“คุณอัน!! ” นิลลดาร้องเรียกเสียงหลง
ภาพอันชิตาที่ค่อยๆ จมลงอยู่ในสายตานิลลดาพอดี ส่วนเจ้าหุยก็รีบกระโดดตามลงน้ำเพื่อช่วยคนเป็นนาย นิลลดาทำอะไรไม่ถูกก่อนจะได้สติรีบว่ายไปตรงบริเวณที่หล่อนจมไป
“เจอมั้ย” เมื่อเจ้าหุยโผล่ขึ้นมาเธอถามทันที
“คลื่นน่าจะพัดไปทางอื่น ต้องรีบหา” พูดแค่นั้นแล้วดำลงไปใหม่ ส่วนนิลลดาก็รับทราบและดำลงไปด้วยภายในใจมีแต่ความรู้สึกผิด ภาวนาให้เจอหล่อนโดยไว ทั้งเธอและเจ้าหุยดำผุดดำว่ายขึ้นลงอย่างไม่หยุดยั้งไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แต่สำหรับทั้งคู่ทุกอย่างต้องทำด้วยความรวดเร็วเพื่อให้เจอหล่อนโดยไวและเพื่อให้หล่อนปลอดภัย จนกระทั่งสิ่งที่เธอรอคอยก็มาถึงเจ้าหุยโผล่ขึ้นมาพร้อมกับร่างอันชิตาที่หมดสติ นิลลดารีบว่ายขึ้นเรือโยนห่วงยางลงน้ำและช่วยคว้าร่างคนไม่ได้สติขึ้นเรือวางหล่อนลงให้นอนราบกับพื้น รีบเอาหูเงี่ยฟังเสียงหัวใจของหล่อน
“คุณอันคุณได้ยินฉันมั้ย ฉันขอโทษ” เธอและเจ้าหุยผลัดกันปั๊มหัวใจหล่อนแต่ชีพจรหล่อนก็ยังไม่กลับมา
“ต้องผายปอดแล้วล่ะ” เจ้าหุยโพล่งขึ้นมาขณะที่เธอกำลังพยายามปั๊มหัวใจ ซึ่งนิลลดาก็ไม่รีรอทำตามเป่าลมเข้าปากหล่อนอย่างที่เคยอบรมมาตอนเรียนไม่เคยคิดว่าวิชานี้จะได้นำมาใช้จริงๆ หล่อนทำทั้งสองอย่างสลับไปมา
“ขอล่ะ กลับมาเถอะนะ” พูดราวคนหมดแรงพร้อมกับน้ำตาค่อยๆ หยดลงเป็นสาย ขณะที่เจ้าหุยก็พยายามปั๊มหัวใจไม่หยุด
“ทำยังไงดี” เจ้าหุยหยุดและหันมาพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงสั่นเครืออย่างหมดแรง
“ครั้งสุดท้ายคุณอันต้องไม่เป็นไร” นิลลดาเข้มแข็งเพื่อให้เด็กหนุ่มตรงหน้ามีหวัง เธอก้มลงผายปอดหล่อนอีกครั้งเป่าลมเข้าปาก
แค่ก แค่ก ปาฎิหาร์มีจริง หล่อนเริ่มตอบสนองสำลักน้ำออกมา
“ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ” เจ้าหุยยกมือไหว้และเอาแต่พูดขอบคุณด้วยความตื้นตันและดีใจ นิลลดาค่อยๆ พยุงอันชิตาให้นั่งเพื่อจะได้สะดวกต่อการเอาน้ำทะเลออกจากร่างกาย เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเริ่มจะดีขึ้นหล่อนก็หันมามองหน้านิลลดาด้วยสายตาว่างเปล่าไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา
“หุย พาฉันไปพัก” หล่อนออกคำสั่งโดยไม่ได้มองหน้าเจ้าหุยเอาแต่จ้องหน้านิลลดาที่ไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาเหมือนกัน เจ้าหุยค่อยๆ พยุงหล่อนให้ลุกขึ้นและเดินหายลงไปยังห้องพักข้างล่างรู้สึกโกรธเกลียดตัวเองที่เล่นไม่รู้เรื่อง หล่อนคงจะเกลียดเธอเข้าไปใหญ่สถานการณ์ระหว่างเธอกับอันชิตาเกือบจะดีแล้วเชียว
