ตอนที่ 6
“อ้าว หนูนิลทำไมวันนี้ตื่นเช้าจังเลยล่ะลูก” ป้ามณีเจ้าของรีสอร์ทตัวจริงทักแขกประจำอย่างนิลลดาด้วยความสนิทสนมโดยที่หล่อนกำลังง่วนอยู่กับหม้อข้าวต้มตรงหน้าแต่ก็ไม่ลืมหันมาทักทายเธอที่เพิ่งเดินเข้ามาภายในครัวอย่างชินตา
“ตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นค่ะ ครั้งแรกเลยนะเนี่ย” เพราะเหตุการณ์เมื่อคืนทำให้เธอนอนไม่หลับแถมยังตื่นไว
“ข้าวต้มยังไม่เสร็จเลยถ้าหิวก็รอเดี๋ยวนะลูก”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูทานกาแฟรองท้องมาแล้วขอนั่งเล่นในครัวดูป้าทำอาหารดีกว่า” ปกติแขกทั่วไปจะทานอาหารอยู่ในส่วนห้องอาหารของรีสอร์ทโดยมีพ่อครัวดูแล แต่สำหรับนิลลดาค่อนข้างจะได้สิทธิพิเศษสามารถเข้าบ้านเจ้าของรีสอร์ทที่อยู่ถัดจากบ้านหลังที่เธอพักเพียงไม่กี่ก้าวและเธอก็มักจะมาฝากท้องที่นี่ทุกเช้า
“หนูนิล แหม ลมอะไรหอบมาแต่เช้าเนี่ย” คนมาใหม่อย่างลุงลูคัสทักฉันอีกคนด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ
“น่าจะลมทะเลค่ะมาค่ะ หนูช่วย” เมื่อเห็นคนอายุมากหอบของเต็มไม้เต็มมือเธฮจึงเดินเข้าไปช่วยโดยไม่ลังเล
“โหย ซื้ออะไรมาเยอะแยะคะเนี่ย” เธอช่วยเก็บของที่ลุงลูคัสซื้อมาใส่ตู้
“อ้อใช่ เมื่อวานเจอลูกสาวลุงแล้วใช่มั้ย นั่นแหละเหตุผลที่ลุงซื้อของมาเยอะแยะ”
“จริงๆ แล้วคุณอันชิตาคือเจ้านายหนูค่ะ”
“โอ้ จริงเหรอ โชคดีจังเลย” เขาหันไปหาป้ามณีและอวดสิ่งที่ได้ยินจากนิลลดาอย่างตื่นเต้น
“สนิทกันมั้ย ตอนอยู่ที่ทำงาน” ป้าละจากการทำข้าวต้มยัดกระบวยให้ลุงลูคัสและลงมาแทรกตัวอยู่ข้างนิลลดาแทนราวกับเด็ก
“ก็ มะไม่ค่อยเท่าไหร่ค่ะ” ไม่ใช่สิต้องไม่สนิท เธอกับอันชิตาไม่สนิทกันเลยรวมถึงกับพนักงานคนอื่นๆ ด้วย ไม่เห็นหล่อนจะคุยเล่นหรือสนิทกับใครเป็นพิเศษ
“แย่จัง ป้าอะนะหลังจากที่อันดามันไปทำงานกรุงเทพก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องส่วนตัวลูกสาวมากเท่าไหร่”
“แล้วคุณอันชิตาไปไหนล่ะคะ” พักจากการเก็บของเข้าตู้นิลลดาก็กลับไปนั่งกินข้าวเช้าปกติโดยมีคนอายุมากทั้งสองคอยจัดการให้และลงนั่งข้างๆ กันเหมือนประจำทุกวัน
“ไปวัดน่ะจ้ะ” อย่างอันชิตาเนี่ยนะไปวัดแทบไม่อยากจะเชื่อ
“อันดามันมีแฟนมั้ย” เธอแทบจะสำลักกับคำถามและยังไม่ทันตอบ
“น่าจะยังนะ เห็นยังทำตัวปกติ” ลุงลูคัสตอบแทนราวกับถามกันอยู่สองคนไม่สนใจว่าเธอจะตอบหรือไม่
