พยากรณ์ก่อนกาล

2980 Words
… คุณหนูรองแห่งบ้านสกุลอู่ในวัยสิบสี่ เลื่องลือถึงความงดงาม พอๆกับสติปัญญาปราดเปรื่องกว่าหญิงใดในเมืองหยางโจว นางเป็นดั่งอัญมณีเลอค่าส่งเสริมให้สกุลอู่เด่นล้ำ ดั่งดวงดาวเปล่งประกายแสง ผิดแต่คุณหนูอู่หาได้ปราถนาเป็นกุลสตรีในห้องหอ นางชมชอบแต่งกายเยี่ยงบุรุษเพศ ฝักใฝ่การร่ำเรียนวิชาการเมือง การทหาร มักเดินเตลิดเตร่เที่ยวสนทนากับผู้รู้อยู่เป็นนิจ ยิ่งในยามวาระสำคัญ ที่นางรู้ข่าวว่าสมณะเสวี่ยนจั้ง ( พระถังซัมจั๋ง ) จะมาเทศนาที่วัดเทียนหลง มีรึนางจะไม่รีบเร่งออกจากหมู่ตึกสกุลอู่ตั้งแต่ยามเช้าตรู่ นางสวมใส่อาภรณ์บุรุษสีขาวสะอาดตา รวบผมตึงปักปิ่นหยกเขียวขจีดั่งตากวางสะท้อนแสงในราตรี คุณหนูอู่เร่งฝีเท้าบ่ายหน้าไปยังทิศเหนือ เดินฝ่าตลาดซึ่งผู้คนเริ่มออกมาคร่าคร่ำ โดยมีสองสาวใช้วิ่งกระหืดกระหอบติดตามมาอย่างกระชั้นชิด " ช้าๆหน่อยเถอะคุณหนู พวกข้าน้อยหาได้มีแแข้งขาแข็งแรงดั่งคุณหนูหรอก " สาวใช้ร่างอ้วนอุ้ยอ้ายขยับปากอิ่มกล่าวฉอดๆ ทั้งที่มีหยาดเหงื่อเปื้อนใบหน้า " คิก คิก คิก … หากเจ้าเมื้อยล้า ก็พักผ่อนดื่มน้ำชาก่อนเถิด ประเดี๋ยวข้าเสร็จธุระ แล้วจะรีบกลับไปรับทานมื้อเที่ยงกับบิดาแน่ๆ " ดรุณีน้อยเบิกยิ้มร่า กล่าวด้วยดวงตาทอประกายวับวาวราวอยากเรียนรู้โลกทั้งใบ จะมีเพียงสองสาวใช้จ้าวเนื้อที่ทุกข์ทนกับการเร่งฝีเท้าตามนางไม่ลดละ " จะให้ทำเช่นนั้นได้อย่างไรเล่าคุณหนู หากเกิดอะไรขึ้นกับคุณหนู สองชีวิตบ่าวยังไม่อาจรับไหวหรอกคุณหนู " สาวใช้ร่างอ้วนอีกคนกล่าวด้วยอาการหวาดหวั่นจนปากสั่นระริก " ที่แท้พวกเจ้าหวาดกลัวนี่เอง จึงยอมเปลืองเรี่ยวแรงตามข้ามา…นี่ช่างแตกต่างกับสมณะเสวี่ยนจั้งเหลือเกิน รู้มั้ยว่าท่านต้องเดินเท้าเพียงลำพัง ข้ามทะเลทรายหลายพันหลายหมื่นลี้ กว่าจะได้ธรรมะมาสั่งสอนผู้คน…พวกเจ้าไม่ตื่นเต้นบ้างหรอกหรือ ที่จะได้ฟังเรื่องราวแปลกประหลาดจากแดนไกล ? "... สองสาวใช้หันมองหน้ากันด้วยอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก การสดับฟังเทศนาของบรรพชิตดูจะห่างไกลจากวิถีพวกนางมากนัก เคึ๊ยก เคึ๊ยก เคี๊ยก …. " เด็กน้อยเจ้าเองก็ไม่แตกต่างจากสองแม่นางนี้นักหรอก "... มีเสียงชราหัวเราะแหบพร่าเสียดแทรกมาในสายลม เจาะจงพูดกระทบเข้าข้างหูให้นางฟังชัดถนัดถนี่ ทำเอาเด็กสาวชะงักเท้า หันมองไปรอบๆหาที่มาของเสียง " สองแม่นางนั้นเร่งรีบมาเพราะความหวาดกลัวความผิด ส่วนเจ้ามีแต่ความซุกซนผลักไสมา เจ้าแค่อยากเห็นสมณะที่เดินทางมายาวไกล อยากได้ยินเรื่องพิสดารชวนฝันจากแดนชมพูทวีป มากกว่าพึงพอใจในรสพระธรรมอันเที่ยงแท้หรอก ! " วาจาเยียบเย็นยังฟังชัดถนัดหู ราวกับผู้เฒ่ามากล่าวอยู่ใกล้ๆ ต้องนับมันเป็นผู้มีพลังวัตรลึกล้ำอย่างที่เด็กสาวไม่เคยพบพาน ทว่าคุณหนูอู่หาได้แสดงอาการแปลกประหลาดใจสักน้อยนิด นางยังยิ้มเบิกบาน มองหาเล่าผู้คนที่เดินตามถนนด้วยความอยากรู้อยากเห็น ในใจนึกอยากเห็นคนที่มีวิชาประหลาดขึ้นมาทันตา " ท่านมีวิชาอ่านใจผู้คนหรือไร ถึงได้กล่าวได้แม่นยำนัก ! "...ดรุณีน้อยกล่าวเลื่อนลอยกับอากาศ โดยไม่รู้แน่ชัดว่าควรสนทนากับผู้ใดกันแน่ " เอ๊ะ !...คุณหนู นี่ท่านพูดกับใครกัน ? "...สองสาวใช้รีบขยับเข้าใกล้อย่างงุนงง " นี่พวกเจ้าไม่ได้ยินเสียงอย่างนั้นรึ ? " " เสียงอันใดกันคุณหนู ? "... คำถามงวยงงของพวกนาง ถูกกลบฝังไปกัยเสียงดนตรีครึกครื้น ที่มาพร้อมเหล่าขบวนนักแสดงปาหี่เร่เจ็ดแปดนาย พวกมันล้วนทาหน้าขาว สวมเสื้อผ้าหลากสีสัน ในมือมีฆ้อง มีกลองม้าล่อ บ้างเป่าขลุ่ย บางคนรัวกระดิ่ง ย้ำกรับไม้ ร่ายรำเป็นขบวนเข้ามาวนเวียนล้อมรอบคุณหนูอู่โดยไม่ทันตั้งตัว นักแสดงเร่ทั้งแปดต่างเริงระบำ ส่งเสียงเซ็งแซ่ ร่ายไหวบดบังคุณหนูอู่จนสองสาวใช้มองตามด้วยอารมณ์หลากหลายปนเป พวกนางทั้งรื่นรมณ์ทั้งประหลาดใจ เหนืออื่นใดคือเสียงดนตรีเริงใจที่ดึงดูดพวกนางไว้สิ้น ตราบกระทั้งขบวนพวกมันเคลื่อนจากไป พวกนางจึงมีอันตกตะลึงตาค้าง เมื่อไม่เห็นคุณหนูของพวกนางอยู่ยังที่เดิม " แย่แล้ว !... คุณหนูเล่า ? …" " คุณหนู !...คุณหนู !..."... ทั้งสองตะโกนร้องสุดเสียง ท่ามกลางคนสัญจรนับร้อยที่หันมองพวกนางด้วยอาการตื่นตระหนกตาม… " คุณหนูแห่งตระกูลอู่ถูกลักพาตัวแล้ว ".... เสียงตะโกนกู่ร้องจนลั่นตลาด… …ทางทิศเหนือของเมืองหยางโจว เลยจากประตูเมืองอุดรไปสองลี้ มีเนินป่าละเมาะอุดมไปด้วยต้นไม้สูงตระหง่านรกครึ้ม กระต่ายป่าที่แทะเล็มผลสาลี่ที่ร่วงล่นคาต้น