรือไงว่าการทำงานไม่ว่าจะตำแหน่งใดก็ตามการตรงต่อเวลาเป็นเรื่องที่สำคัญ" อันชิตาร่ายยาวจนฉันรู้สึกผิดไม่กล้าจะขัดอะไรต่อได้แต่ก้มหน้า
"ฉันขอโทษค่ะ"
"เอาล่ะ หลังจากวันนี้เธอไม่ต้องมาขับรถให้ฉันแล้ว และก็ไปให้พ้นหน้าฉันได้แล้วไม่อยากเห็นหน้า" พูดจบอันชิตาก็เปิดประตูขึ้นรถที่จอดเทียบท่ารออยู่หลังจากหล่อนอบรมนิลลดามาสักพัก
หลังจากที่รถคันหรูเคลื่อนตัวออกไปได้สักพัก นิลลดาก็เอาแต่โทษตัวเองอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่ารู้สึกผิดต่อสิ่งที่ทำ แล้วจะเอาหน้าที่ไหนไปเจอหล่อนดีแค่ไหนแล้วที่ไม่ถูกไล่ออก นิลลดาโทรศัพท์หาพี่เชอร์รี่เพื่อฝากลางานในช่วงบ่าย นิลลดาไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรต่อแล้วตอนนี้นี่คงเป็นคำตำหนิที่ยาวที่สุดที่เคยได้ยินจากอันชิตา โชคดีที่ส่งใบลาพักร้อนไว้ก่อนหน้าหลังจากทำงานมาแบบหามรุ่งหามค่ำไม่เคยลาป่วยและลากิจเลยสักครั้งตลอดเวลาที่ทำงานอยู่ที่นี่ ซึ่งช่างเป็นจังหวะดีสำหรับหล่อนในตอนนี้ อยากจะลาพักร้อนสักครึ่งปีนึกแล้วก็อยากกลับไปทำงานฟรีแลนซ์เหมือนอย่างเดิม
เพื่อให้ทันนัดลูกค้าครั้งนี้ อันชิตาไม่ได้รู้สึกกังวลกับการจะไปสายสักเท่าไหร่เนื่องจากเธอเป็นต่อกับการเจรจา หากโทรเลื่อนนัดเสียหน่อยก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร และก็ไม่เห็นถึงประโยชน์อะไรที่เธอจะยอมเสียภาพลักษณ์ด้วยการซ้อนมอเตอร์ไซค์ไปพบลูกค้า แต่เพียงแค่ไม่อยากจะอธิบายให้ลูกน้องอย่างนิลลดาต้องรู้ ตลอดเวลาที่นิลลดามาทำงานเป็นคนขับรถให้อันชิตา หล่อนก็มักจะมาด้วยเวลาฉิวเฉียดเสมอแต่ก็ยังพอให้อภัยได้แม้มันจะทำให้เธอหงุดหงิดใจทุกครั้งแต่ครั้งนี้หล่อนคงไม่มีโอกาสได้แก้ตัว การอยู่ให้ห่างกันน่าจะเป็นทางที่ดีที่สุด เพราะหากเจอหน้ากันอันชิตาคงพาลโมโหหล่อนขึ้นเป็นแน่
ตอนที่ 5
นิลลดาเลือกใช้ช่วงเวลาพักร้อนด้วยการมาเที่ยวทะเลทางภาคใต้คนเดียว
"วันนี้หนูนิลอยากไปที่ที่หนึ่งมั้ยลุงจะพาไป" ลูคัส ชายต่างชาติสูงอายุผู้ชาวอังกฤษที่พูดภาษาไทยได้ราวกับคนไทยเจ้าของรีสอร์ทส่วนตัวแห่งนี้เสนอพานิลลดาเที่ยว ขณะที่เธอกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บริเวณริมสระว่ายน้ำโดยที่เขากำลังทำความสะอาดอยู่ใกล้ๆ
"หนูยังอยากนอนอืดฉึ่งในห้องอยู่เลยค่ะ" ผ่านมาสี่วันแล้วที่นิลลดาใช้ชิวิตอยู่แต่ภายในรีสอร์ทโดยที่ไม่ได้ออกไปเที่ยวไหนๆ เหมือนลูกค้าคนอื่นๆ
"ตามใจนะ แต่ถ้าเปลี่ยนใจบอกลุงได้" เขาใจดีแบบนี้ทุกครั้งกับเธอมาพักที่นี่
