อยู่ ๆ ก็ได้มา
" ฮัลโหล ว่าไงครับ " เสียงของชายหนุ่มตอบรับสายโทรศัพท์ที่โทรเข้ามาหาเขา
" อะไรนะครับ " เขาตะโกนออกไปด้วยความตกใจ " ครับ ๆ ผมจะรีบไป "
เมื่อวางสายแล้ว เขาก็ออกจากบ้าน โบกแท็กซี่เพื่อมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาล
ครอบครัวของชายหนุ่มเป็นครอบครัวใหญ่ มีปู่ที่เป็นเหมือนจิตวิญญาณของตระกูล ปู่ของเขามีเมีย 3 คน และมีลูก 6 คน ซึ่งพ่อของชายหนุ่มเป็นลูกคนสุดท้องของปู่
ครอบครัวทั้งหมดของเขาอาศัยอยู่ในบริเวณใกล้ ๆ กันหมด ในใจกลางกรุง ยกเว้นครอบครัวของเขา ลูกของปู่ทุกคนก็สืบทอดกิจการของครอบครัวกันหมด ยกเว้นพ่อของเขา !!
นั่นจึงทำให้พ่อของเขาเป็นลูกนอกคอกในสายตาคนในครอบครัว เป็นลูกที่แหกคอก แต่ปู่ก็ไม่ได้แค้นเคืองอะไรพ่อของเขามากมาย แม้ปู่จะดูเหมือนเป็นคนดุ แต่ปู่ก็ไม่เคยดุด่าอะไรชายหนุ่มในทุกครั้งที่เขากลับไปหาปู่ในตอนที่เขายังเป็นเด็ก แถมจริง ๆ แกจะออกเป็นคน ตลก ๆ อารมณ์ดีด้วยซ้ำ หรือว่าเป็นเพราะเขาเป็นหลานก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
ซึ่งตั้งแต่ที่เขาเรียนจบม.3 เขาก็ไม่ได้เคยได้กลับไปหาปู่มาเป็น 10 กว่าปีแล้ว เหตุผลที่เขาไม่ได้ไปหาปู่นั่นเป็นเพราะเขาเบื่อคนของตระกูลนี้ พวกเขาชอบค่อนขอดครอบครัวของชายหนุ่มว่าจน จะกลับมาเอาสมบัติตระกูลไปใช้โดยไม่ต้องช่วยดูแลหรือลงมือทำอะไร แต่พ่อของเขาก็ยังคงกลับมาหาปู่บ่อย ๆ
จนกระทั่ง พ่อและแม่ของเขาประสบอุบัติเหตุในตอนที่เขายังเรียนอยู่มหาลัย เขาจึงได้เจอปู่ในงานอันไม่เป็นมงคลนั้น ณ ตอนนั้น ท่านก็ดูแก่เป็นอย่างมากแล้ว และก็เป็นปู่นี่แหละที่เป็นคนจ่ายค่าเล่าเรียนของเขาจนจบมหาลัย และก็ยังโอนเงินเข้าบัญชีเขาในทุก ๆ เดือนหลังจากที่เขาจบการศึกษา
ที่เขาต้องรีบมาโรงพยาบาลก็เพราะว่า จิตวิญญาณของตระกูลเหลือเวลาในชีวิตนี้ไม่มากเท่าไหร่แล้ว เลยอยากพบเจอหน้าลูกหลานเป็นครั้งสุดท้าย ท่านได้สั่งให้ทนายของตระกูลโทรตามทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ตัวเขา
เขาเดินเข้ามาในห้องที่ทนายได้บอกเอาไว้ เมื่อเข้ามาก็พบเจอปู่นั่งหัวเราะรายการวาไรตี้โชว์ในทีวีอยู่
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า เอ้า เจ้าวรา " ปู่ของเขาหันมาเรียกชื่อเขา เมื่อเจอเด็กชายที่กำลังยืนทำหน้างงอยู่หน้าประตู " เข้ามานั่งซิ "
เขาเดินเข้ามาแบบงง ๆ และไปนั่งที่เก้าอี้ข้าง ๆ ปู่ " สวัสดีครับปู่ แล้วก็สวัสดีครับคุณทนาย " แนชกล่าวคำทักทาย
ทนายประจำตระกูลยิ้มให้ชายหนุ่มและพยักหน้าเป็นการตอบกลับ
" เอ่อไหนบอกว่าปู่ใกล้ตายไงครับ " วราถามทนาย
โป๊ก !!!
