ตอนที่ 10
คริสเตียโนทำหน้าเหมือนกินยาขมกับงานที่ผู้เป็นนายโยนมาให้ ตอนนี้เขาต้องเร่งหาที่พักให้แม่คุณจอมยียวนและเอาแต่ใจให้ได้ก่อน แล้วเขาจะไปหาที่ไหนกันละนี่ ถ้าให้พักด้วยกันมีหวัง อูย...แค่คิดก็หนาวจับขั้วหัวใจแล้ว
“อ้าว!!...” ศีรษะทุยส่ายเล็กน้อยแล้วความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในสมอง “ฉันจัดการเองก็ได้ นายอยู่เฉยๆ ละกันคริส” ดวงตาคมมองย้อนกลับไปยังห้องพักสิมิลัน ใบหน้าคมคร้ามแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม ผมคงต้องขอความช่วยเหลือจากคุณหน่อยละนะหนูลัน
คริสเตียโนมองใบหน้ายิ้มกริ่มของผู้เป็นนายอย่างสงสัย กำลังจะเอ่ยปากถามอยู่พอดี แต่นายหนุ่มกลับชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน
“ขอตัวไปจัดการหาห้องพักให้ยายสวยแต่ไร้สมองของนายก่อนนะคริส” ว่าแล้วอันโตนิโอ้ก็ตบบ่าคริสเตียโนแรงๆ ก่อนจะก้าวเดินไปทางเนินเขาเตี้ยๆ มีไม้ทำเป็นขั้นบันไดและราวไว้ให้จับ
คริสเตียโนมองตามร่างอันโตนิโอ้อย่างสงสัยครามครัน หัวคิ้วหน้าขมวดเข้าหากันจนยุ่งเหยิง คุณเอจะไปหาห้องที่ไหนให้ยายสวยแต่ไร้สมองได้นอนพักคืนนี้กันแน่
ก๊อกๆ ก๊อกๆ
“ใครคะ” สิมิลันตะโกนถามน้ำเสียงงัวเงีย เมื่อแว่วๆ เหมือนกับว่าได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง
“รอสักครู่นะคะ” เสียงด้านนอกเงียบไปแล้ว หญิงสาวรีบยกมือสางผมให้เข้าทรง มือเรียวยกปิดปากที่กำลังอ้าขึ้นอย่างเสียอารมณ์ แต่ด้วยความอยากรู้ว่าใครมาขัดจังหวะจึงรีบก้าวลงจากเตียงไปที่ประตูโดยเร็ว มือเรียวเอื้อมบิดลูกปิดประตูให้เปิดออกอย่างสงสัย ถ้าเป็นขวัญชนกหรือคุณพรทิพย์ทำไมถึงไม่เคาะประตูที่เชื่อมถึงกัน
“หวัดดีครับหนูลัน ขอโทษที่มารบกวนช่วงเวลาที่คุณกำลังพักผ่อน” อันโตนิโอ้ยืนเท้าไขว้กันสองมือกอดอกตามองสิมิลันยิ้มๆ
ปัง!!