"ขอถามหน่อยได้มั้ยคะ ทำไมถึงตั้งชื่อว่าอันดามันรีสอร์ท ที่นี่ออกจะหรูหราน่าจะตั้งชิ่อเป็นภาษาอังกฤษเก๋ๆ แทน" นิลลดาถามเพราะนานๆ จะได้พูดคุยกับเขา ซึ่งส่วนใหญ่เธอจะสนิทสนมกับภรรยาเขามากกว่า
"ลุงอยากมีลูก แต่ลุงแก่เกินไปที่จะมีจนมาเจอกับป้า ป้าแกมีลูกติด ลุงก็รักเหมือนลูกสาวแท้ๆ จนพอเราสร้างเนื้อสร้างตัวได้จนมีที่นี่ก็เอาชื่อลูกมาตั้งเป็นชื่อรีสอร์ท" เขาเล่าด้วยรอยยิ้มภูมิใจ
"แล้วน้องไปไหนล่ะคะ มาไม่เคยเจอเลย"
"อันดามันไม่ค่อยมาที่นี่หรอก ทำงานอยู่ในกรุงเทพ แต่คิดว่าไม่กี่วันนี้หนูคงได้เจอ อ้อ ลูกสาวลุงอายุมากกว่าหนูนะแล้วก็สวยมากด้วยถ้าอยากเจอเดี๋ยวจะแนะนำให้รู้จัก"
"แถวนี้มีคนสวยกว่าหนูด้วยเหรอคะ พูดเสียอยากเจอเลยค่ะ แต่ตอนนี้ชักอยากนอนเสียแล้ว ขอตัวก่อนนะคะแล้วถ้าหนูอยากเที่ยวจะรีบมารบกวนเลยค่ะ"
"อ้อ วันนี้เสริฟอาหารเย็นที่บ้านนะคะ" หากวันไหนนิลลดาอยากจะดื่มด่ำบรรยากาศริมทะเลเธอจะสั่งอาหารมาทานที่บ้านเพราะ เมื่อเปิดประตูระเบียงออกไปก็จะเจอกับริมหาดและบรรยากาศพระอาทิตย์ตกดินพอดี ซึ่งมีเพียงบ้านพักหลังนี้ที่มีวิวดีที่สุดและเธอก็จะเป็นลูกค้าประจำในช่วงหน้าฝนนี้ การจองที่พักติดริมทะเลในช่วงหน้าฝนนี้ไม่ค่อยมีใครทำมากนัก ซึ่งมันก็ทำให้นิลลดาไม่ต้องไปแย่งชิงกับใครและสามารถพักได้แบบระยะยาว
นิลลดาดูเวลาตอนนี้สี่โมงครึ่งเธอลุกขึ้นอาบน้ำตามปกติ เพื่อรอทานอาหารเย็นที่จะมาแบบจัดเต็มตอนหกโมง เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเช็คสภาพอากาศ 'มีฝนเล็กน้อย' นี่เเหละคือสาเหตุที่ทำให้นิลลดาเลือกทานอาหารเอาท์ดอร์ในวันนี้ การทานอาหารพร้อมกับกลิ่นฝน บวกกับเห็นพระอาทิตย์ตก เสียงคลื่นที่ทักทายตลอด แต่เธอก็ไม่ใช่โรคจิตที่จะนั่งทานอาหารกลางฝน เพราะระเบียงที่นั่งทานข้าวมีหลังคาอย่างดีกันฝนสาดซึ่งการันตีได้เลยว่าไม่มีทางเปียก
เธอแต่งตัวด้วยชุดสบายๆ รวบผมลวกๆ และไม่ลืมหยิบกล้องตัวโปรดตรงไปยังโต๊ะอาหารข้างนอก แต่ภาพที่ต่างไปก็คือ คนที่กำลังจัดโต๊ะให้ดูจากข้างหลังแล้ว ดูสาวเกินจะเป็นภรรยาของลุงลูคัสที่ปกติป้าจะเป็นคนจัดการอาหารให้ และดูสวยกว่าพนักงานที่รีสอร์ท นิลลดาอดไม่ได้ที่จะยกกล้องขึ้นมาถ่าย เห็นเพียงแค่ข้างหลังก็รู้ว่าสวย ผมสีน้ำตาลของหล่อนปล่อยสยายถึงกลางหลังแต่ดูไม่ยุ่งเหยิงเพราะลมทะเลแต่กลับดูเป็นธรรมชาติ ผิวพรรณดูขาวผ่องต่างจากคนแถวนี้ การแต่งกายก็ดูสบายๆ เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงขาสั้นสีดำหล่อนคงไม่ได้เป็นแค่เพียงพนักงานธรรมดา นิลลดาก้มลงเช็ครูปที่เพิ่งแอบถ่าย
"เธอ!" เสียงคุ้นหูดังขึ้น หล่อนคงจะเพี้ยนหรือนอนมากเกินไป อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงของเจ้านายเจ้าอารมณ์
