บทที่ 1
” สืบพิศวาส” 2565
วรรณิศาก้าวพ้นประตู เข้าไปในห้องเรียนขนาดใหญ่ ที่เหล่าบรรดานักศึกษาทั้งชายและหญิง นั่งอยู่แทบจะเต็มความจุของห้อง โดยทุกๆ คนต่างพากันตั้งอกตั้งใจ ฟังอาจารย์ผู้สอน กำลังเล่าถึงเนื้อหาวิชาที่ใช้เรียน จนภายในห้องเรียนแห่งนี้เงียบกริบ .
“มันเป็นเรื่องเล่าขาน ต่อๆ กันมา...อย่างต่อเนื่อง... มัน
.นานเป็นสิบปี... ที่ไร้หลักฐานมาพิสูจน์ชัด”
นิสิตสาวผู้มาสาย เร่งเข้าไปนั่งเก้าอี้ว่างที่ถูกจองรอ..ก่อนจะมีหน้าสวยก้มลงซบลงบนไหล่
“ศา..แกไปไหนมา? .. อาจารย์เล่าตำนานมหาลัย โคตรน่ากลัวเลย”
“กลัวก็อย่าฟังสิเอม”
“ไม่... ฉันกลัว แต่ฟังแล้ว... มันมันส์ดีวะเพื่อน”
วรรณิศาส่ายหน้าสวย ให้เพื่อนร่วมคณะศิลปศาสตร์ประยุกต์ปีหนึ่งของเธอ ก่อนจะหันหน้าไปตั้งใจฟังอาจารย์เล่าตำนานมหาวิทยาลัยที่กำลังใช้เรียน โดยมันได้ถูกเล่าลือ เล่าขานต่อๆกันมา จนเรื่องราวเหล่านี้ได้กลายเป็นตำนาน ก่อนที่มันจะได้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ที่ทางมหาลัยได้นำมาบรรจุไว้ หลักสูตรการเรียนการสอน ให้เหล่านักศึกษาปีหนึ่ง ของทุกๆภาคคณะวิชาในสถาบันแห่งนี้เรียน
“นักศึกษาสาวที่ต้องถูกสังเวยชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้ในอดีต .. นั่นก็เพียงเพราะว่า? เธอดื้อรั้นไม่ยอมทำตามกฎของทางมหาวิทยาลัย... ด้วยการหนีออกไปเที่ยวเตร่แต่หัวค่ำ ก่อนที่จะแอบกลับเข้าหอพักตอนหลังเที่ยงคืน!!”
นักศึกษาร่วมร้อยที่อยู่ภายในห้องเรียนรวมเงียบกริบ ขณะที่ทุกสายตาเพ่งมองผู้ที่กำลังเล่าเรื่องราว ที่มันถูกเล่าขานถึงความน่าสะพรึงกลัว ที่เคยเป็นภัยใกล้ตัวของชาวมหาลัย
“ทูตมรณะ ที่รอจับจ้องจังหวะ ในขณะที่นิสิตสาวใช้กุญแจไขล็อกประตูเพื่อที่จะกลับเข้าไปในห้องหอของเธอ”
อาจารย์หนุ่มใหญ่หยุดจังหวะการพูดเอาไว้นิดหนึ่ง.. ก่อนจะทำดวงตาโตเพื่อประกอบการเล่า ในขณะที่เหล่านิสิตทั้งห้องต่างเ****นหูฟังเรื่องราวที่จะเกิดขึ้น ด้วยอารมณ์ที่สุดระทึก
“..กริ๊ก..เสียงกุญแจลั่น อันเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าล็อกของประตูเป็นอิสระ ..ก่อนร่างที่ไม่รู้ตัวของนักศึกษาสาวจะถูกดันจากทางด้านหลังจนเธอเซเข้าไปในห้องพักของตัวเอง ด้วยแรงจากชายนิรนามที่ใบหน้าของมันถูกพอกทาด้วยแป้งจนขาววอก โดยที่หญิงสาวไม่มีทางที่จะต้านทานแรงมหาศาลนั้นได้แม้เพียงนิด...”