“เป็นไงบ้าง” นิลลดาเดินเข้าหาเจ้าหุยที่ห้องบังคับเรือที่ตอนนี้จอดสนิท
“เจ๊เนี่ยโตแล้วยังเล่นไม่รู้เรื่อง คุณอันว่ายน้ำไม่เป็น” เจ้าหุยถือโอกาสบ่น
“ก็ฉันไม่รู้หนิ เห็นอยู่ติดทะเลก็นึกว่าว่ายน้ำเป็น” พูดแค่นั้นก็ถูกเจ้าหุยบ่นเกือบจะตลอดทางจนเข้าฝั่งซึ่งเธอก็ได้แต่เงียบยอมจำนนต่อความผิดและหลังจากนั้นทั้งอันชิตาและนิลลดาก็ไม่มีใครปริปากพูดเลยจนกลับถึงรีสอร์ทโดยเจ้าหุยอาสาขับรถมาส่งเพื่อเอาใจเจ้านายตัวเอง สรุปวันนั้นความตั้งใจของคนเป็นแม่อย่างป้ามณีก็ไม่เป็นผลเมื่อถึงรีสอร์ทอันชิตาก็เดินขึ้นห้องไปพร้อมกับเหตุผลว่าหล่อนรู้สึกไม่ค่อยสบายและไม่ได้พูถึงเรื่องที่เกิดขึ้นและวันนั้นทั้งวันนิลลดาก็วนเวียนอยู่แถวนั้นคอยหยิบจับช่วยงานป้ามณีราวกับกลบเกลื่อนสิ่งที่ตนทำผิดมาจนตกเย็นเธอก็กลับยังที่พักของตนเองเมื่อเห็นว่าอันชิตาลงจากห้องมาและท่าทางดูสบายดีไม่น่าเป็นห่วง
ก๊อก ก๊อก
“หนูนิล ตื่นหรือยังลูก” เสียงป้ามณีตะโกนเรียกนิลลดาอยู่หน้าบ้านพัก
“ค่ะ ตื่นแล้วค่ะกำลังจะไปทานข้าว” เธอเดินออกไปเปิดประตูและพูดคุยกับคนที่มาหาแต่เช้า
“ช่วยอะไรป้าสักหน่อยได้มั้ยลูก”
หลังจากรับรู้คำขอที่ปฏิเสธไม่ได้แล้วนิลลดาก็มานั่งจ่อมอยู่ภายในบ้านของป้ามณีที่มีเจ้านายอย่างอันชิตานอนซมอยู่บนห้องด้วยพิษไข้ เนื่องด้วยวันนี้ป้าและลุงต้องเข้าร่วมประชุมงานเทศกาลประจำจังหวัดที่จัดทุกปีและอาจจะกลับเย็นเพราะต้องเข้าเมืองไปกับคณะกรรมการจัดงาน ด้วยความห่วงลูกสาวจึงมาขอร้องให้นิลลดาช่วยดูแล แค่บังคับให้หล่อนทานข้าวและยาตามที่หมอสั่งเท่านั้น เพราะหล่อนทานยายากมากตามที่คนเป็นแม่บอก
เวลาล่วงเลยมาเกือบเที่ยงนิลลดากลั้นใจขึ้นห้องนอนของอันชิตาเพื่อดูคนป่วยแม้จะกลัวถูกไล่เพราะความผิดที่ทำไว้แต่ก็ต้องทำเพราะรับปากป้ามณีไว้
“อย่าไปนะ อย่าไปอันขอโทษ” เสียงอันชิตาพูดออกมาราวกับคนเพ้อเพราะพิษไข้ จนทำให้คนที่เพิ่งเข้ามาต้องเดินเข้าไปใกล้ยิ่งขึ้นจนเห็นว่าใบหน้าของหล่อนเต็มไปด้วยเหงื่อทั้งๆ ที่ภายในห้องแทบจะเย็นเป็นน้ำแข็งด้วยอุณภูมิของเครื่องปรับอากาศ นิลลดามองหารีโมทแอร์เพื่อปรับอุณภูมิให้ปกติ
“โหย สิบห้าถึงว่าขนหัวลุกเลย” นิลลดาบ่นเมื่อเห็นอุณภูมิเครื่องปรับอากาศบนรีโมท หล่อนคงจะปรับเองสินะเพราะรีโมทอยู่ข้างตัว
“ร้อน” หล่อนตะโกนออกมาโดยที่ยังคงหลับตาอยู่ เว่อจริงแม่คุณเพิ่งจะปรับเมื่อกี้เอง นิลลดาคิดพร้อมกับหันไปหาหล่อนที่พยายามถีบผ้าห่มผืนหนาออกจากตัว
“หืม” นิลลดาครางออกมาพร้อมกับแอบกลืนน้ำลาย เพราะเป็นบ้านตัวเองสินะจึงอยากจะใส่ชุดนอนแบบไหนก็ได้โดยเฉพาะชุดนอนวาบหวิวแบบนี้ที่เธอเคยเห็นในทีวีที่นางร้ายมักจะใส่ยั่วยวนพระเอกไม่คิดว่าในชีวิตจริงจะมีคนใส่โดยเฉพาะคนเย็นชาตรงหน้าไม่คิดว่าจะมีมุมแบบนี้ชุดสายเดี่ยวลายลูกไม้สีดำขับกับผิวขาวไม่รู้ว่าความยาวเท่าไหร่แต่ที่เห็นตอนนี้แค่คืบเพราะมันร่นขึ้นไปจนเกือบจะเห็นของสงวนผมตรงดูยุ่งเหยิงจากการนอนดิ้นด้วยพิษไข้ใบหน้าที่ดูเหมือนถูกขัดใจ เซ็กซี่ ในหัวนิลลดาตอนนี้ขาวโพลนไปหมดจนไม่อยากจะละสายตาจากคนตรงหน้า
“อื้อ! ” เสียงของหล่อนร้องขึ้นมาอีกจนทำให้นิลลดาสะดุ้งกลัวว่าหล่อนจะรู้ตัวว่าถูกแอบบมอง
“เช็ดตัว ต้องเช็ดตัว” พอได้สติมาบ้างก็ทำตามที่คิดทันที รีบวิ่งออกจากห้องและกลับเข้ามาพร้อมกลับกาละมัง
เธอค่อยๆ บรรจงเช็ดโดยเริ่มจากใบหน้าขาวไล่ลงไปยังซอกคอหัวไหล่แขนทั้งสองข้าง แม้จะลังเลว่าควรจะเช็ดทั้งตัวหรือพอแค่นี้
“ฉันทำเพราะแม่คุณขอนะ” ไม่รอช้าค่อยๆ ปลดสายชุดนอนลงข้างลำตัวคนที่นอนไม่ได้สติ มือที่กำลังจะเช็ดสิ่งที่เต่งตึงตรงหน้ากลับยกมาทาบอกตัวเองแทนรับรู้ว่าหัวใจตัวเองกำลังเต้นไม่เป็นจังหวะ หล่อนไม่ซ่อนรูปเลยสักนิดช่างเหมือนกับตอนใส่เสื้อผ้า
“อืม” หล่อนเริ่มครางออกมา คงด้วยเพราะความเย็นจากเครื่องปรับอากาศเริ่มกระทบกับเนื้อ
“เอาวะ! ” หันไปบีบผ้าขนหนูใหม่เพราะเริ่มจะแห้งและรวบรวมความกล้าอีกรอบอย่างน้อยหล่อนก็หลับไม่รู้ตัว
“อืม” เมื่อผ้าขนหนูเริ่มสัมผัสกับสองเต้าตรงหน้าหล่อนก็เริ่มส่งเสียงอีกจนทำให้สมาธินิลลดาเริ่มหลุดลอยคิดอยากจะลองสัมผัสด้วยมือตัวเองตอนนี้คนที่เหงื่อออกเต็มใบหน้ากลับเป็นเธอแทน มือยาวค่อยๆ เอื้อมไปหาหน้าอกขาวตรงหน้าอีกนิดเดียวก็จะได้สัมผัสแต่ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีก็เข้ามาจนทำให้หยุดความคิดนั้น นี่แกเป็นอะไรไปวะไอ้บ้านิล เธอก่นด่าตัวเองในใจ ตัดสินใจดึงผ้าห่มมาคลุมตัวหล่อนและจัดการถอดชุดนอนเจ้าปัญหานี้ออกอย่างทุลักทุเลแม้จะยากลำบากแต่ก็ดีกว่าการฉวยโอกาสกับหล่อน
“หนาว” หล่อนยังไม่หยุดร้องด้วยความเอาแต่ใจแม้จะป่วยก็ยังเอาแต่ใจ นิลลดาคิดพร้อมกับส่ายหัวเธอรีบค้นหาเสื้อผ้าที่ดูจะเหมาะกับคนป่วยมากที่สุดและใส่กลับไปอย่างทุลักทุเลเล่นเอาคนตัวสูงเหนื่อยหอบและดูเหมือนตอนนี้อาการอันชิตาจะเริ่มดีขึ้น
_________________________________________________________________________
เจ้าหุย เด็กขับเรือขี้บ่น
_____________________________________________
คนป่วย และ เก่ง