มันมีอันต้องกระตุกแตกตื่น เมื่อประสบกับเงาร่างทะมึนวิ่งตะบึงผ่านแนวป่าไปราวพายุโหม ชายชราผู้เร่งร้อนนั้นมีร่างกายผ่ายผอม ใบหน้ายาวกลามใหญ่จมูกงองุ้ม ดวงตาเล็กหยีเป็นเส้นเรียว ใต้คางมีเคราดำรกครึ้ม มันสวมใส่ผ้าฝ้ายเนื้อหยาบขาดวิ่นดั่งยาจกเข็ญใจ หากท่าร่างวิชาตัวเบากลับพลิ้วไหวราวยอดฝีมือเรืองนามในยุทธภพ มันทุ่มเทท่าร่างโลดแล่นไปโดยใช้เพียงฝ่าเท้าแตะยอดหญ้า ก็ลอยละล่องดั่งเหินบิน แม้จะแบกถุงผ้าใบใหญ่ไว้บนหลัง ก็ยังรุดหน้าไปไวพอๆกับสายลมผ่าน " เคี๊ยก เคี๊ยก เคี๊ยก…คุณชายอู่ เกรงว่าการฟังธรรมของท่านคงต้องล่าช้าไปเล็กน้อยแล้ว เคี๊ยก เคี๊ยก เครี๊ยก …" มันกล่าวเคล้าเสียงหัวเราะแหบแห้ง กับถุงผ้าที่มันหอบหิ้วอยู่บนหลัง ซึ่งแน่นอนว่าที่อยู่ในถุงผ้าคือคุณหนูอู่ ที่ถูกสกัดจุดกั้นชีพจร จนไม่อาจขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว เพียงพริบตาคุณหนูอู่พลันถูกขอทานเมื่อแรกพบ ใช้ดัชนีปาดเข้าใส่สิบเอ็ดจุด แล้วใช้ถุงผ้าขนาดเท่าตัวคนเข้าครอบคลุมนาง จากนั้นมันจึงพานางโลดแล่นขึ้นทางเหนือ สู่แนวป่ารกครึ้ม ตลอดทางดรุณีน้อยรู้สึกเลื่อนลอยดั่งเคลิ้มฝัน ยังไม่ทันเห็นหน้าขอทานเฒ่าถนัดถนี่ก็ถูกมันลงมือจนตัวแข็งทื่อ ซ้ำยังถูกมันพาโลดแล่นดั่งไร้น้ำหนัก เคลื่อนผ่านว่องไวไปในแนวไพร กระทั้งนางถูกปล่อยลงกับพื้น และเมื่อถุงผ้าถูกเปิดออก จึงได้พบกับกลุ่มชายแปลกประหลาดที่รายล้อม นางถลึงเหลือกมองด้วยใจสั่นสะท้าน แต่ยังสู้เก็บอาการ เชิดปากอิ่ม มองตาขวาง ไม่มีความหวาดกลัวให้เห็นแม้แต่น้อย " เคี๊ยก เคี๊ยก เคี๊ยก…ข้าพเจ้าเชิญคุณชายใหญ่สกุลอู่มาแล้วท่านหยวน " ขอทานเฒ่ากล่าวกึกก้องกับผู้คนนับสิบที่ยืนรายล้อม ซึ่งผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหน้านางส่วนใหญ่ ล้วนแต่งกายด้วยชุดปราณีตหรูหรา ดูเหมือนพวกมันจะเป็นบุตรหลานคหบดีผู้มั่งคั่ง ซึ่งแตกต่างจากชายแปดเก้าคนที่ยืนอยู่หลังขอทานเฒ่า ที่มีสภาพเป็นกระยาจกเข็ญใจเหมือนคนจับนางมาไม่มีผิด " ฮี ฮี ฮี…เจ้าไม่คิดใช้มั้ยว่าจะมีวันนี้ คุณชายอู่…ฮี ฮึ ฮึ…ข้าจะจับเจ้าแก้ผ้าแขวนประจานตรงธารน้ำ รอให้องค์หญิงเหวินเฉินผ่านทาง ดูซิว่าเจ้าจะกล้าเสนอหน้าไปพบองค์หญิงอีกหรือไม่…โอ๊ะ โอ๊ะ..! "....