“แล้วมีเพื่อนที่สนิทมั้ย แบบผู้หญิงอย่างเนี้ย” ป้ายังถามต่อ
“ก็น่าจะไม่มีนะ ไม่เห็นพูดถึง” ลุงลูคัสเสริมอีก
“นี่ แกจะพูดแทรกทำไมนักไอ้ฝรั่ง” ป้าเริ่มรำคาญลุงที่คอยตอบ
“เอาจริงๆ หนูไม่ค่อยรู้เรื่องส่วนตัวของเจ้านายสักเท่าไหร่ค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ” พร้อมกับก้มลงทานข้าวต้มในชามต่อ
“เสียดายจัง” ป้ามณีทำท่าเสียดายแต่ก็เปลี่ยนอารมณ์อย่างไว
“งั้นช่วยอะไรป้าหน่อยได้มั้ย” นิลลดารู้สึกระแวงกับคำขอของคนเป็นเจ้าของรีสอร์ท การนั่งทานข้าวพร้อมกันกับลุงกับป้าในครัวและคุยเรื่องสัพเพเหระเป็นเรื่องปกติทุกเช้าของพวกเราแต่วันนี้คงแปลกไปเพราะพวกเราคุยเรื่องลูกสาวของป้ากับลุงซึ่งเป็นนายของเธอและคำขอของป้าก็คำให้นิลลดากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“คือเอาแบบตรงๆ ไม่อ้อมค้อมเลยนะคะคุณป้าคุณลุงแค่หนูอยู่ใกล้เจ้านายเกินห้าร้อยเมตรหนูก็ขนลุกมาแล้วค่ะแล้วยิ่งให้หนูตามติดขนาดนั้นหนูคงโดนตะเพิดออกจากงานแน่” ใช่ค่ะ ป้าไม่ต้องการอะไรมากเพียงแค่อยากรู้เรื่องราวของลูกสาวที่นานๆ ทีจะกลับบ้านในทุกๆ เรื่องโดยเฉพาะเรื่องหัวใจเพราะเป็นห่วงอยากให้ลูกสาวแสนรักเป็นฝั่งเป็นฝาแถมยังบอกว่าจะยกกิจการรีสอร์ทให้ลูกสาวและลูกเขยดูแลเพราะตัวเองก็อายุมากขึ้นทุกวันแต่เหนือสิ่งอื่นใดลูกสาวป้าก็ไม่เคยเล่าหรือมีวี่แววจะมีคนรู้ใจสักที
“อย่าหาว่าหนูเผาเจ้านายเลยนะคะ ตอนอยู่ที่ทำงานคุณอันชิตาก็ทำแต่งานและก็ท่าทางหยิ่งๆ ดุๆ นี่อีก กลัวกันทั้งแผนกลามไปยันผู้บริหาร” นิลลดาแสร้งทำท่ายืดตัวกอดอกล้อเลียนเจ้านาย หัดมีมารยาทและรักษาเวลาด้วยไม่งั้นฉันไล่เธอออกแน่ จนทั้งสองอดขำไม่ได้
“ขนาดนั้นเลยเหรอ ป้ากับลุงนึกภาพไม่ออกเลยจริงๆ แต่ป้ามีข้อเสนอนะ”
“จะดีเหรอจะทำให้หนูนิลลำบากใจนะที่รัก” เพี้ยะ ป้าเหลืออดที่สามีเอาแต่คอยขัดเป็นระยะจึงฟาดเข้าให้อย่างเต็มแรงนิลลดาอดขำไม่ได้กับท่าทางหงอยๆ กลัวเมีย
“ป้าจะให้พักฟรีเท่าที่หนูต้องการเลยมาเมื่อไหร่ก็ได้บ้านหลังเดิม”
“จะดีเหรอคะ หนูก็อยากช่วยนะคะแต่หนูก็กลัวเจ้านายมากกว่า” ถึงแม้ภายในใจจะแอบดี๊ด๊าเริงร่ากับข้อเสนอ ค่าพักที่นี่สามารถซื้อกล้องและเลนส์ตัวใหม่ได้เลยที่เดียวแต่มันก็ไม่ค่อยคุ้มที่จะเสี่ยงเท่าไหร่