วรรณิศารู้สึกเจ็บแขนจากปลายเล็บของเพื่อนสาวที่นั่งข้าง เพราะเธอเกร็งมือที่เอื้อมมาจับ จนทำให้ปลายเล็บที่ไว้ยาวจิกลงไปบนผิวเนื้อตรงบริเวณแขนของหญิงสาว
“อุย..เอมเราเจ็บ..”
เพื่อนสาวคายมือ แต่ใบหน้ายังคงแสดงอาการตื่นกลัว เพราะเทคนิคการเล่าเรื่องสยองชั้นครู จากอาจารย์ผู้สอน
“กระทั่งรุ่งสาง..ผู้ที่เข้าไปพบศพนักศึกษาสาว ก็ต้องตกใจสุดขีด เพราะว่าสิ่งที่เขาพบ... มันคือร่างอันไร้วิญญาณที่ปราศจากเครื่องใน เพราะไม่ว่าจะเป็น..หัวใจ... ตับ... ไต และไส้พุงของเธอได้หายไป แต่...หน้าท้องที่ถูกผ่าแล้วคลักเอาอวัยวะเหล่านั้นออกมา..มันได้ถูกฆาตกรเลือดเย็นเย็บติดกลับคืน..ด้วยฝีมือเย็บอันแสนจะหยาบโลน”
ดวงตาเหลือกโพลงของอาจารย์มองไปรอบๆห้องที่มีเหล่านักศึกษานั่งอยู่เต็ม ในขณะที่กล่าวมาถึงตอนนี้...ก่อนผู้เล่าระดับเซียนจะค่อยๆพูดช้าๆ ผ่านไมค์ออกมาเป็นเสียงแผ่ว
.” จะมีใครรู้บ้างไหมว่า? เครื่องในที่ศูนย์หายไป.. มันอยู่ที่ใด? มีไหม..มีใครคนไหนรู้บ้าง... ไม่... ไม่มี เพราะ..ว่ามันไม่มีหลักฐานใดๆ เหลือพอให้รู้ มันจึงไม่มีสิ่งใดมาพิสูทจ์รู้ได้ว่า..อวัยวะภายในของนิสิตสาวผู้เคราะห์ร้ายไปอยู่ ณ.ที่แห่งใด? มันจะมีก็แต่....เรื่องเล่าขานต่อๆ กันมา....ว่า....ตับ ไตไส้พุง เหล่านั้นได้ถูกนำไปขายปะปนอยู่ กับ บรรดาไส้หมู...ตับวัว...หัวใจไก่..ดังนั้น พวกเครื่องในของนิสิตผู้ดื้อรั้น มันจึงได้ถูกขายไป ก่อนที่จะถูกนำไปย่าง... ไปปรุงเป็นแกง... เอาไปใส่ในผัด... แล้วอาหารเหล่านั้นก็จะถูกนำออกไปวางขายรอบๆอาณาบริเวณของมหาวิทยาลัย... แห่งนี้ของเรา.”
วรรณิศาเห็นนักศึกษาหนุ่มที่นั่งด้านหน้าคายหมูย่างที่เขาพึ่งทานเข้าไปเมื่อครู่ออกมา ในขณะที่เสียงสัญญาณบ่งบอกว่าหมดเวลาเรียนแล้ว ได้ดังกังวานขึ้น...ท่วมกลางเสียงถอนหายใจของทุกคนในห้อง
“กรี๊งงงงง...”
……………………………………………………
“แกว่าจริงไหม? วะ เรื่องตำนานเล่าขานที่อาจารย์เล่า..ศา”
เอมอรถามเพื่อนสาว ขณะตักข้าวเข้าปาก.ช่วงพักเที่ยงในร้านอาหารภายในมหาวิทยาลัยที่เธอทั้งสองฝากท้องช่วงนี้เอาไว้ทุกวัน
“จริง..สิเอม”
วรรณิศาตอบเพื่อต้องการให้เพื่อนร่วมคณะ และ เพื่อนร่วมห้องพักของมหาวิทยาลัย เพื่อว่าเพื่อนของเธอจะได้กลับเข้าหอพัก ก่อนเที่ยงคืนสักที... เพราะว่าช่วงนี้มันก็ใกล้จะสอบปลายภาคแล้ว
“จริงก็ช่าง... แต่ฉันไปละนะศา...”
