เยว่เหยียนใช้ชีวิตในสำนักจื่อเฟิ่งมาได้เป็นเวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์แล้ว และสิ่งที่ทำให้เธอปวดหัวเป็นอย่างมากก็คือ พระเอกเจ้าปัญหา! ทำไมเขาถึงขยันแกล้งเธอนัก?!! ไหนว่าในเรื่องเขาเป็นเด็กซึมเศร้าไร้พลังปราณไง? นี่อะไร เขามีพลังปราณแถมยังเป็นเหมือนหัวโจกของเด็กในสำนักอีกต่างหาก!!
"มาหลบอยู่ตรงนี้นี่เองเหยียนเอ๋อร์มานี่สิพี่ชายมีของเล่นมาให้เจ้าด้วย" พูดถึงโจโฉโจโฉก็มา!
"ของเล่นอะไรหรือเจ้าคะท่านพี่?" เธอทำใจดีสู้เสือเดินเข้าไปหาเซียวไน่
"เจ้ายื่นมือมาสิ" คุณพระเอกในวัยเด็กตรงหน้ายิ้มเจ้าเล่ห์เข้าใส่เธอแบบมีเลศนัย
'หน็อย...ไอ้เด็กหน้าหล่อ นายยิ้มแบบนั้นไอ้สิ่งที่นายถืออยู่มันคงไม่ใช่สิ่งที่ดีสินะ!' เยว่เหยียนคิดในใจ
"มันคืออะไรหรือเจ้าคะ" เยว่เหยียนพยายามคุมเสียงไม่ให้สั่นแล้วยื่นมือออกไปพลางคิดในใจว่า
'ฉันหนีนายมาทั้งวันแล้ว! ทำไมนายยังหาฉันเจออยู่อีกกันห๊ะ?!'
"นี่ไง เจ้าดูสิมันน่ารักมากๆเลยใช่ไหม?"
"..."
"เจ้าค่ะ ข้าชอบของขวัญที่ท่านมอบให้มากเลยขอบคุณเป็นอย่างมากเลยนะเจ้าคะท่านพี่" เยว่เหยียนส่งยิ้มหวานให้เซียวไน่โดยที่ในใจนั้นกำลังก่นด่าเขาแบบไฟแลบ
หน็อยไอ้เด็กเปรตนี่!! มีอย่างที่ไหนเอางูที่เป็นสัตว์อสูรมาให้เธอ!? หากเป็นเด็กคนอื่นคงปาลงพื้นร้องไห้ไปแล้ว ดีที่เธอในชาติก่อนไม่กลัวงูแถมในชาตินี้เธอยังมีวิชาสะกดจิต
ดังนั้นเมื่อสบตากับเจ้างูน้อยในมือจึงสั่งให้มันเชื่องซะ! 'หึ คิดจะเล่นกับพี่มันยังไวไปนะหนูน้อย' เยว่เหยียนคิดในใจโดยไม่ลืมที่จะส่งยิ้มไปให้คุณพระเอกจอมขี้แกล้ง
เซียวไน่ยืนมองเด็กน้อยวัยสามหนาวด้วยความขัดใจ ทำไมนางไม่ร้องไห้ ทำไมนางยังยิ้ม? แถมเจ้างูนั่นยังไปคลอเคลียนางอีกต่างหาก! นางต้องร้องไห้ปามันทิ้งแล้ววิ่งมากอดเขาไม่ใช่หรือ?
"ขอบคุณนะเจ้าคะท่านพี่" เยว่เหยียนยิ้มหวานให้เซียวไน่
"อือ" เด็กหนุ่มวัยสิบหนาวขานรับก่อนจะเดินคอตกกลับไปด้วยความผิดหวัง
เยว่เหยียนมองตามคุณพระเอกไปด้วยความเหนื่อยใจ หากถามว่าทำไมไม่ใช้วิชาสะกดจิตกับเซียวไน่ให้หยุดแกล้งเธอ?
ก็มันใช้ไม่ได้อย่างไรล่ะ! ซึ่งเยว่เหยียนเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
"เอาล่ะเจ้างูน้อยกลับยังที่เจ้าอยู่ซะนะ" มือเล็กวางงูน้อยสีขาวนวลลงพื้นอย่างเบามือ เมื่อคิดว่ามนต์สะกดใกล้หมดเวลาลงแล้ว
มนต์สะกดจิตนั้นมีเวลาเหมือนกัน ซึ่งเวลาการคลายมนต์จะขึ้นอยู่กับพลังของผู้สะกดด้วย ซึ่งเธอเองเพิ่งจะสามขวบเข้าสี่ขวบล่ะนะมนต์มันเลยคลายเร็ว
"ไปได้แล้ว" เธอเอ่ยปากไล่เจ้างูออกไปแต่มันยังคงตามเธอมา
ฟู่ฟู่ฟู่!
