ครามมองปลาที่ละลานตาไปหมด ที่นี่ปลาเยอะเหลือเกิน อาจเพราะเป็นเกาะส่วนตัวที่อยู่ห่างไกล ทำให้มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ ไม่มีใครมาทำลายหรือเบียดเบียน
ได้ปลามาก็เริ่มทำอาหารกัน ครามมองเจ้านายตาปริบ ๆ เขาไม่เคยเห็นเจ้านายทำอาหารมาก่อน ปกติก็ไปกินที่ร้านอาหาร หรือเวลาอยู่กับม่านไหมเจ้านายของเขาก็จะให้หญิงสาวทำอาหารให้กิน
หรือเขาพลาดอะไรไปนี่
“เจ้านายจะทำอาหารจริง ๆ เหรอครับ”
“แกมีปัญหาอะไร ถามมากฉิบ ล้างผักหั่นผักเป็นไหม” นักรบถามลูกน้องเสียงเข้ม
“ไม่เป็น เอ๊ย! เป็นครับ”
“สรุปมึงทำเป็นหรือไม่เป็น”
“ไม่แน่ใจครับ ผมไม่เคยทำอาหารที่ดูอลังการแบบนี้มาก่อนครับ ปกติซื้อกินเอา ไม่ก็ทำไข่เจียวครับ”
“เอาไปล้างให้สะอาด ล้างพวกดินทรายออก เรื่องแค่นี้แกน่าจะทำได้ ถ้าไม่ได้ก็ไปลาออกซะ”
“เอ่อครับ ทำได้ก็ทำได้ครับ สรุปเจ้านายทำอาหารเป็นจริง ๆ ใช่ไหมครับ”
“ทำไม แกไม่มั่นใจในฝีมือของฉันหรือไง”
“เอ่อ... คือว่าผม”
“แกไม่คิดว่าฉันจะทำได้อย่างนั้นเหรอ”
“ผมก็ไม่ได้หมายความอย่างนั้นนะครับ”
“แล้วแกหมายความว่ายังไง”
“ผมยอมรับว่าเจ้านายเก่งนะครับ แต่นี่ทำอาหารนะครับ” ครามสะดุ้งเมื่อมีดปังตอสับลงไปบนเขียงอันใหญ่
“ผมไม่ถามอะไรแล้วครับ จะรีบทำงานอย่างแข็งขัน” ครามตะเบะก่อนจะรีบทำงานอย่างแข็งขัน
คนที่แอบมองอยู่หน้าห้องครัวถึงกับทั้งขำทั้งหัวเราะออกมา
ในขณะที่นักรบทำทุกอย่างไม่ว่าจะช้อนกุ้ง จับปลา เก็บผัก เธอก็แอบมองอยู่ตลอด
“เป็นไงล่ะ หลานชายของย่าพอได้ไหมล่ะ รับรองว่าอยู่กับเขาไม่อดตาย เขาก็พอทำกับข้าวได้นะ” คุณย่าเอ่ยยิ้ม ๆ จริงๆ หลานชายของท่านทำอาหารเก่งเหมือนท่าน แต่ท่านก็ไม่ได้ยอจนออกนอกหน้า
“ค่ะคุณย่า หนูไม่เคยเห็นเฮียรบทำอาหารมาก่อนเลยค่ะ” เขาใช้ชีวิตอยู่กับเธอ ก็ใช้ให้เธอทำอาหารให้กินตลอด แต่ไม่เคยทำอาหารให้เธอกินเลย
ม่านไหมนึกถึงอดีตที่เคยอยู่ด้วยกัน เวลาเธอทำอาหารอะไร เขาก็จะคอยบอกคอยสอน เธอทำผิดพลาดเขาก็รู้ แถมยังบอกให้เธอไปปรุงเพิ่ม
เธอเคยถามว่าเขาทำอาหารเป็นเหรอ ทำไมรู้เยอะจริง
เขาบอกเป็นนักชิมเลยรู้ นั่นทำให้ฝีมือการทำอาหารของเธอพัฒนาแบบก้าวกระโดดจากงู ๆ ปลา ๆ เป็นทำอาหารอร่อยขึ้นมาเพราะเขาเป็นคนชิมและคอยตินี่แหละ
“คนที่จะได้กินอาหารฝีมือเขาคือคนที่เขารัก ไม่ก็คนในครอบครัวที่รัก ใช่ว่าใครจะได้กินอาหารของหลานย่าคนนี้ง่าย ๆ นะ” ประโยคของคุณย่าทำให้หญิงสาวหัวใจเต้นแรง