เอมอรวางช้อนก่อนจะรีบลุก แล้วก้าวเดินไปหานิสิตหนุ่ม ที่พึ่งขับมอเตอร์ไซค์มาจอดบริเวณหน้าร้าน ก่อนที่ร่างบางจะกระโดดขึ้นซ้อนท้าย พร้อมกลับหันหน้ากลับมาโบกมือให้เพื่อนสาว ที่นั่งทำหน้าบึ้งตึงมองดูเธอซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ของแฟนหนุ่มวิ่งจากไป
......................................................................
ตีหนึ่งล่วงไปนานแล้ว ในตอนที่เอมอรเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูเข้าห้องพักของเธอ ก่อนที่หญิงสาวจะใช้มือเล็กล้วงกระเป๋าถือ ไปจับเอาลูกกุญแจออกมา ก่อนที่จะนำมันไปไขกุญแจลูกบิดของประตูเพื่อปลดล็อก
“กริ๊ก”
เสียงล็อกประตูเป็นอิสระ..มันทำให้หญิงสาวค่อยๆ หันหน้ากลับไปดูทางด้านหลังของเธอ..ก่อนจะเกิดเสียงหายใจโล่ง..
“หือ... ไหนละ.? .. ฆาตกรในตำนาน... ไม่ยักกะเห็นมี”
หญิงสาวเหยียดยิ้มที่มุมปากขณะเอ่ย... ก่อนที่จะดันประตูห้องให้มันเปิดอ้าออก...
“อุบ...”
เอมอรพยายามจะร้องแต่ร้องไม่ออก เพราะร่างใหญ่ที่เข้ามากอดเธอจากทางด้านหลัง ใช้มือหนาของมันปิดปากเล็กเอาไว้สนิท จนมันทำให้หญิงสาวไม่สามารถจะส่งเสียงเล็ดลอดออกมาได้เลยแม้แต่เพียงนิด ดังนั้นร่างเล็กจึงทำได้เพียงพยายามที่จะดิ้นให้หลุดจากวงแขนใหญ่... แต่หญิงสาวกลับถูกแรงดันจากผู้บุกรุกจากทางด้านหลัง จนทำให้เธอเซเข้าไปภายในห้องพักที่มืดมิด ก่อนที่ร่างบางจะถลาล้มลงตรงกลางพื้นห้อง
“อุย..”
ขณะที่เอมอรยังไม่ทันตั้งตัว ผู้บุกรุกก็รีบปิดประตูกลับ แล้วหันมายกมือที่ถือวัตถุแวววับยาวกว่าคืบขึ้นมาโชว์ ในขณะที่มันย่างสามขุมเข้าหาผู้นอนฟุบอยู่บนพื้น
“กริ๊ก..”
แต่ขณะนั้นเองหลอดไฟภายในห้องก็ถูกเปิดจนภายในห้องสว่างจ้าขึ้น
“อ้าว..แล้วจะเปิดไฟทำไม? เรากำลังได้อารมณ์เชี่ยว... ศา”
วรรณิศา... ทำหน้าตาหรอหร่า เมื่อเห็นชายหนุ่มที่อยู่ในชุดเสื้อผ้าร่มสีดำ ที่กำมีดทำครัวไว้ในมือ ขณะที่ใบหน้าของเขาถูกทาแป้งเอาไว้จนขาววอก เหมือนกับพวกที่เล่นละครใบ้แบบไม่มีผิดเพี้ยน ได้พูดขึ้นขณะที่เขานั่งคร่อมเพื่อนสาวของเธออยู่
“โธ่...ไอ้ศา...”
นิสิตสาวร่วมห้องพักของมหาลัยที่พึงกลับมาจากเทียวเตร่ ลุกขึ้นมายืนค้ำสะเอวมองไปทาง วรรณิศาที่นิ้วมือยังคาติดอยู่ตรงสวิตซ์ไฟด้วยใบหน้าบึ้งตึง.
“ฉันขอโทษเอม ก็ฉันไม่รู้ว่าพวกเธอจะ... เล่นพิเรนทร์แบบนี้...”