" โอ้ยย !! " วราร้องเสียงหลงหลังถูกปู่ของตนเองประเคนมะเหงกใส่กบาล
" ไอเด็กปากหมานี่ อย่ามาแช่งกันซิวะ " ปู่พูดขึ้น " ใครบอกเอ็งว่าปู่ใกล้ตาย "
" ก็คุณทนายโทรมาบอกว่าปู่เหลือเวลาไม่มากแล้ว " เขาพูดขึ้นพร้อมลูบหัวตนเอง
" ก็คนแก่อย่างปู่ จะอยู่ได้อีกเป็น 50 ปีรึไง มันก็ต้องเหลือเวลาน้อยดิ " ปู่ของเขาตอบ
" แล้วจะมาโรงบาลทำไมเนี่ยปู่ ผมตกใจหมด " วราพูดขึ้น
" หาหมอดิ " ปู่ตอบ " คนแก่ก็ต้องเข้าออกโรงพยาบาลอยู่แล้ว "
เขาล่ะหมดคำจะพูดกับปู่คนนี้จริง ๆ
" อย่างน้อยก็ได้เห็นหน้าเอ็ง " ปู่พูดขึ้น
วรานั่งนิ่งไม่ได้พูดอะไร
" ดูซิใครมา " เสียงหญิงสูงวัยคนหนึ่งดังขึ้นมาจากทางประตู
พี่สาวพ่อของเขานั่นเอง และไม่ใช่แค่นั้น ลูกคนอื่น ๆ ของปู่ก็เข้ามาในห้องผู้ป่วยจนครบกันทุกคน
เสียงกระแนะกระแหนยังมีเข้าหูมาเรื่อย ๆ
" พอรู้ว่าปู่เป็นแบบนี้ คงรีบมาทันทีเลยซินะ "
" อยากได้จนตัวสั่นซินะ "
บลา ๆ
" เงียบ !! " ปู่พูดขึ้น " ทนายเชิญ "
และทนายก็จัดการอ่านพินัยกรรมที่จิตวิญญาณของตระกูลได้เขียนเอาไว้ โดยไม่มีชื่อของวราเลย
" ต้าย ตาย อุตส่าห์มาตั้งไกล " เสียงกระแนะกระแหนดังขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะเยาะเบา ๆ
" วรา " ปู่เรียกชื่อเขา " ทนายเดี๋ยวช่วยเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรหน่อยนะ "
ทนายพยักหน้า
ปู่ของเขาหยิบกุญแจพวงหนึ่งขึ้นมา แล้วยื่นให้ชายหนุ่ม
" บ้านเดี่ยวที่เขต xxx ปู่ยกให้เอ็ง " เขาพูดพร้อมวางพวงกุญแจลงบนมือของวรา " และเงินที่ให้ใช้จ่ายเดือนละ 15000 บาทเป็นเวลานับจากนี้ต่อไปอีก 50 ปี เป็นเงินทั้งสิ้น 9 ล้านบาท และเงินเอาไปปรับปรุงบ้านอีก 2 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 11 ล้าน คงไม่มีใครมีปัญหาอะไรใช่ไหม "
" ทำไมต้องให้มันเยอะแยะขนาดนั้นด้วยครับพ่อ " พี่ชายคนโตของพ่อวราพูดขึ้น
" ไม่ต้องพูดมาก ข้าจะให้มัน หรือที่พวกเอ็งได้ไปมันไม่มากพอ " ปู่ของวราถาม