เธอไม่เคยกินอาหารฝีมือของเขามาก่อน และพอรู้ว่าเขาจะทำให้กับคนที่รักเท่านั้น จึงทำให้เธอรู้สึกดีอย่างประหลาด
ในอดีตเขาไม่รักเธอเหรอ พอคิดมาถึงตรงนี้เธอก็หน้าหมองลงไปถนัดตา
“อย่าไปคิดเรื่องอดีต คิดถึงอนาคตเอาไว้จะดีกว่า อดีตไม่สำคัญ ปัจจุบันสำคัญกว่า ตอนนี้ตารบเขารักหนู ไม่อย่างนั้นคงไม่ทำขนาดนี้หรอก เขาไม่เคยทำเพื่อผู้หญิงคนไหนแบบนี้มาก่อนเลยนะ” มือเหี่ยวหย่นของหญิงสาวกุมมือของเธอเอาไว้ นั่นทำให้เธอยิ้มออก
“อดีตคือสิ่งที่ผ่านไปแล้ว ตอนนั้นเขาอาจจะยังไม่รู้ตัวเองหรือยังรักเราไม่มาก แต่ตอนนี้เขารู้ใจตัวเองแล้ว อดีตจึงไม่สำคัญอีก แต่ถ้าอดีตจะสำคัญอยู่บ้างก็ให้นึกย้อนไปว่าตอนนั้นเรากับเขาเพิ่งรู้จักกัน คบกัน ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน จะให้คนคนหนึ่งรักคนคนหนึ่งหมดใจเลยมันเป็นไปไม่ได้หรอก ความรักความห่วงใยน่ะมันเป็นความรู้สึกผูกพันกัน แต่ถ้าเจอกันแล้วชอบกัน รู้สึกพึงพอใจน่ะใช่ แต่ตอนใช้ชีวิตอีกเรื่อง ถ้าในอดีตเขารักเราสุดหัวใจ แต่จู่ ๆ ทิ้งเราขึ้นมา เป็นพวกรักง่ายหน่ายเร็ว แบบนั้นเราเอาเหรอ สู้ค่อย ๆ รักกันวันละนิด ผูกพัน ห่วงใยกันและกันไม่ดีกว่าเหรอ”
“ค่ะคุณย่า” ประโยคยาวเหยียดของคุณย่ามันทำให้เธอรู้สึกดีอย่างประหลาด
“ชีวิตคนเรามันมีอะไรให้ทำตั้งมากมาย ตอนย่าอายุเท่าเราน่ะ ย่าทำทุกอย่างเลยนะ หลุดโลกไปเลย กลัวว่าตายไปจะไม่ได้ทำ แก่ไปไม่มีแรงทำ แล้วมันก็จริงนะ ตอนนี้แก่แล้วสังขารร่วงโรย สิ่งที่อยากทำในวัยหนุ่มสาวก็ทำไม่ได้แล้ว ถ้าวันนั้นไม่ได้ทำคงเสียดายแย่”
“คุณย่ายังดูแข็งแรงอยู่เลยนะคะ ไม่เห็นแก่เลย”
“ปากหวานเหมือนกันนะเรา แข็งแรงแบบคนแก่มันแข็งแรงสู้คนหนุ่มไม่ได้หรอก เพราะมันมีข้อจำกัด กระดูกกระเดี่ยวก็ไม่ดีแล้วจะไปกระโดดโลดเต้น ขับรถท่องเที่ยวตระเวนรอบโลกก็ทำไม่ได้แล้ว”
“ชีวิตคุณย่าน่าอิจฉาจังเลยค่ะ”
“ที่ได้ไปเที่ยวรอบโลกน่ะเหรอ” คุณย่าหัวเราะ
“ค่ะ”
“บางคนเกิดมาแล้วก็ตาย ไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลยก็มีนะ”
“เสียชาติเกิดนะคะ”
“ไม่หรอก ย่าเคยเห็นคนรุ่นเดียวกัน เขาเกิดมาทำงานเก็บเงิน เขามีความสุขแบบนั้น ไม่ชอบเที่ยว เขาเหนื่อย เปลืองเงิน เขาไม่อยากไป เขาก็ไม่ผิด เราอยากไปเราก็ไม่ผิด ทุกคนล้วนแล้วแต่มีชีวิตของตัวเอง ดังนั้นทำอะไรก็ไม่ผิด ตราบใดที่เราไม่ไปเบียดเบียนหรือทำให้ใครต้องเดือดร้อน”