“งั้นป้ามีความลับจะบอก ไอ้ฝรั่งเอาชามไปล้างแล้วไปรดน้ำต้นไม้ไป” ไม่วายหันไปออกคำสั่งกับสามีที่กำลังตั้งหน้าตั้งตากินข้าวต้มในชามพร้อมๆ กับตั้งหน้าตั้งตาฟังแต่ก็รีบทำตามที่ป้าสั่งทันที เมื่อลุงออกไปแล้วป้าก็เริ่มเล่าเรื่องของลูกสาวส่วนนิลลดาก็ทำเงี่ยหูฟังขยับเข้าใกล้ป้ากว่าเดิม
“อันดามันเคยแต่งงานแล้วสองครั้ง”
“ห๊า!! สองครั้งเลยเหรอคะ” แค่เคยแต่งงานก็ไม่อยากจะเชื่อแล้วแต่นี่แต่งถึงสองครั้ง
“แล้ว แล้ว” นิลลดากำลังจะถามต่อถึงสามีของอันชิตา แต่งสองครั้งก็ต้องมีสามีสองคนแล้วสองคนนั้นไปไหน
“ตายหมดแล้วล่ะ ลูกสาวป้ามันดวงกินผัวรักใครชอบใครเขาก็พากันตายกันหมด” ป้าพูดจริงจังแต่นิลลดากลับขำแต่ก็ต้องหุบยิ้มเมื่อป้าส่งสายตาอำมหิตที่ใช้ประจำกับลุงมาที่เธอแทน
“เอ่อ ไม่น่าเกี่ยวกับดวงหรอกมั้งคะ” น่าจะเป็นเพราะหล่อนเองมากกว่าที่ทำให้ผู้ชายต่างพากันหนีตายหมด
“จริงสิหนู ทีแรกก็ดีทุกอย่างพอหลังแต่งงานไม่เท่าไหร่ คนแรกก็ป่วยขึ้นมาเฉยๆ ทั้งที่ก่อนนี้แข็งแรงดีมาเจอว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายไม่ทันได้รักษาหลังตรวจเจอไม่นานก็ตาย ส่วนคนที่สองหลังแต่งงานไม่ถึงเดือนก็เกิดอุบัติเหตุทางรถชนตายคาที่”
“โหย ดวงแรงขนาดนี้ป้ายังอยากให้ลูกป้าแต่งงานอีกเหรอคะ” เริ่มสงสารผู้ชายคนที่สามที่จะมาแต่งงานด้วย
“โอ้ย หนูแค่ล้อเล่นค่ะ” ป้าเริ่มลงไม้ลงมือฟาดมาที่แขนเธอ
“เอาน่าป้าไปแก้ดวงมาใหม่แล้วขอแค่หนูนิลช่วยป้าก็พอ” เธอพอจะรู้แล้วว่าอันชิตาได้นิสัยขี้สั่งมาจากใคร
“ป้าก็งมงายเหมือนกันนะเนี่ย” เธอแอบบ่นเบาๆ คิดว่าคนนั่งข้างๆ จะไม่ได้ยิน
“ป้าได้ยินนะหนูนิล เอาล่ะคิดว่าช่วยคนแก่ๆ สองคนเถอะนะ”
“ก็ได้ค่ะ แต่หนูไม่รับปากนะคะว่าจะช่วยได้มากน้อยแค่ไหน คุณอันชิตาเธอหวงความเป็นส่วนตัวมากการจะเข้าถึงคงยาก”
“ไม่หรอกหนูนิล ลูกสาวป้าจริงๆ แล้วใจดีและก็น่ารักมากจะตาย เรื่องเข้าถึงตัวเดี๋ยวป้าจัดให้” นิลลดาเริ่มกลัวกับรอยยิ้มเย็นๆ ที่ป้ามณีส่งมาให้จนต้องถอยหลังพิงพนักช้าๆ และยิ้มแหยๆ กลับไป
“ออ แต่อย่าบอกอันดามันนะว่าป้าแอบเล่าให้ฟัง” นิลลดาได้แต่พยักหน้าหงึกๆ
“เริ่มจาก หนูนิลไปอาบน้ำแต่งตัวให้หอมๆ เลยนะแล้วป้าฝากรับอันดามันที่วัดแล้วก็พาแวะร้านกาแฟโบราณเฮียโก๋ก่อนทางเข้ารีสอร์ทมาทีไรยายอันจะชอบแวะที่นั่นก่อนเข้าบ้านเสร็จแล้วไม่ต้องกลับมานะ ไปดำน้ำต่อเลยเดี๋ยวป้าโทรบอกเจ้าหุยให้เตรียมเรือ ขากลับซื้อของทะเลสดๆ เข้ามาด้วยนะลูก คืนนี้ที่รีสอร์ทเราจะมีปาร์ตี้” นิลลดาทำตามคนสั่งอย่างงงๆ หันไปดูข้าวข้องต่างๆ หลังรถที่คนเป็นแม่เตรียมไว้ให้ลูกสาวทั้งเสื้อผ้าและอาหารราวกับการไปปิคนิค ตั้งแต่เกิดมาเธอยังไม่เคยใกล้ชิดหรือสนิทสนมกับครอบครัวไหนเท่าครอบครัวนี้จนทำให้รู้สึกผูกพันธ์กับลุงและป้ารู้สึกอิจฉาอันชิตาที่มีพ่อแม่น่ารักขนาดนี้ถ้าเป็นเธอคงไม่ไปหางานทำไกลบ้านทั้งบรรยากาศและครอบครัวที่แสนอบอุ่นขนาดนี้
“มาช้าจังเลยนะคะป๊า เอ๊ะ!! นี่เธออีกแล้วเหรอ” อันชิตาเปิดประตูและก้าวขึ้นรถมาโดยที่ยังไม่ทันมองว่าใครที่มารับ
“ใช่ค่ะ ฉันเอง” นิลลดาฉีกยิ้มแทบจะถึงรูหูให้หล่อน
“เห้อ เมื่อไหร่จะเลิกตามฉันสักทีเธอไม่รู้มาก่อนใช่มั้ยว่ารีสอร์ทเป็นของบ้านฉัน” หล่อนขี้ระแวงและช่างโยงมั่วซั่วไปหมดนิลลดาคิด จะรอดมั้ยเนี่ยภารกิจพักฟรีรีสอร์ทสุดหรูหรามาเมื่อไหร่ก็ได้
“จะบ้าเหรอคุณฉันไม่ใช่เจน ญาณทิพย์นะ” หล่อนไม่ได้ตอบโต้เพราะไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงและอยากกลับที่พักเต็มทน
“ไม่ต้องแวะก็ได้ ฉันอยากกลับเลย” เมื่อใกล้ถึงร้านเฮียโก๋นิลลดาก็ตบไฟเลี้ยวเพื่อเป็นสัญญาณ
“ได้ไงคะ แม่คุณสั่งมา”
“งั้นฉันขอสั่งเธอในฐานะเจ้านาย”
“แต่นี่ไม่ใช่เวลางาน และฉันก็อยากจะลองกาแฟโบราณแบบที่คุณอันดามันชอบ” นิลลดาเน้นคำว่าอันดามันอย่างเป็นต่อและเปิดประตูลงรถและมองหาที่นั่งเพราะเราทั้งคู่เสียเวลาต่อล้อต่อเถียงอยู่บนรถมาพัก
“มากี่ท่านครับอาคนสวย” คนอายุมากเดินมาต้อนรับนิลลดาที่ยืนมองหาที่นั่ง นี่คงเป็นเฮียโก๋เจ้าของร้านที่มาพร้อมภาษาไทยสำเนียงจีน
“มาสองคนค่ะ เจ้านายหนูกำลังตามมา” นิลลดามองไปที่คนที่กำลังเดินหน้างอมาทางเธอแต่ก็เปลี่ยนอารมณ์ไวราวกับเปลี่ยนเกียร์
“สวัสดีค่ะเฮีย อันขอแบบเดิม”
“โอ้ว ว่าแล้วเชียวรถคุ้นๆ เหมือนที่รีสอร์ทที่แท้ลูกสาวเจ้าของรีสอร์ทอาอันดามันนี่เอง ได้ๆ เดี๋ยวเฮียจัดชุดใหญ่ให้เลยนานๆ ลื้อจะมีเพื่อนคนสวยมาด้วย” นิลลดาเอาแต่ปลื้มปริ่มที่ถูกชมว่าสวยซึ่งๆ หน้าไม่หยุดปากแต่ก็แทบจะยุบยิ้มทันที่ที่หันไปสบตากับเจ้านายหน้ายักษ์และหล่อนก็เดินไปนั่งโดยไม่รอเธอ
“อาคนสวยอยากได้ไข่ลวกสักฟองมั้ย จะได้ปึ๋งปั๋งซู่ซ่า” ประโยคหลังเฮียโก๋หรี่เสียงลงราวกับกระซิบ
“โอ่ย จะดีเหรอเฮียกลัวคืนนี้จะไม่ได้นอนน่ะสิ” นิลลดาพูดทีเล่นทีจริง
“ถ้ามาแล้วไม่ได้กินถือว่ามาไม่ถึงสุราษณ์นะนังหนู”
“งั้นจัดมาเลยฮะ” เอ่ยปากสั่งทันทีคนอย่างนิลลดาชอบการท้าทายที่สุด
