ตอนที่ 6

1738 Words
พราวมุกเหม่อลอยไปไกลจนชายหนุ่มอดเป็นห่วงไม่ได้ แม้หญิงสาวจะไม่พูดหรือแสดงอาการอะไรออกมา แต่แววตาของเธอเศร้าอย่างเห็นได้ชัด สองมือของเธอกำเงินที่เหลือไว้แน่นและเดินตามเขาเข้ามาในห้องอย่างกล้าๆ กลัวๆ “พักอยู่ด้วยกันที่นี่ก่อนแล้วกันนะ” “อืม” “แล้วงานของเธอล่ะ” “โดนไล่ออกตั้งแต่เมื่อวานก่อนแล้ว ใครจะกล้าจ้างต่อล่ะ” แหงล่ะสิ เธอโดนตบซะกลางร้านแบบนั้น เจ้าของร้านคงไม่ใจดีให้เธอทำงานต่อและทุกคนก็เข้าใจไปแล้วว่าเธอเป็นชู้กับคนที่มีลูกและเมียแล้ว “ถ้างั้นไปทำงานที่ไนต์คลับไหม” “...” “ไนต์คลับของพี่กำลังขาดบาร์เทนเดอร์” “ก็ได้” ในเมื่อมีโอกาสเข้ามาหาถึงขนาดนี้แล้ว พราวมุกก็ไม่รีรอที่คว้ามันเอาไว้ก่อน “ถ้างั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ไปไนต์คลับกันนะ” “แล้วคุณไม่ไปทำงานเหรอ” เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะปกติแล้วคนที่ทำธุรกิจมักจะงานยุ่งกันไม่ใช่หรือไง “อยู่ที่ไหนก็ทำได้” คณินตอบ พราวมุกพยักหน้าเล็กน้อย แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าตอนนี้เขากำลังทำธุรกิจอะไรอยู่ ได้ยินมาจากคะนิ้งว่าเขากำลังลงทุนกับธุรกิจใหม่ แต่ก็ไม่เคยถามว่าธุรกิจอะไร เพราะตอนนั้นเธอไม่ค่อยอยากจะได้ยินชื่อของเขาสักเท่าไหร่ “ในตู้มีเสื้อผ้าของคะนิ้งอยู่สองสามชุด เธอเลือกใส่ได้เลย ส่วนห้องนอน พี่ยกให้ เดี๋ยวพี่นอนข้างนอกก็ได้” “อืม” “ไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวพี่จะทำอาหารไว้รอ” พราวมุกทำตามสิ่งที่เขาบอกโดยไม่ต่อต้านเลยสักนิด จนรู้สึกว่าเธอกำลังจะเปิดใจให้กับเขาอีกครั้งแล้ว แต่ทุกอย่างก็ยังเร็วเกินไปสำหรับเธอ เธออยากจะใช้ช่วงเวลานี้พักใจและดูแลตัวเองให้ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน อยากจะใช้เวลานี้ตามหาพ่อตามคำขอของแม่ เธอใช้เวลาอาบน้ำไปกว่าครึ่งชั่วโมง พอออกมาคณินก็ทำอาหารเสร็จหมดแล้ว เหลือแค่เพียงคนทำที่หายตัวไปไหนไม่รู้ ‘พี่มีธุระด่วน กินข้าวแล้วก็เข้านอนเลย พรุ่งนี้มีเรื่องต้องทำอีกเยอะ’ ข้อความบนกระดาษโน้ตวางอยู่บนโต๊ะอาหาร พราวมุกมองไปรอบๆ ด้วยความไม่คุ้นชิน บรรยากาศในห้องเงียบสงัดจนได้ยินเสียงเครื่องปรับอากาศที่กำลังทำงาน โทรศัพท์มือถือก็ไม่มี ทุกอย่างเลยดูน่าเบื่อไปเสียหมด หากในเวลานี้เธอไม่ได้มีเรื่องที่จะต้องคิดก็คงจะไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้แน่ๆ เวลาล่วงเลยผ่านไปจนเกือบจะตีสอง คณินยังคงอยู่ที่ไนต์คลับ หลังจากที่โดนผู้จัดการโทรเรียกให้มาช่วยจัดการพนักงานที่แอบขโมยของภายในไนต์คลับออกไปขาย “ถ้างั้นก็จัดการตามที่สั่งไปให้เรียบร้อย” “ครับคุณคณิน” “แล้วก็พรุ่งนี้ฉันจะพาบาร์เทนเดอร์คนใหม่มาแนะนำให้รู้จัก” เขาหันไปเอ่ยกับผู้จัดการร้าน “แต่บาร์เทนเดอร์ที่นี่ก็มีหลายคนแล้วนะครับ” ผู้จัดการร้านทักท้วงขึ้น ลำพังบาร์เทนเดอร์ตอนนี้ก็มีตั้งห้าคนแล้ว ถ้าหากจะพามาเพิ่มอีกร้านก็ต้องมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นอีกเหมือนกัน “คนนี้ฉันจ่ายเงินเดือนเอง แต่คุณห้ามพูดเรื่องนี้กับเธอเด็ดขาด ปฏิบัติกับเธอให้เหมือนบาร์เทนเดอร์และพนักงานคนอื่น” “ครับ ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” “จะตีสามแล้วเหรอเนี่ย” คณินก้มมองดูนาฬิกาข้อมือที่เข็มสั้นเกือบจะเดินมาถึงเลขสามแล้ว ร่างบางที่เข้านอนตั้งแต่เที่ยงคืนจนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาเกือบสามชั่วโมงแล้ว แต่ทว่าดวงตาทั้งสองของเธอกลับยังคงเปิดกว้าง ไม่มีความง่วงเลยแม้แต่น้อย “ทำไมนอนไม่หลับสักทีเนี่ย” พอนอนไม่หลับก็พาลหงุดหงิดกับตัวเองไปด้วย ออกมาจากบ้านหลังนั้นได้แล้ว เธอก็ควรจะใช้ชีวิตต่ออย่างมีความสุขไม่ใช่หรือไง แต่ทำไมถึงยังได้อมทุกข์อยู่แบบนี้กัน “ยังไม่นอนเหรอ” เสียงหนาทุ้มดังขึ้น ทำให้พราวมุกสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบเปิดโคมไฟที่หัวเตียง จึงเห็นว่าคณินยืนอยู่ที่ประตูห้อง “คุณกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่” “เพิ่งจะกลับมา” “ออกไปไหนมาเหรอ” อาจจะดูเหมือนเธออยากรู้เรื่องของเขามากไป แต่ก็อดที่จะเอ่ยถามไม่ได้จริงๆ คงไม่แปลกหากเขาจะมองว่าเธอกำลังทำสิ่งที่ตรงข้ามกับคำพูดของตัวเอง “ที่ไนต์คลับมีเรื่องนิดหน่อย เลยต้องไปจัดการน่ะ” “อ๋อ” “นอนไม่หลับเหรอ” “ก็ไม่เชิง” “สนใจมาดื่มไวน์ด้วยกันไหม” ปกติแล้วคณินมักจะดื่มไวน์ก่อนเข้านอนเวลาที่รู้สึกว่ามีเรื่องเครียดแล้วอยากจะผ่อนคลาย “ฉันไม่ชอบดื่ม” “งั้นก็ตามใจ” “ดื่มก็ได้” ไม่รู้อะไรดลใจให้เธอเปลี่ยนคำตอบของตัวเอง หากดื่มแล้วทำให้นอนหลับลงได้ ก็คงไม่ใช่เรื่องเสียหายที่จะลองดูสักครั้ง ตู้ไวน์ที่ตั้งอยู่ภายในห้องทำงานมีขวดไวน์หลากหลายยี่ห้อวางเรียงกันนับไม่ถ้วน เธอรู้ว่าเขาเป็นคนที่ชอบดื่มไวน์มาก แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะชอบถึงขนาดลงทุนซื้อตู้แช่ไวน์มาไว้ในห้อง “ไม่ชอบดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แล้วทำไมถึงมาเป็นบาร์เทนเดอร์ได้” “ก็งานดี เงินดี แล้วก็ไม่ได้ถึงกับไม่ชอบดื่ม แต่จะเรียกว่าชอบก็ไม่ได้” คำพูดที่ดูจะซับซ้อนแต่ก็ไม่ได้ยากเกินกว่าที่จะเข้าใจ พราวมุกนั่งมองของเหลวสีแดงอมม่วงในแก้ว แล้วจรดริมฝีปากดื่มเข้าไปในคราวเดียว รสชาติเฝื่อนจนหนักไปทางขมดูเหมือนจะเข้ากับความรู้สึกของเธอในตอนนี้ไม่น้อย ความแรงของแอลกอฮอล์ทำให้เธอรับรู้ได้ในทันที แต่ก็แฝงไปด้วยความนุ่มละมุนลิ้นที่บ่งบอกถึงคุณภาพของมัน “ขออีกแก้วสิ” เธอบอกกับคณิน ก่อนที่เขาจะรินไวน์ให้เธอโดยไม่ลังเล ไวน์แก้วที่สองหมดไปภายในรวดเดียวอีกครั้ง และตามมาด้วยแก้วที่สาม แก้วที่สี่ จนกระทั่งขวดไวน์ว่างเปล่าพร้อมกับหญิงสาวที่นั่งหน้าแดงเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ “อยากนอนหรือยัง” “ไม่ นอนไปก็นอนไม่หลับ” พราวมุกปฏิเสธ ในขณะที่เขากำลังนั่งจ้องเธอพร้อมกับไวน์ในมือที่จิบไปได้เพียงไม่กี่ครั้งและเขาดื่มไปไม่ถึงหนึ่งในสี่ของปริมาณไวน์ในขวดเลยด้วยซ้ำ “ถ้ามีเรื่องอะไรอยากจะระบาย ก็ระบายออกมาสิ เก็บเอาไว้แบบนั้นก็อึดอัดใจเปล่าๆ” “...” พราวมุกนิ่งงัน ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากปากของเธอสักคำ จะว่าไปแล้วการพูดหรือระบายออกไป สำหรับเธอมันไม่ต่างจากการที่ทำให้ตัวเองต้องรู้สึกเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม “ถ้าไม่สบายใจก็ไม่เป็นไร” “ฉันมีเรื่องอยากให้คุณช่วย” พราวมุกเอ่ยแทรกขึ้นมา “ช่วย?” “ก่อนตายแม่ขอให้ฉันตามหาพ่อ” “จะให้พี่ช่วยตามหาเหรอ” หญิงสาวพยักหน้าเป็นคำตอบ ก่อนจะพูดต่อ “ก็คุณน่าจะพอมีเส้นสายอยู่บ้าง ช่วยตามหาคนน่าจะไม่ใช่เรื่องยากสักเท่าไหร่” “ก็ได้อยู่ แต่ว่าเธอจะให้อะไรเป็นค่าตอบแทนล่ะ” แม้เรื่องนี้จะเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา แต่ก็น่าเสียดายเล็กน้อยหากไม่ได้อะไรตอบแทน “ได้ทุกอย่างที่คุณต้องการ” “...” เมื่อได้คำตอบจากพราวมุก เขาก็แทบจะไม่กล้าเอ่ยออกไป เพราะสิ่งที่เขาต้องการนั้นอาจจะทำให้เธอไม่เต็มใจที่จะให้นัก “คุณอยากได้อะไร” “ให้โอกาสพี่ได้ไหม” “...” “พี่ไม่มีอะไรที่ต้องการหรืออยากได้นอกเสียจากโอกาสจากเธอ” คณินเอ่ยจากใจจริง เพราะตอนนี้เขาอยากจะได้โอกาสแก้ไขความผิดในอดีตของตัวเอง “ก็ได้ ฉันไม่ติดเรื่องนี้ แต่ต้องสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรเกินเลยถ้าฉันไม่อนุญาต” “ได้ เรื่องนั้นพี่ไม่ใช่คนที่ชอบเอาเปรียบคนอื่นอยู่แล้ว” “ถ้างั้นก็ตกลง” ข้อตกลงระหว่างเธอกับเขาเป็นไปได้ด้วยดี พอมาคิดๆ ดูแล้ว สิ่งที่เขาขอนั้นน้อยกว่าสิ่งที่เธอคิดเอาไว้เสียอีก อย่างน้อยก็บอกได้ว่าคณินยังคงเป็นผู้ชายคนเดิมในอดีตที่เคารพและให้เกียรติเธอเสมอ ถึงแม้ตอนนี้จะรุกเข้าหาเธอหนักไปหน่อย “ฉันไปนอนดีกว่า” พราวมุกตัดบทขึ้น เมื่อเห็นว่าไม่มีเรื่องอะไรแล้วและตอนนี้ก็เกือบจะตีห้าแล้ว ถ้าหากไม่นอนก็เห็นทีว่าพรุ่งนี้จะไปทำงานไม่ไหว แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อชายหนุ่มเอ่ยขึ้น... “ขอนอนด้วยคนได้ไหม” “ไหนบอกว่านอนข้างนอกได้” “ก็ขออยู่นี่ไง” คณินจ้องหน้าเธออย่างรอคอยคำตอบ แล้วมีหรือที่คนใจอ่อนอย่างเธอจะกล้าปฏิเสธคำขอของเขา “เห้อ คุณเป็นเจ้าของห้อง ฉันจะปฏิเสธอะไรได้” “ก็ตอบมาสิ” “ได้ แต่ห้ามแตะต้องตัวฉันเด็ดขาด” ชายหนุ่มคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเดินตามเธอเข้ามาในห้องนอน หมอนข้างถูกนำมาใช้เป็นที่กั้นระหว่างคนสองคนที่นอนอยู่บนเตียงเดียวกัน ส่วนผ้าห่มก็กลายเป็นว่าต้องแบ่งกันคนละครึ่งทำให้ต้องเขยิบเข้ามานอนใกล้กันยิ่งกว่าเดิม แม้จะมีหมอนข้างกั้นอยู่ แต่ก็ดูเหมือนจะช่วยไม่ได้สักเท่าไหร่ เพราะคณินนั้นนอนจ้องหน้าเธอตลอดเวลา จนเธอต้องพลิกตัวหันหน้าไปฝั่งระเบียงแล้วข่มตาหลับ เพียงไม่นานคณินก็ได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของคนตัวเล็ก เป็นสัญญาณว่าพราวมุกได้หลับไปแล้ว เหลือเพียงแต่เขาที่ยังคงนอนไม่หลับ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD