“ง้อยังไงครับ” หลานชายเอ่ยถาม
“ฉลาดทุกเรื่อง ทีแบบนี้ละโง่ เราน่ะเป็นหลานชายของย่า เรื่องแค่นี้ไม่รู้หรือไง”
“คือว่าผม โอ๊ย! คุณย่าผมเจ็บนะครับ ดึงหูผมอีกแล้ว”
“ถ้าไม่มาง้อเมียก็ไม่มาหาย่า ลืมไปแล้วน่ะสิว่ายังมีย่าอยู่อีกทั้งคน” คนแก่ทำเป็นงอน กอดอกหันหลังให้
“โธ่... คุณย่าครับ ผมรักคุณย่าที่สุดเลย ผมไม่เคยลืมคุณย่าเลยนะครับ แต่ผมงานยุ่งจริงๆ”
“งานยุ่งจริง ๆ หรือยุ่งกับสาว ๆ ตอบย่ามา”
“โธ่... คุณย่าครับ ผมไม่เคยจริงจังกับใคร เล่น ๆ ทั้งนั้น พวกหล่อนลำบากผมก็แค่อุดหนุนจุนเจือทุนทรัพย์ให้พวกหล่อนเท่านั้น โอ๊ย! คุณย่าผมเจ็บ”
“ถ้าเรารับปากย่าว่า ต่อไปจะเลิกเจ้าชู้ และจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนอื่นอีก ย่าจะไม่ช่วยเราง้อเมีย”
“ผมรับปากครับ” เขารีบรับคำแบบไม่ต้องคิด หลังจากตรึกตรองมาหลายวันก็ทำให้เขารู้ว่าเขารักม่านไหมที่สุด เมื่อไม่มีเธอทุกอย่างก็ไม่มีความหมาย
ยอมรับว่าที่ไม่รีบมาง้อเธอเพราะเขาอยากสำรวจใจตัวเอง ที่สำคัญก็คือแอบคิดเข้าข้างตัวเองว่าเดี๋ยวเธอก็คงกลับมา แต่ที่ไหนได้ ผ่านไปวันแล้ววันเล่า เธอไม่หวนคืน ไม่แม้แต่จะโทร. หาเขาเลย จนเขาต้องรีบมาตามง้อเธออยู่นี่แหละ
กว่าเขาจะรู้ว่าเธออยู่ไหน ต้องให้ลูกน้องตามสืบอยู่นาน จนได้รู้ว่าเธอมาอยู่กับย่าของเขาบนเขาแห่งนี้ด้วยความบังเอิญ ไม่อย่างนั้นเขาก็คงหาเธอไม่เจอ
นักรบเริ่มกลัวว่าจะเสียเธอไปจริง ๆ เขาจึงต้องทิ้งทิฐิ ทิ้งทุกอย่างที่ค้ำคออยู่ เพราะถ้าเขาง้อเธอไม่สำเร็จในตอนนี้ เขามั่นใจเลยว่าจะเสียเธอไปตลอดชีวิต
“รับปากง่ายเสียจริง เอาเถอะย่าถือว่าเราเป็นลูกผู้ชาย รับปากเช่นไรก็ต้องทำเช่นนั้น” หงส์หยกมั่นใจในตัวของหลานชายเพราะหลังจากที่บิดามารดาของนักรบจากไป นักรบก็สืบทอดกิจการทุกอย่างต่อจากนาง
นักรบเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ไม่ใช่คนโลเล เมื่อรู้ใจตัวเองก็ไม่ต้องกลัวว่าจะทำผิดซ้ำซากอีก
“คืนนี้ก็พักค้างคืนที่นี่ก่อน ส่วนเรื่องง้อก็ค่อยเป็นค่อยไป ถ้าเขารักเราจริงเขาก็ต้องให้อภัยเพราะเราสำนึกผิดจริงๆ อีกอย่างเราก็ไม่ได้ไปอะไรกับแม่นีรนุชนั่นจริง ๆ ถ้าเราไปจริงจังไปคบหากันจริงจัง ย่าก็คงไม่ช่วยเราเหมือนกัน”
“ครับคุณย่า”
“ไปนอนได้แล้ว อย่าไปปีนห้องเมียอีกล่ะ”
“แล้วเมียผมพักอยู่ห้องไหนล่ะครับ”
“ไม่บอก”
“โธ่... คุณย่า” นักรบโอดครวญ ตึกแห่งนี้สูงมากมีหลายห้อง เขาคงไม่สามารถตามหาเมียกับลูกได้แน่นอน คืนนี้คงต้องนอนหลับเอาแรงเสียก่อน
เมื่อหงส์หยกเดินมาถึงโถงทางเดินก็เจอเข้ากับหลานสะใภ้ที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว
“เป็นไงล่ะ ได้ยินทุกอย่างแล้วใช่ไหม” ท่านเป็นคนสั่งให้หลานสะใภ้มายืนรออยู่ตรงนี้เอง เป้าหมายก็เพราะว่าต้องการให้ม่านไหมได้ยินในสิ่งที่นักรบสัญญา
ด้วยรู้ดีว่าที่นักรบมาถึงที่นี่ก็เพราะว่ารู้ใจตัวเองแล้ว ดังนั้นหากถามอะไรออกไป นักรบก็จะพูดแต่ความจริง และรับปากในทันทีในสิ่งที่ขออย่างไม่บิดพลิ้ว
“ค่ะคุณย่า”
“เอาละ ย่าเอาหัวเป็นประกัน ว่าต่อจากนี้ไปนักรบจะไม่ทำให้เราต้องเสียใจอีก เราให้อภัยเขาได้ไหม”
“ค่ะคุณย่า”
“ไม่ได้”
“คะ” ม่านไหมหลุดอุทานออกมา
เธอตอบตกลงแต่ดันบอกว่าไม่ได้ ก็งงน่ะสิ
“กว่าหลานชายของฉันจะมาเยี่ยมสักทีก็นานแสนนาน จะให้อภัยง่าย ๆ ได้ยังไง ถ้าให้อภัยง่าย ๆ เราก็วิ่งแร่ตามผัวเรากลับไปน่ะสิ เดี๋ยวต่อไปก็เป็นของตายอีก เขามาคุกเข่ายอมสิโรราบแล้วมันก็ต้องทดสอบความอดทนและความจริงใจกันหน่อย จะยอมง่าย ๆ เป็นของง่ายใกล้มือได้อย่างไรกัน ยิ่งเป็นหญิงยิ่งต้องทำตัวให้มีคุณค่าเข้าใจไหม” เพราะเป็นผู้หญิงเหมือนกัน หญิงชราจึงอบรมสั่งสอนหลานสะใภ้ให้ทำตัวมีคุณค่า
“อะไรน่ะถ้าได้มายาก ๆ มักมีคุณค่าเสมอ ถ้าได้มาง่าย ๆ เดี๋ยวเขาก็ทิ้ง เขาก็ลืม จำเอาไว้”
“แล้วแต่คุณย่าเลยค่ะ” เธอแล้วแต่ท่านเพราะจริง ๆ ก็อยากเอาคืนเขาอยู่เหมือนกัน
หน็อย... เห็นผู้หญิงคนอื่นดีกว่า แม้จะไม่ได้ไปจริงจังกับนีรนุชแต่ก็ทำให้เธอช้ำใจ
สำคัญสุดเธอเป็นเมียลับเขามาหลายปี เขาไม่คิดที่จะเปิดเผยยกย่องเธอ เธอก็เลยหนีมายังไงล่ะ คิดเอาไว้แล้วว่าหากเขาไม่รัก แค่อยากเลี้ยงเป็นเมียลับไปแบบนี้เธอก็จะหอบลูกในท้องหนีไปตายเอาดาบหน้า แต่ไม่คิดว่าจะมาเจอกับหงส์หยกเข้าเสียก่อน ประจวบเหมาะกับเธอไม่มีที่ไป ก็เลยรับคำที่จะมาอยู่กับหงส์หยกในทันที เพราะเคยรู้จักและมีบุญคุณกันมาก่อน เธอเคยช่วยเหลือท่านเอาไว้ในครั้งนั้น ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าท่านคือย่าของนักรบ
“ถ้าแล้วแต่ย่าเราก็ต้องช่วยย่า ทำตามที่ย่าบอกทุกอย่าง”
“ได้ค่ะคุณย่า” เธออยากเอาคืนเขา แต่เกรงใจหงส์หยก ถ้าท่านไม่ได้เอ่ยปากอนุญาต เธอก็ไม่กล้า แต่นี่ท่านไฟเขียว แล้วเจอกันค่ะคุณนักรบ