ท้ายเสียงมันร้องตกใจ เพราะผู้กล่าววาจาเอาแต่หันหลัง แหงนหน้าภาคภูมิพูดปาวๆ แต่พอหันกลับมาพบดรุณีน้อย มันถึงกลับตะลึงตาค้าง " นี่เจ้านำใครมา ?... มันไม่ใช้คุณชายอู่ ! " ชายหนุ่มใบหน้าเกลี้ยงเกลาออกจะเจ้าเนื้อ ยืนกล่าวเฉียบขาดอยู่กลางบุตรหลานคหบดีนับสิบ " อ้าว !...จะผิดได้ยังไง !...ข้าดักรอมันที่หมู่ตึกตระกูลอู่อยู่ครึ่งค่อนวัน ซ้ำยังมีคนรับใช้ติดตามมา จะไม่ใช่คุณชายอู่ได้ยังไง…ท่านดูดีๆเถิด ! " ขอทานมอซอกล่าวละล่ำละลัก พร้อมตบฝ่ามือคลายจุดให้นางทั้งสิบเอ็ดจุดในพริบตา " สายตาข้ายังไม่ฝ่าฝางหรอกเจ้าขอทานโฉด ข้ารู้จักอู่เซียงมาตั้งแต่แปดขวบ มีรึจะจำมันไม่ได้ "...คุณชายหยวนเชิดหน้ากล่าวเหยียดๆ พร้อมกับหลี่ตามองขอทานอัปลักษณ์ด้วยความรังเกียดเดียดฉันท์ " ไม่ผิด…ไม่ผิด…!...มันเป็นมังกรฟ้าในหมู่มวลมนุษย์…แต่ !...เสียดายนัก…เสียดายจริงๆ !..." มีชายชราหน้าเหี่ยวย่นพุ่งพวดออกมาจากกลุ่มคน มันรนรานชะโงกหน้ามองเด็กสาวด้วยแววตาลุกวาว " ท่านกล่าววาจาประหลาดใดซินแซเทียนกัง มันไม่ใช้อู่เซียงชัดๆ จะว่าไม่ผิดได้ยังไง ? "... คุณชายหยวนหันมาถามซินแซคนสนิทด้วยคิ้วขมวดขุ่น " ที่ว่าไม่ผิดเพราะลักษณะมันเลิศล้ำดั่งเทวราชในหมู่คน เนตรเฉิดฉันราวดวงดาวจรัสแสง หน้าผากโค้งผุดผาดเหมือนราชสีห์ทรงอำนาจ เค้าโครงหน้าแกร่งกล้าประหนึ่งพญามังกรท่องฟ้า ไหล่เอวเลื่อนไหลทรงพลังคล้ายหงษาขยับย่าง รูปลักษณ์มันล้ำเลิศเหนือผู้ใด เกิดมาเพื่อเป็นจ้าวชีวิตปวงชนทั้งมวล " ยิ่งฟังวาจาซินแซ คุณชายหยวนยิ่งมีอาการหน้านิ่วคิ้วขมวด เขม้นมองเด็กสาวด้วยเพลิงริษยาแน่นอก แตกต่างจากเหล่ากระยาจกทั้งเก้า ที่ถลึงเหลือกตามองนาง ดั่งพบขุมทรัพย์ล้ำค่าเข้าแล้ว " หากมันเลิศเลอเพียงนั้น แล้วท่านจะส่ายหัวเสียดายอันใด ? " คุณชายหยวนหลี่ตาถาม ด้วยอารมณ์เย้ยหยันพราวพราย " ต้องเสียดายยิ่งคุณชายหยวน เพราะธาตุที่ส่งเสริมบารมีล้วนอยู่ในธาตุหยิน อันมีเพียงอิสตรีจึงจะบริบูรณ์ หากมันเป็นสตรีเพศคงได้ขึ้นครองไต้หล้าเป็นแน่ ".... " ฮ่า ฮ่า ฮ่า…ซินแซเทียนกัง ท่านแก่เฒ่าจนเรอะเลือนไปแล้วรึ ?...