"อะไรเจ้าจะกัดข้าเหรอ?" เธอเอ่ยเย้าเมื่อเจ้างูขาวที่ทำท่าทางชูคอขู่ใส่เธอ
ฟู่ววว! ฟู่!!
งูน้อยส่ายหัวไปมาเหมือนพยายามจะบอกเด็กน้อยตรงหน้าว่ามันไม่ได้คิดจะทำร้ายเธอ
"ข้ารู้ๆ แล้วตามข้ามาทำไมเจ้าอยากไปอยู่กับข้า?"
ฟู่! ฟู่ววววว
งูขาวชูคอแล้วพยักหัวมันขึ้นลงเมื่อในที่สุดเด็กน้อยก็เข้าใจมันเสียที…
"อื้อ...ก็ได้" เยว่เหยียนพยักหน้าแบบเห็นด้วยเพราะเธอเองก็ถูกใจเจ้างูนี่อยู่เหมือนกัน แถมมันยังดูเฉลียวฉลาดเสียด้วย
ฟู่วววว! ฟู่วววว~
งูน้อยเลื้อยมาคลอเคลียที่ขาเยว่เหยียนจนเธออดคิดไม่ได้ว่านี่มันงูหรือหมากันแน่?
เด็กน้อยเยว่เหยียนย่อตัวไปจับงูขาวน้อยขึ้นมาแล้ววางมันไว้ที่มือ ซึ่งเจ้างูก็ให้ความร่วมมือกับเธอเป็นอย่างดี
"ต่อไปนี้เจ้าเป็นสัตว์เลี้ยงของข้า ชื่อเสี่ยวไป๋แล้วกันนะ"
ฟู่!!!!!
ทางด้านเซี่ยวไน่ที่เพิ่งเดินคอตกออกไปนั้น ก็นึกถึงเหตุการณ์ที่เขาพบกับเด็กน้อยในวันแรก..
ตัวเขานั้นดีใจเป็นอย่างมากที่จู่ๆวันหนึ่งท่านพ่อก็พาเยว่เหยียนมาอยู่ด้วย และบอกว่านางจะมาเป็นศิษย์เอกสายตรงของท่านพ่อเหมือนกับเขา แถมท่านพ่อเองยังบอกให้เขารักและเอ็นดูนางเหมือนน้องสาวแท้ๆอีกต่างหาก
เขาเองเมื่อได้เจอเยว่เหยียนครั้งแรกก็ทำให้นึกถึงเจ้า'ติงลี่'กระต่ายน้อยสีขาวที่เขาเคยเลี้ยงไว้ตอนเจ็ดหนาว
ดวงตากลมดอกท้อสดใส แก้มขาวผ่องเลือดฝาด ริมฝีปากสีชาดแลอวบอิ่มนั่นมันทำให้เขานึกเอ็นดูและอยากรังแกเด็กนี่เป็นอย่างยิ่ง
แต่ทำไมกันนะไม่ว่าจะกลั่นแกล้งเยว่เหยียนเท่าไหร่นางก็มักจะยิ้มรับเสมอ?
หึ นางจะใสซื่อไปแล้ว! เซียวไน่คิดกับตัวเองว่าเขาอยากเห็นเด็กน้อยเยว่เหยียนร้องไห้แล้วเข้ามากอดเขาสักครั้ง..
'อืมม...ความรู้สึกเวลาถูกกอดในสถานการณ์แบบนั้นจะเป็นอย่างไรกันนะ? สงสัยข้าต้องไปอ่านหนังสือเพิ่มเผื่อจะมีวิธีการใหม่ๆมาแกล้งนาง!!' เมื่อคิดได้ดังนั้นก็ใช้วิชาตัวเบาไปยังร้านหนังสือในตลาดทันที
ก็นะ ในสำนักแห่งนี้มันมีตำราวิชาการนี่หากเขาจะหาหนังสือที่แตกต่างก็ต้องไปร้านหนังสือในตลาดสิ ที่นั่นน่ะมีหนังสือน่าสนใจตั้งเยอะแยะ!