" ไม่ใช่หรอกพ่อ " เขาไม่กล้าเถียงพ่อผู้หน้ากลัวของเขา คนอื่น ๆ ก็เช่นกัน
“ ไอบ้านหลังนั้นแม้จะอยู่ใจกลางสถานที่ ๆ อำนวยความสะดวกต่าง ๆ แต่มันอยู่เขตชานเมือง พวกแกก็ไม่มีใครอยากไปอยู่กันอยู่แล้วนี่ " เขาหันมาหาวรา " และก็ไม่มีใครอยู่มาหลาย 10 ปีแล้ว ถึงแม้ปู่จะให้คนไปทำความสะอาดบ่อย ๆ แต่ถ้ามีเจ้าของบ้านที่เข้าไปอยู่จริง ๆ ก็น่าจะดี " จิตวิญญาณของตระกูลพูดขึ้น " แกอยากเป็นเชฟนี่ ก็ลองเปิดร้านอาหารที่นั่นดูเป็นไง หลังปิดร้าน แกก็เขียนไอนิยายที่แกเขียนอยู่ก็ได้ "
" เอ่อ ครับ " วรายังคงอึ้ง ๆ เขาแค่มาหาปู่เฉย ๆ แต่กลับได้อะไรต่อมิอะไรเยอะแยะไปหมด
" คนอื่น ๆ หมดธุระแล้ว ก็กลับไปได้แล้ว " จิตวิญญาณของตระกูลไล่ ทุกคนก็แยกย้ายกันทันที
เมื่อในห้องเหลือกันแค่ 3 คน วราก็ถามขึ้นทันที
" ทำไมปู่ต้องให้อะไรผมตั้งเยอะแยะ "
" ปู่ไปวัดมา " เขาตอบชายหนุ่ม " เรื่องบ้านหลังนั้นแหละ พระท่านบอกมาว่า บ้านหลังนั้นพิเศษ และเขาบอกว่า ต้องเป็นแกเท่านั้นถึงจะอยู่ที่นั้นได้ และชีวิตแกก็จะดีขึ้นด้วย "
" ปู่โดนพระเก๊หลอกตังค์ปะเนี่ย " วราพูดขึ้น " เขาจะรู้จักผมได้ไงครับ "
" เออน่ะ ถือว่าทำตามคำขอร้องของไม้ใกล้ฝั่งได้ไหมล่ะ แกก็จะได้ไม่ต้องเช่าบ้านอยู่อีกแล้ว " ปู่ของเขารบเร้า แล้วเขาก็รับซองเอกสารจากทนายมา " นี่เป็นฉโนดที่ดินของบ้านหลังนั้น ส่วนเงินตอนนี้คงเข้าบัญชีเอ็งไปแล้ว และนี่ เก็บไว้เปิดอ่านเมื่อแกเข้าไปอยู่ที่นั่นแล้วนะ " ปู่ยื่นซองจดหมาย 1 ซองให้วรา
ทั้ง 2 นั่งคุยกันสักพักแล้ว วราจึงขอตัวกลับ
" หัดมาหาปู่บ้างนะ ถ้าไม่สะดวกใจกับลุง ๆ ป้า ๆ ของแก อย่างน้อยก็โทรมาหาปู่บ้างก็ยังดี " ปู่เขาล้มตัวลงนอน
" ครับ " วราตอบและเดินออกจากห้องไป
" อืมม บ้านยังดูใหม่อยู่เลยแฮะ "
ชายหนุ่มพูดขึ้น ในตอนนี้เขามายืนอยู่หน้าบ้านเจ้าปัญหาที่ปู่ยัดเยียดมาให้เขาแล้ว
บ้านเดี่ยวหลังนี้ อยู่ในบริเวณชุมชนที่มีทั้งตลาดสด ห้างสรรพสินค้า และห้างขายส่งสินค้า
" ลองเข้าไปดูหน่อยแล้วกัน "