"เจ้านาย!" หล่อนแทบช็อกเมื่อเงยหน้าขึ้นมาพบกับคนที่ไม่คิดว่าจะเจอที่นี่
"อ๋อ เธอนี่เองลูกค้าประจำที่แม่ฉันเล่าให้ฟังบ่อยๆ" หล่อนวางจานชามตรงหน้าที่ดูเหมือนว่าเพิ่งจะเริ่มจัดแล้วหันมาทางนิลลดา
"งั้นก็จัดต่อเองแล้วกัน" อันชิตาพูดนิ่งๆ
"ค่ะ" นิลลดาตอบรับออกไปอย่างว่าง่ายพร้อมกับลงมือจัดโต๊ะเองโดยไม่คิดสงสัยอะไรทีเธอมาอยู่ตรงนี้ส่วนอันชิตาก็ถอยออกจากตรงนั้นเพียงเล็กน้อยพร้อมกับยืดตัวตรงกอดอกอย่างที่เคยทำเป็นประจำ
"ฉันพอจะรู้จักรีสอร์ทสไตล์คล้ายๆ กับที่นี่แถมยังราคาถูกกว่าเธอสนใจมั้ย" นิลลดาชะงัก นี่หล่อนคงไม่อยากให้เธออยู่ที่นี่สินะ
"ไม่สนใจค่ะ" นิลลดาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งจัดโต๊ะต่อโดยไม่หันไปสนใจหล่อนซึ่งก็สร้างความหงุดหงิดให้อันชิตา ไม่มีลูกน้องคนไหนหันหลังคุยกับเธอแถมคนตรงหน้ายังอายุน้อยกว่าอีกช่างไร้มารยาท
"แล้วทำไมต้องเป็นที่นี่ เงินเดือนเธอแค่ไม่กี่หมื่นมีปัญญาจ่ายเหรอหรือทำอย่างอื่นด้วยเพื่อแลกเงิน" การจองที่พักติดต่อกันเป็นเดือนของลูกค้าประจำอย่างนิลลดาที่แม่ของเธอชอบเล่าให้ฟัง โดยการประเมินของหล่อนไม่มีทางที่นิลลดาจะหาเงินมาได้อย่างสุจริต
"คุณดูแตกต่างจากพ่อและแม่ของคุณมากเลยนะคะ" นิลลดาหันกพยายามกดอารมณ์โมโห
"ทำไม! ฉันเป็นยังไง"
"นี่! หันมานี่นะคุยกันให้รู้เรื่อง" ยิ่งนิลลดาทำเป็นไม่สนใจยิ่งทำให้อันชิตาไม่พอใจกระชากคนตัวสูงกว่าให้หันมาเผชิญหน้า
"คุณอยากจะรู้จริงๆ เหรอว่าคุณเป็นคนยังไง" นิลลดาค่อยๆ เดินเข้าหาคนที่กระชากเธอด้วยความเกรี้ยวกราดส่วนหล่อนก็ถอยหนีจนล้มลงที่โซฟาแบบไม่ทันตั้งตัวก่อนจะหันมาตวาดกลับ
"จะทำอะไร ถอยออกไป" หล่อนถูกสองมือหนาของนิลลดากันไม่ให้ขยับตัวหนีไปไหน
"ก็ไหนอยากรู้ไม่ใช่เหรอ" นิลลดาเปลี่ยนมาจับข้อมืออันชิตาและกดหล่อนไว้กับโซฟา รู้สึกรำคาญจากการที่หล่อนพยายามดันตัวเธอไม่ให้เข้าใกล้
"ปล่อย"
"คุณมันโรคจิต" นิลลดาโพล่งขึ้นมา ทำให้อันชิตาหยุดชะงักทันทีจากที่พยายามดิ้น เห็นหล่อนน้ำตาคลอและหายเริ่มหายใจแรงขึ้น แววตาแข็งกร้าวน่ากลัวกว่าเดิม
"ค คุณ เป็นอะไรอะ" ส่วนนิลลดาก็ทำอะไรไม่ถูกรีบปล่อยมือหล่อนและถอยออกมาทันทีด้วยความงง และกลัว พยายามจะเอื้อมมือแตะหล่อน แต่ 'เพี้ยะ เพี้ยะ เพี้ยะ' อันชิตาง้างมือตบนิลลดาอย่างเต็มแรง และมันก็ทำให้หล่อนคลายอาการที่เป็นอยู่และดูสงบลง ส่วนนิลลดาทั้งเจ็บทั้งงงแต่เหนือสิ่งอื่นใดตอนนี้หูเธออื้อไปหมดคิดอะไรไม่ออก เกิดมาไม่เคยถูกตบสักครั้งหน้าชาไปหมดไม่ทันได้สังเกตดูว่าอันชิตากลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่