“เธอไม่ต้องทำเอาใจคนทุกคนรอบตัวก็ได้นะ” อันชิตาพูดโดยที่ไม่มองหน้าขณะเห็นว่าเธอสั่งไข่ลวกมาทาน
“อั๊วไม่ได้เอาใจอั๊วอยากกินจริงๆ อร่อยนะลื้ออยากลองมั้ย” นิลลดาพูดล้อเลียนเฮียโก๋ แต่กลับถูกมองค้อนแทน
“ทะลึ่ง”
“อุ้ย ไม่ขำ แถมยังโดนด่าอีก” นิลลดาทำหน้าหงอเหมือนเด็ก
“ฉันก็แค่อยากลองอะไรใหม่ๆ ค่ะ อย่างไข่ลวกเนี่ยฉันก็เพิ่งกินครั้งแรกคุณก็น่าจะลองบ้างจะได้ปึ๋งปั๋ง” นิลลดาเน้นคำหลัง
“พอดีเฮียเขาบอกมาน่ะค่ะ” กลัวจะถูกด่าเลยรีบแก้ตัวเสียงอ่อน
“อยู่ที่นี่เธอจะพูดหรือทำอะไรก็ได้เรื่องของเธอฉันจะไม่ยุ่งเพราะถือว่าไม่ได้อยู่ในเวลางาน แต่ถ้ากลับไปเมื่อไหร่ช่วยทำตัวเหมือนเดิมอย่าล้ำเส้น” แม้ปากจะด่าออกไปแต่ใบหน้าของหล่อนก็แดงระเรื่อไม่รู้เพราะโกรธหรืออายกับคำพูดของเด็กสาวตรงหน้า
“ค่ะ เจ้านายคนสวย” การถูกอันชิตาด่าอย่างน้อยก็ดีกว่าหล่อนเดินลุกหนีไปเฉยๆ
“อ้าว เพื่อนรักนี่เอง มองข้างหลังก็รู้แล้วว่าใคร” เสียงดังส่งมาแต่ไกลมองมาทางโต๊ะที่เรานั่งอยู่จากผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกับเจ้านายแตกต่างกันตรงการแต่งกายที่ดูโฉบเฉี่ยวและเปรี้ยวกว่าด้วยเครื่องสำอางราวกับโบกผิวขาวออร่ามาแต่ไกลแถมยังกำลังเดินมาทางนี้
“หายป่วยแล้วเหรอจ้ะอันดามันถึงมาเพ่นพ่านแถวนี้ได้ สั่งเพิ่มอีกสิ เดี๋ยวฉันเลี้ยงหรือจะไปกินที่ร้านฉันก็ได้นะจะได้สมฐานะ”
“ฉันจะไปรอที่รถรีบตามมา” อันชิตากำมือแน่นพยายามกดอารมณ์ไม่มองหน้าคนมาใหม่ เงยหน้าออกคำสั่งแล้วรีบลุกไปโดยที่ไม่ได้มองหน้าคนมาใหม่
“หวังว่าจะไม่ไปทำใครตายอีกล่ะ” คำพูดของคนมาใหม่ทำให้อันชิตาหยุดชะงักและรีบเดินไปขึ้นรถ
“ขอตัวนะคะ” นิลลดารีบควักเงินวางที่โต๊ะและกำลังจะเดินตามคนเป็นนายแต่คนที่ออกตัวว่าเป็นเพื่อนสนิทของเจ้านายดันมาขวางทาง
“ระวังนะ อยู่ใกล้ยายนั่นอาจจะตายก่อนวัย”
“ไม่เป็นไรค่ะ อย่างน้อยก็ดีกว่าแก่ตาย”
“ว้าย ไอ้เด็กบ้าว่าฉันแก่เหรอ” คำพูดกวนประสาทของนิลลดาทำให้เจ๊ขาวผ่องปรี๊ดแตก
“อุ้ย นอกจากป้าก็ไม่มีใครยืนอยู่ตรงนี้นะ แล้วก็ขอตัวนะไม่มีเวลาว่างมาระรานคนอื่น” ยิ่งหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้และท่าทางเหมือนปัดฝุ่นปัดแมลงวันรอบๆ ตัวเจ๊ผ่องยิ่งทำให้หล่อนแทบจะเสียสติ กรี้ด!! และตามด้วยคำด่ามากมาย
__________________________________________________________________________