“เออจริงๆ ด้วยเอมจ๊ะ.. ศามันไม่ผิดหรอก... เราสิผิด... รู้ไหมจ๊ะที่รัก”
หนุ่มทาหน้าขาววอก... ไม่พูดเปล่าเพราะเขาพูดไปใช้ปากจูบตรงบริเวณใบหูของเอมอรไป... ก่อนที่จะส่งปลายลิ้นไปสะกิดเบาตรงปลายติ่งหู จนมันทำให้ร่างของผู้ถูกกระทำต้องสั่นสะท้าน
“เออ..ใช่ ฉันสิที่ต้องขอโทษที่ทำให้แกตื่น.ศา.... อุย..และยัง..ไม่..ไม่... ได้... บอกว่าวันนี้พี่... ชา...ตรี... เขาจะมา คะ...ค้าง... ที่ห้องของเรา..ด้วย...อูย....”
แอบเอาเพื่อนชายมานอนค้างบนหอพักหญิงของมหาลัยที่มีกฎห้ามผู้ชายเข้ามาโดยเด็ดขาดอีกแล้ว... วรรณิศาทำได้แค่คิด ก่อนที่จะทำหน้าเซ็ง เพราะว่าครั้งนี้มันไม่ใช่ครั้งแรก
“ปิดไฟด้วยนะ... ณิศาเพื่อนรัก... โอย... อูย...”
วรรณิศาเอื้อมมือไปยังสวิตซ์ไฟตามคำขอ ในขณะเบือนหน้าหนีภาพเพื่อนสาวที่กำลังถูกมือข้างหนึ่งของชายที่แอบขึ้นมานอนบนหอพักหญิง...ลูบไปมาตามเนื้อผ้าบนร่างของนิสิตสาว... ก่อนที่มือข้างนั้นจะล้วงเข้าไปภายในเสื้อแล้วจับกุมปทุมถันเพื่อนสาวของวรรณิศาเคล้าคลึงไปมา
“กริ๊ก”
ไฟในห้องดับลงอีกครั้ง จึงทำให้ภายในห้องเหลือเพียงความมืดมิด กับ เสียงที่สรรค์สร้างจินตนาการให้กับ วรรณิศาผู้อยู่ในวัยเจริญพันธุ์. ที่ไร้ซึงประสบการณ์ทางเพศให้จิตของเธอเตลิด
“อูยยย์..เบาๆ ..ค่ะ..อูย..”
เหมือนทุกครั้ง ที่วรรณิศาต้องทนนอนฟังเสียงกามสวาทของคนทั้งคู่ จนอารมณ์สาวของเธอปั่นป่วน และ ในครั้งนี้มันก็คงจะทำให้อารมณ์ของเธอต้องกระเจิดกระเจิงเหมือนดังเช่นทุกๆ ครั้งที่ชายหนุ่มที่ชื่อชาตรีแอบเข้ามานอนค้างแรมในห้องแห่งนี้กับเพื่อนสาวของเธอ
“อือ..อูย.. “
เสียงจ๊วบจ๊าบ..เว้นช่วงเป็นระยะ..วรรณิศารู้ว่านั้น มันคือเสียงแลกจูบระหว่างปากชายและปากหญิง และ เสียงสูดปากคล้ายเจ็บแสบ. วรรณิศาเดาว่า จุดซ่อนเร้นของเอมอรต้องถูก ปลายนิ้วของแฟนหนุ่มไปแตะสัมผัสมันเข้าอย่างแน่นอน.
สายตาของหญิงสาว ที่อารมณ์เริ่มจะผันผวนไปสู่ห้วงของกิเลส เริ่มปรับสภาพจนทำให้ภาพเตียงนอนฝังตรงข้าม สามารถที่จะมองเห็นร่างของชายหญิง ที่กำลังเสพสมกัน และถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงภาพรางๆ แต่มันก็ได้สร้างความรัญจวนให้แก่หญิงสาวไม่น้อยเลย.
“หืน..หือ.......อุย.”
เอมอรนอนหงาย..หายใจเข้าออกเหมือนคนเหนื่อยจากการวิ่งทางไกลมาใหม่ๆ ก่อนที่เธอจะครางออกมาเสียงแผ่ว คล้ายกับว่าเธอกำลังเจ็บปวด ในขณะร่างที่ทับอยู่เหนือตัวนิสิตสาว ตำแหน่งใบหน้าของเขากำลังสาระวนอยู่บริเวณแถวทรวงอกอันอวบอิ่มของเธอ จนเหตุการณ์นั้นทำให้วรรณณิศาต้องใช้ความพยายามในการเพ่งมองผ่านความมืดออกไป เพราะหญิงสาวอยากจะรู้ว่า..ชายหนุ่มเอาหน้าไปทำอะไรตรงนั้นกันแน่
แต่หญิงสาวก็ไม่สามารถจะมองเห็นได้ถนัดชัด เนื่องจากความมืด และระยะที่ไกลเกินไป.. แต่ถ้าจะให้เดา? หญิงสาวก็จินตนาการ ไปว่า..ปากของฝ่ายชายต้องกำลังดูดดื่มอยู่กับปลายทุม..ที่ตอนนี้มันน่าจะแข็งเป็นไต ดังเช่นปทุมถันของเธอในตอนเวลานี้อย่างแน่นอน...
“หืน..หืด..”
ครั้งนี้เป็นเสียงของวรรณิศาเอง..ที่หายใจเข้าและออก แบบติดขัด ไม่แพ้เพื่อนสาวร่วมห้อง.เพราะปลายนิ้วเรียวของเธอถูกสั่งให้ไปเขี่ยที่ปลายสุดของอกเล็กที่ไม่เคยต้องมือชาย..ในขณะที่สมองคิดไปว่า...ตอนนี้กำลังมีปากเรียวของชายหนุ่มรูปงาน ที่เธอชอบฝันว่าเขา ชอบใช้ปากสัมผัสยอดปทุมของเธอ และชายหนุ่มในจินตนาการผู้นี้เอง ที่เธอฝันให้มากระทำชำเลาเธอ ในตลอดระยะเวลาที่หญิงสาวเริ่มรู้สึกถึงความปรารถนาที่ต้องการจะสมสู่ตามสัญชาตญาณผู้ที่เกิดมาเป็นผู้สืบสายพันธุ์ของมนุษย์ของเธอ
.” โอ้ย..อูย..”
เตียงตรงข้าม..ร้องควาญคางค่อนข้างแรง..ทำให้สายตาผู้ที่พยายามดู ต้องเกิดอาการตาลุกโพง เมื่อวรรณิศามองเห็นร่างใหญ่ข้างบนเลื่อนใบหน้าของเขาลงต่ำ...
.และไม่นานใบหน้าของชาตรีก็อยู่ต่ำกว่าตำแหน่งสะดือของเอมอรลงไปประมาณหนึ่งคืบ. ก่อนที่ศีรษะของนักศึกษาหนุ่มจะขยับไปมา.และมันก็ทำอย่างนั้นไม่หยุด..อยู่แสนนาน..ก่อนที่วรรณิศาจะมองเห็นร่างของเพื่อนสาว...
.................ติดตามต่อนะครับ.......................
ยังไงก็ขอกล่าวคำว่าสวัสดีนะครับ กับรี๊ดเดอร์ที่ได้เข้ามาอ่านบทเปิดตัวบทแรกจนมาถึงตรงนี้ ครับนี่ก็เป็นนิยายอีกเรื่องยังไงก็ฝากนิยายแนวอีโรติก แนวสืบสวน ลึกลับ ซับซ้อน ใน เรื่อง"สืบพิศวาส"เรื่องนี้ด้วยนะครับ และเช่นเคยไรท์ก็จะมาเขียนนู๊นนี่นั้น ทุกท้ายบท
เพื่อรี๊ดเดอร์ กับไรท์เตอร์จะได้รู้จัก และรู้สึกสนิทสนมกันมากขึ้น ตามสไตร์นิยายออนไลท์ และสำหรับคนที่ยังไม่เคยอ่านนิยายเรื่องนี้ ก็ขอบอกเลยว่า มัน18+มากๆ แถมเนื้อเรื่องยัง ลึกลับ ซับซ้อน ซ่อนเงื่อนเอามากๆ ถ้าไม่เชื่อก็ตามไรท์มานะครับ
.....กระซิบแผ่ว...