อิสตรีอ่อนแอไหนเลยจะขึ้นเป็นฮ่องเต้ได้ ช่างน่าขันเสียจริง !..." คุณชายหยวนกล่าวครึกครื้น ไปกับเสียงหัวเราะครืนของกลุ่มคนหลายสิบ หากซินแซเทียนกังยังเอาแต่ส่ายหัว ปากบ่นงึมงำๆ ว่าเสียดาย ๆ คล้ายไม่ได้ยินเสียงเยาะเย้ยสักนิด " วิเศษแท้พี่น้องข้า พวกเราพบขุมทรัพย์เข้าแล้ว !...ถ้ามันมีลักษณะเลิศเลอปานนี้ คนที่บ้านมันย้อมต้องยินยอมขนเงินทองมาแลกตัวมันแน่ …เคี๊ยก เคี๊ยก เคี๊ยก " ขอทานเฒ่าปาดเข้าตะปบไหล่ดรุณีน้อยไว้ ขณะกู่ร้องเริงร่า ชวนให้เหล่าบริวาณขอทานหัวร่อคึกๆ คัก ๆ พึงพอใจ " ขอทานโฉด !...อย่าเอามือโสโครกมาแตะต้องข้า ! " ดรุณีน้อยตวาดแว้ด หากไม่อาจดิ้นหลุดจากเงื้อมือทรงพลังของมันพ้น " เจ้าทำเช่นนั้นไม่ได้นะ หากเจ้าเรียกค่าไถ่เด็กน้อยนี่ ย่อมเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น แล้วอู่เซียงมันต้องระวังตัว จนไม่อาจจับตัวมันได้แน่ ! "...คุณชายหยวนขัดคำมันด้วยอารมณ์เคืองขุ่น " เคี๊ยก เคี๊ยก เคี๊ยก จะจับอู่เซียงได้หรือไม่ หาใช่ปัญหาของข้าสักน้อยนิด พวกเราเป็นเพียงกระยาจกเข็ญใจ จะอย่างไรเพียงมองหาเศษเงินปะทังชีพ หากท่านไม่ให้เรียกค่าไถ่จากบ้านมัน หรือท่านจะออกหน้าจ่ายแทนใช่หรือไม่ " ขอทานเฒ่ากล่าวด้วยแววตาเจ้าเล่ห์เจ้ากล พร้อมกับเหล่าขอทานทั้งเก้ากระชับไม้เท้าในมือ เข้ามายืนตั้งแถวขวางด้วยทีท่าแข็งขัน " นี่พวกเจ้าคิดข่มขู่รีดทรัพย์ข้าอย่างนั้นรึ ! "... ถ้อยคำตวาดก้องของคุณชายหยวน ทำให้เหล่าคุณชายเจ้าสำอางค์ต่างชักกระบี่งามวิจิตรออกจากฝักตรงหว่างเอว ขึ้นมากำกระชับพร้อม " พ่อค้ากับกระยาจกอย่างนั้นรึ !...ช่างสมควรหักล้างแตกหักกันโดยแท้ " ดรุณีน้อยตวัดครุ่นคิด ปะติดปะต่อต้นสายปลายเหตุก่อนเหตุการณ์จะยากรับมือ ทว่านางยังไม่ทันคิดทางออกได้หมดจรด ซินแซชราพลันเดินเข้ามาแทรกกลางระหว่างสถานการณ์ที่เริ่มครุกกรุ่นนี้ " พวกท่านอย่าได้ร้อนรนไป เรื่องเล็กน้อยเพียงนี้ ให้ข้าพเจ้าจ่ายแทนคุณชายดีหรือไม่ ? "...