หญิงสาวรีบดันประตูให้ปิดลงอย่างเร็วและเต็มแรง แต่กลับโดนมือใหญ่ดันไว้ และยังพูดน้ำเสียงนุ่มทุ้มให้หัวใจคนฟังเต้นไม่เป็นระส่ำอีกต่างหาก “เดี๋ยวก่อนซิหนูลัน ผมแค่มีเรื่องอยากจะขอร้องและขอความช่วยเหลือเท่านั้นเอง”
“หยุด ห้ามเรียกฉันว่าหนูลัน แล้วคุณก็กรุณาออกไปจากห้องพักของฉันด้วยคุณอันโตนิโอ้” สิมิลันพูดเสียงเข้มบ่งบอกให้รู้ถึงความไม่ชอบใจไม่พอใจ ศีรษะทุยสบัดเชิดขึ้น และหงุดหงิดในหัวใจ ไม่รู้ทำไมถึงจำชื่อผู้ชายคนนี้ได้ติดปากนัก ทั้งที่ได้เจอกันแค่ครั้งเดียวเอง
“ไม่ได้หรอก ผมยังคงไปไม่ได้ ถ้ายังไม่ได้คุยธุระกับคุณให้เรียบร้อยเสียก่อน” ร่างหนาใหญ่ถือโอกาสเดินเข้าไปนั่งบนเก้าอี้ไม้บุนวมที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับหน้าต่าง มือหนึ่งวางบนพนักพิง อีกมือวางบนโต๊ะนิ้วเคาะเป็นจังหวะดนตรี สายตามองยังร่างป้อมที่กำลังหลับสนิทอยู่บนเตียง
“ลูกสาวคุณน่ารักดีนะ เข้ากับคนได้ง่ายด้วย” อันโตนิโอ้ชวนคุยอย่างไม่สนใจความโกรธที่แผ่ซ่านมาปกคลุมกาย
สิมิลันมองหน้าคมคร้ามแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มระรื่นอย่างอึดอัดและคับแน่นในใจ อยากหาอะไรขว้างใส่ดวงตาคู่นั้นให้หยุดมองหยุดส่งสายตาหวานๆ มาให้เสียที เพราะมันทำให้ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
“คุณมีอะไรก็ว่ามา เสร็จแล้วก็รีบออกจากห้องที่ฉันพักและฉันขอร้อง ขอความกรุณาอย่ามายุ่งวุ่นวายกับลูกสาวและครอบครัวของฉันอีก” หญิงสาวพูดน้ำเสียงเขียวเข้มและเด็ดขาด
ถ้าเป็นคนอื่นได้ยินน้ำเสียงและแววตาดุคมจ้องแบบนั้นคงจะพากันกลัวจนหัวหดและรีบหนีไปให้ไกลๆ แต่อันโตนิโอ้กลับยิ้มเริงร่า ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนคนพูดได้แต่นั่งขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเพราะความหน้าหนาของชายหนุ่ม
“ผมแค่อยากมาขอความช่วยจากคุณ คือว่า....” ร่างหนาใหญ่ลุกจากเก้าอี้ ตรงเข้าไปนั่งใกล้ๆ กับร่างอวบป้อมที่ยังนอนหลับสนิท ปลายนิ้วยาวเรียวไล้ไปบนใบหน้านุ่มอย่างเอ็นดูและรักใคร่
“คุณต้องการอะไรกันแน่คุณอันโตนิโอ้ กรุณาพูดให้ชัดเจน พูดจบแล้วจะได้รีบออกไปจากห้องฉันเสียที”
“ผมอยากจะขอความกรุณาจากคุณนิดหน่อย คือว่าเพื่อนผมเขาตามผมมาที่นี่ แล้วเผอิญว่าเขาไม่มีที่พัก..”
“เพื่อนคุณเป็นผู้หญิง คุณเลยอยากจะให้ฉันรับเขามาพักที่ห้องนี่ด้วยใช่ไหม” สิมิลันถามราวกับว่าได้เข้าไปนั่งกลางใจชายหนุ่ม ใบหน้าสวยแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มหยามหยัน
“เสียใจด้วยนะคะคุณอันโตนิโอ้ ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นเพื่อนของคุณ หรือจะเป็นแฟนของคุณ ฉันก็ไม่สนใจ กรุณาไปดูแลกันเอง เพราะฉันจะไม่อยากเอาความยุ่งยากวุ่นวายจากเรื่องคนอื่น มาทำลายความสุขในการท่องเที่ยวของฉันกับครอบครัว” สิมิลันพูดตัดความน้ำเสียงไร้เยื่อใยและไม่สนใจ มือเรียวผายออกไปทางประตูเชิญให้ชายหนุ่มรีบออกไปจากห้องไปโดยเร็วด้วยใบหน้าแดงก่ำ
อันโตนิโอ้ยังคงยิ้มพรายเหมือนเดิม แถมยังทำหูทวนลม ชายหนุ่มเอนตัวลงนอนใกล้กับกับร่างป้อม “คงไม่ได้หรอก เพราะเพื่อนผมดันกำลังเดินทางมา และใกล้จะถึงเกาะนี่แล้วด้วย ถ้าคุณไม่ยอมรับปาก ผมคงต้องนอนรอคำตอบตกลงจากปากคุณในห้องนี้” มือใหญ่ยื่นไปโอบรัดรอบร่างเด็กน้อยอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า
สิมิลันหายใจแรงเร็ว ดวงตากลมโตสบกับตาสีมรกตอันลึกลับซับซ้อนแต่แฝงไว้ด้วยความเด็ดเดี่ยวมั่นคงและอบอุ่น “กรุณาออกไปจากห้องฉันด้วยคุณอันโตนิโอ้ ไม่อย่างนั้นฉันจะเรียกยามให้มาไล่คุณออกไป!” สิมิลันเน้นคำพูดแต่ละคำให้ฟังอย่างชัดเจน แต่ดูเหมือนชายหนุ่มคนนี้จะหน้าหนาเป็นพิเศษ นอกจากจะไม่สนใจแล้วยังทำหูทวนลม ยิ้มพร่างพรายส่งมาให้เป็นระรอก
“เผอิญว่าผมเป็นพวกหัวดื้อและช่างตื้อจนคุณคิดไม่ถึงเชียวล่ะหนูลัน” อันโตนิโอ้มองตามร่างบอบบางที่เดินวนไปเวียนมาอย่างชอบอกชอบใจ ใบหน้าเรียวรูปไข่แดงก่ำ บึ้งตึงและส่งสายตาดุๆ มาให้ “ว่าไงล่ะหนูลันจะตกลงหรือว่า....”
“แฟนคุณเป็นคนยังไงล่ะ” สิมิลันจำต้องถามข้อมูลเพื่อช่วยในการตัดสินใจ เพราะดูว่าอันโตนิโอ้เองก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกัน เธอจะทำไงได้ล่ะถ้าไม่ยอมรับฟังเขาไปก่อน แล้วค่อยคิดทีหลังว่าจะหาทางปฏิเสธเขาไปยังไงดี
“เข็มเพชรไม่ใช่แฟนผม แต่จะว่าไปแล้วเธอก็ตามตื้อผมอยู่เหมือนกันนะแหละ”
“คุณว่าผู้หญิงคนนั้นชื่ออะไรนะ” สิมิลันตาโตหูผึ่งอ้าปากค้าง
เข็มเพชร คงไม่ใช่คนเดียวกับยายเข็มเพชร วัชระพานนท์คุณหนอจอมหยิ่ง เรื่องมาก และแสนจะเอาแต่ใจคนนั้นหรอกนะ แค่ได้ยินชื่อเข็มเพชรสิมิลันก็รู้สึกหนาวยะเยือกในอก เพราะถ้าเป็นคนเดียวกัน วีรกรรมและความเรื่องมากของเข็มเพชรตอนที่เรียนมหาลัยแว่บเข้ามาในสมอง
โอ๊ย!! สาธุสิ่งศักดิ์ช่วยลูกด้วยเถอะ ขออย่าให้ลูกต้องมาเจอะเจอและพักห้องเดียวกับยายนั่นเลย
“เพื่อนผมชื่อ เข็มเพชร วัชระพานนท์..”
“ตาย...ฉันตายแน่ๆ “ อันโตนิโอ้พูดไม่ทันจบสิมิลันสวนกลับไปทันควัน “คุณนี่มันเฮงซวยที่สุดเคย ขยันนำแต่โชคร้ายมาให้ฉันจริงๆ เลยคุณอันโตนิโอ้ คุณรู้ไหมยายนั่นเรื่องมากแค่ไหน เอาแต่ใจและแสนจะวุ่นวายขนาดไหน” ใบหน้าขาวสวยเปลี่ยนไปเหมือนถูกบังคับให้กินยาขม ยกมือขึ้นตบหน้าผาก
“ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นเลย” มือเรียวชี้หน้าคมคร้ามที่ทำตาโตอย่างตกใจและคาดไม่ถึง