ซินแซเทียนกังกล่าวด้วยรอยยิ้มเยียบเย็น ช่วยลดทอนอุณหภูมิลงมาไม่น้อย " ท่านต้องการค่าไถ่เด็กน้อยผู้นี้เท่าใดกันรึ ท่านหัวหน้าพรรค ! "... พอกลิ่นเงินโชยจากปากซินแซชรา ขอทานเฒ่ามีอันตาลุกวาว ผุดยิ้มบาดแหลมยิ่งกว่าอาวุธมีคม " ห้าร้อยตำลึงทอง " ทันทีที่ขอทานเฒ่าบ่งบอกจำนวนเงิน ทุกผู้คนต่างเหลือกตาพอง จะมีเพียงคุณหนูอู่ที่ยกยิ้มเจ้าเล่ห์เจ้ากล นางคล้ายจะเห็นทางรอดอยู่ตรงความโลภในใจคนนั้นเอง " คิก คิก คิก เหตุใดท่านหัวหน้าพรรคมักน้อยนักเล่า ค่าไถ่ข้าพเจ้าสมควรสูงล้ำเท่าห้าพันตำลึงทองได้ละมั้ง " นางกล่าวด้วยเสียงสดใส ซอกซอนความละโมบเข้าไปในใจอันชุบโชคกิเลสตัณหาให้ลุกโพลง " เหลวไหล !..เด็กน้อยเช่นเจ้าจะมีใครจ่ายเงินทองให้มากขนาดนั้น " คุณชายหยวนตวาดโต้ด้วยอารมณ์พลุ่นพล่านกว่าเก่า " ย่อมต้องมีซิท่านพี่หยวนจงเซิน บิดาข้าพเจ้าเป็นถึงสหายขององค์ฮ่องเต้องค์ก่อน มารดาข้าเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ในราชวงศ์เซีย พี่ชายข้าเป็นคหบดีใหญ่ค้าขายกับชาวตะวันตกจนเลื่องลือทั้งแผ่นดิน กับอีแค่ห้าพันตำลึงทองยังนับว่าน้อยไป " นางกล่าวฉะฉานไร้ความหวาดเกรงใดๆ ทำเอาผู้คนเลื่อมใส่ในกำลังขวัญอยู่ไม่น้อย " เจ้าผายลมสุนัขอันใดเด็กน้อย ตระกูลอู่มีบุตรชายเพียงสองคน คนเล็กยังเป็นทารกแบเบาะ ส่วนบุตรคนรองเป็น..เป็น.. " คุณชายหยวนชะงักค้าง พลางจ้องมองนางตาถล่น … " ใช่แล้ว !..เป็นท่านจริงๆ เป็นท่านไม่ผิดเพี้ยนแล้ว " ซินแซเทียนกังกล่าวเสียงสั่นเครือ พร้อมกับคุกเข่าลงต่อหน้านาง ทำเอาขอทานเฒ่าสะดุ้งเฮือก ปล่อยนางหลุดมือด้วยความตกใจ พร้อมเพรียงกับคุณชายหยวนตรงปรี่ชักกระบี่เข้าไปหานาง " เจ้าคือ อู่จ้าว…บุตรคนรองแห่งสกุลอู่ ! "....มันดุ่มเดินเข้าหานาง มุ่งหมายตะปบนางไว้ในอุ้งมือ ทว่าขอทานเฒ่าพลันยื่นมือเข้าขวางไม่ให้มันบรรลุถึง " คุณชายหยวนอย่าเพิ่งบุ่มบ่ามไป สมบัติล้ำค่าเช่นนี้ จะหยิบฉวยง่ายดายได้อย่างไร ? " " ไอ้ขอทานโสโครก !...นี่ค่าจ้างเจ้า !...แล้วรีบไสหัวไป " คุณหยวนตวาดแว้ด พร้อมล้วงอกเสื้อหยิบถุงเงินยื่นส่งให้ " เหมือนจะขาดไปสี่พันห้าร้อยตำลึงทองนะคุณชายหยวน ! " ขอทานซอมซ่อเพียงใช้ไม้เท้าสะกิดถุงเงิน ก่อนจะกล่าววาจายั่วเย้าไปกับรอยยิ้มยียวน " เราตกลงราคากันที่ห้าร้อยตำลึงมิใช่รึ ? " " นั้นมันราคาคุณชายใหญ่ ไม่ใช่เด็กสาวฮ่องเต้สักหน่อย เคี๊ยก เคี๊ยก เคี๊ยก…!" ขอทานเฒ่ากล่าวทั้งที่ไม่เชื่อคำพยากรณ์ แต่มูลค้าที่เพิ่มขึ้นขนาดนี้มีรึมันจะไม่ฉกฉวยไว้ " อย่าไปเสียเวลากับขอทานโฉดนี่เลยพี่หยวน ! " ชายภูมิฐานในชุดแพรสีแดงเข้มที่อยู่ในกลุ่มลูกคหบดี ปรี่เข้ามาพร้อมตวัดกระบี่ปาดเข้าใส่ ทว่าขอทานเฒ่าผู้เจนโลก ไหนเลยจะเสียทีให้เพลงกระบี่อ่อนด้อยนี้ได้…มันเพียงโยกไหล่หลบ กระบี่ของชายชุดแพรก็เบียงเบนไม่ถูกกาย ซ้ำมันยังส่งแรงหมัดพวยพุ่งใส่เข้าที่ชายโครง จนชายชุดแพรเสถลาลงไปกระแทกพื้น " เจ้าโสโครก !...กล้าลงไม้ลงมืออย่างนั้นรึ ! " คุณชายหยวนร้องกร้าว พร้อมตวัดกระบี่ถาโถมใส่ เช่นเดียวกับชายสำอางค์สิบกว่านายรอบข้าง ได้ชักกระบี่พุ่งเข้าหา โดยเหล่าขอทานทั้งหมดต่างหวดไม้เท้าเข้าปะทะอย่างดุดัน กระบี่กับไม้เท้าโรมรันพันตูดั่งพายุคะนองคลั่ง แม้ฝ่ายบุตรพ่อค้าจะมีฝีมืออ่อนด้อยกว่า แต่จำนวนคนที่มากกว่าขอทานเท่าตัว ทำให้การต่อสู้เป็นไปอย่างคู่คี่ก้ำกึ่ง คุณชายหยวนที่ร่ำเรียนวิชากระบี่มาสิบกว่าปี ใช้ท่วงท่าได้กล้าแกร่งกว่าใคร มันใช้เพลงอาวุธสังหารรุกไล่ขอทานเฒ่าอย่างบ้าคลั่ง จนขอทานเจ้าเล่ห์ยังรู้สึกแตกตื่นอยู่ไม่น้อย มันได้แต่ปัดป่ายไม้เท้าตั้งรับเป็นพัลวัล ฝุ่นตลบคละคลุ้งราวกับฝูงสัตว์ร้ายโจนเขี้ยวเล็บเข้าแลกชีวิต จนไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นเด็กสาวค่อยๆถอยห่างจากกลุ่มพวกมันไปทุกขณะ แต่แล้วนางกลับต้องสะดุ้งตัวโยน เมื่อถูกมือเหี่ยวย่นคว้าเข้าที่ข้อมือนาง… " อย่าได้กลับทางเดิมแม่หนู จงมุ่งไปทางตะวันออก หมู่เมฆในฤดูใบไม้ผลิร่วมกับฤดูใบไม้ร่วงจะช่วยเกื้อกูลเจ้า ! "...ซินแซเทียนกังกล่าวแปลกประหลาด พร้อมหยิบยื่นกริชโค้งสั้นของชาวเปอร์เซียส่งถึงมือนาง " รับไปเถิด รับไป เจ้าต้องใช้มันพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน อย่างที่ผู้ใดก็ไม่กล้ากระทำ ! " คำกล่าวสุดท้ายของซินแซทำใจนางระรัวเร้าไม่เป็นศัพธ์ ผนวกกับแววตาลุ่มลึกของเฒ่าชรา ทำเอานางกระอักกระอ่วนไม่กล้าถามไถ่อันใด ดรุณีน้อยรีบรับกริชสั้นแล้วออกวิ่งไปตามดวงตะวันสุดกำลัง " ทรงพระเจริญหมื่นๆปี หมื่นๆปี…" เสียงซินแซเฒ่าตะโกนไล่หลัง สะท้อนสะท้านใจเด็กสาวให้หวั้นไหวไปกับอนาคตสุดประมาณ…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD