SOMETIME 13
****************************
ตอนนี้ฉันมาเรียนตามปกติเหมือนเดิมแล้วนะ หลังจากที่ลาไปสามวันเพื่อให้รอยแดงมันจางลง แต่ก็ยังหลงเหลือแผลที่ขาอยู่บ้าง
ฉันกับเหมยมานั่งกินข้าวที่โรงอาหารเพราะตอนบ่ายเรามีเรียนต่อ ที่จริงเรื่อแผลเหมยก็ถามนะว่าฉันไปโดนอะไรเลยโหกไปว่าโดนลวดเกี่ยวเอาแต่ก็รู้แหละว่ายังไงเหมยก็ไม่เชื่ออยู่ดี
ฉันมันเป็นคนที่โกหกไม่เนียน แต่มันก็ไม่ได้ถามอะไรต่อคงรู้ว่าฉันไม่อยากพูดเรื่องแผลที่อยู่บนตัวตัวเอง
ลืมบอกไปว่าหลังจากวันที่พี่แทนมาดูแลฉันหลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้มาหาฉันอีกเลย ไม่ได้ติดต่อกลับมา ไม่ได้กลับเข้ามาที่ห้อง ไม่ได้มาหาฉันที่คณะ
เขาทำเหมือนฉันไม่ได้มีความสำคัญกับชีวิตของเขาแล้ว และฉันเองก็ไม่ได้ติดต่อไปหาเขาด้วย
ถ้าเขาอยากกลับมาเขาก็คงกลับมานานแล้ว แต่นี่เขาเล่นหายไปหลายวันคงติดใจอย่างอื่นจนไม่อยากกลับมาแล้วก็ได้มั้ง
เห็นถึงความใจร้ายของเขาแล้วหรือยัง ต่อให้เขาจะบอกรักฉันเสียงดังยังไง หรือบอกว่าฉันคือตัวจริงของเขามันก็ไม่ได้ทำให้ฉันมีความสุขขึ้นมาหรอก
ถ้าต้องให้เลือกระหว่างตัวจริงกับชั่วคราว ฉันก็อยากจะเลือกเป็นผู้หญิงชั่วคราวของเขานะเพราะผู้หญิงพวกนั้นได้อยู่กับเขาทั้งวันทั้งคืน ได้ความรักจากเขา และได้เวลาของเขาไปจนหมด
แต่กับฉันไม่ได้อะไรจากเขาเลยนอกจากความเจ็บที่เขามีให้ฉันมาตลอดหลายเดือนที่เราคบกันมา
“คิดมากเรื่องพี่แทนใช่มั้ยหวาน?” เหมยถามขึ้นเมื่อเห็นว่าฉันไม่ยอมตักข้าวเข้าปากเอาแต่เขี่ยข้าวในจานไปมา
ฉันกินอะไรไม่ลงหรอก ใครจะไปกินลงในเมื่อแฟนตัวเองหายตัวไปแบบนี้จะโทรมาหาฉันสักนิดก็ไม่มี หรือเขาคิดว่าฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะหวงเขาอย่างนั้นเหรอ
รู้มั้ยว่าการที่เขาทำแบบนี้มันทำให็ฉันเจ็บมากนะ ถึงแม้ว่าจะบอกตัวเองไม่ให้รู้สึกอะไรแต่มันก็ทำไม่ได้หรอก
“ไม่มีไรหรอก” ฉันฝืนยิ้มให้เพื่อนก่อนจะหลบสายตาของอีกฝ่ายที่มองฉันอย่างจับผิด
เหมยไม่ชอบพี่แทนอย่างกับอะไรดีถ้าฉันเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เธอฟังเธอจะต้องบังคับให้ฉันเลิกกับพี่แทนแน่ๆ
และมันก็เป็นเรื่องที่ฉันทำไม่ได้ด้วย ฉันเลิกกับเขาไม่ได้ต่อให้ตัวเองจะอยากเลิกมากแค่ไหนก็ตาม
ทุกคนก็คงจะบอกว่าฉันโง่มากแค่เดินออกมามันยากตรงไหน ก็ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นมันก็สามารถเดินออกมาโดยไม่ต้องคิดอะไรหรอก แต่สำหรับผู้ชายอย่างพี่แทนทำไม่ได้จริง
“เมื่อไหร่แกจะตาสว่างสักทีนะหวาน พี่แทนแม่งไม่ใช่คนดีอะไรเลยนะเว้ย แล้วแกก็จะทนเจ็บปวดแบบนี้เหรอ”
ใครบอกว่าฉันอยากจะอยู่ในสภาพแบบนี้ แต่ในเมื่อสถานการณ์มันบีบบังคับให้ฉันต้องทำแบบนี้ ฉันก็คงต้องทนต่อไปในเมื่อฉันไม่สามารถหนีเขาไปไหนได้
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ฉันก็คงจะไม่ยอมให้เรื่องนั้นมันเกิดขึ้นกับฉันอย่างแน่นอน
เพราะความเชื่อใจและไว้ใจทำให้ฉันต้องมามีสภาพเป็นแบบนี้ ไม่ตายก็เหมือนตายทั้งเป็น หายใจอยู่ก็เหมือนโรยรินลงไปทุกที
ฉันเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะทนได้อีกนานแค่ไหน ฉันก็ได้แต่ภาวนาขอให้พี่แทนปล่อยฉันไปสักที
ที่จริงการที่เขาหายไปแล้วไม่ต้องกลับมาอีกมันก็น่าจะเป็นผลดีกับฉันเหมือนกันนะ ให้เขาไปแล้วไปลับไม่ต้องกลับเข้ามาในชีวิตฉันอีก
“ฉันมีความสุขดีนะเหมย”
โกหกไปงั้น หากใครได้มาเป็นฉันจะรู้เลยว่ามันยิ่งกว่าคำว่าตกนรกทั้งเป็น ความรู้สึกของฉันตอนนี้มันด้านชาจนไม่มีใครสามารถมาทำให้มันเจ็บได้อีกแล้ว
ฉันเฉยชากับสิ่งที่เป็นอยู่แล้วล่ะ ไม่ว่าพี่แทนจะทำอะไรหรือไปมีอะไรกับคนอื่นฉันก็ไม่ได้รู้สึกอะไรอีกแล้ว เพราะฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปห้ามในสิ่งที่เขาทำ
ตอนนี้ฉันก็เหมือนของตายของเขาเท่านั้น ถ้าเขาคิดถึงเขาก็กลับมา พอเบื่อก็พร้อมที่จะทิ้งไปได้ทุกเมื่อ
และมันก็เป็นแบบนี้มาตลอดจนฉันเริ่มชินถึงแม้จะไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาชินเลยก็ตาม
“พี่แทนก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรขนาดนั้นหรอก เขาเองก็มีส่วนดีเหมือนกันนะเหมย”
“ตรงไหนที่ว่าดี?”
เหมยสวนกลับทันที เหมือนว่าที่ผ่านมาพี่แทนจะไม่เคยทำดีให้มันเห็นเลยสักอย่างมันก็เลยมองว่าพี่แทนเป็นคนไม่ดีที่คอยแต่จะทำร้ายฉันให้ต้องเจ็บ
“...” ฉันเงียบ
ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่แทนมีส่วนดีตรงไหนบ้าง เพราะที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยทำให้ฉันได้รับรู้ถึงส่วนดีของเขาเลย
ช่างเถอะ! เขาจะเป็นยังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องของฉันเพราะฉันคิดว่าฉันคงจะอยู่กับเขาได้อีกไม่นาน มันจะต้องมีวันที่ฉันได้ไปจากเขาแน่นอน
หลังจากเรียนเสร็จฉันก็แยกกับเหมยเพื่อที่จะกลับคอนโด แต่แล้วฉันก็นึกได้ว่าตัวเองจะต้องกลับไปอยู่คนเดียวมันก็ทำให้ฉันไม่อยากกลับ
ฉันเลือกที่จะไปดูหนังคนเดียว ตอนนี้ฉันสามารถทำอะไรเองได้คนเดียวแล้วนะ ไม่ว่าจะดูหนัง กินข้าว เดินเล่น ฉันสามารถอยู่ได้โดยไม่มีพี่แทน
พอซื้อตั๋วหนังเสร็จฉันก็มานั่งรอเพื่อให้ถึงเวลา อีกครึ่งชั่วโมงหนังถึงจะฉาย ล็อบบี้ที่ฉันนั่งรอมีชายหญิงคู่หนึ่งนั่งคุยกันน่ารักมาก ทำให้ฉันเผลอยิ้มให้กับความน่ารักของพวกเขา
เมื่อก่อนฉันกับพี่แทนก็เคยเป็นแบบนี้เหมือนกัน พี่แทนจะชอบมานั่งรอฉันที่คณะจนกว่าฉันจะเลิก
หลังจากนั้นเราก็ไปกินข้าว ดูหนัง และเขาก็ไปส่งฉันที่หอพัก และมันก็กลายเป็นกิจวัตรประจำวันของเขาไปแล้ว
น่าเสียดายที่ตอนนี้มันไม่มีแบบนั้นอีกแล้ว เขากลายเป็นความว่างเปล่าของฉัน กลายเป็นคนที่ฉันคิดว่าไม่มีเขาอยู่ก็ได้
น่าแปลกที่ฉันไม่ได้โหยหาความรักจากเขาเลยหลังจากที่เขาได้มอบความรักของเขาให้คนอื่น
ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันก็คงเสียใจมากกับสิ่งที่เขาทำ และคงนั่งร้องไห้จะเป็นจะตายเหมือนคนบ้าที่ขาดเขาไม่ได้
แต่คนเราไม่สามารถอยู่กับสิ่งเหล่านั้นไปได้ตลอดหรอกนะ ฉันมีจุดอ่อนแอได้และฉันก็มีจุดเข้มแข็งได้เหมือนกัน
ฉันคิดว่าตัวเองเข้มแข็งมากเลยนะที่เจอเรื่องแบบนี้แต่ก็ยังคงอยู่กับมันเหมือนว่าสิ่งเลวร้ายพวกนั้นเป็นเพื่อนที่คอยอยู่ข้างๆ ฉันไม่หายไปไหน มันจะหายไปก็ต่อเมื่อพี่แทนปล่อยฉันให้เป็นอิสระจากเขา
“หวาน”
ฉันเงยหน้ามองคนที่มาเรียกก็เห็นว่าเป็นพี่อาร์ น่าแปลกที่เราเจอกันโดยบังเอิญอีกแล้ว นี่เขาก็มาดูหนังเหมือนกันเหรอเนี่ย
พี่อาร์นั่งลงตรงข้ามฉันเขาก้มมองตั๋วหนังที่อยู่ในมือฉันก่อนจะเอ่ยถาม
“พี่ชอบดูหนังเรื่องนี้น่ะ หวานนั่งอยู่แถวไหนคะ?”
“พี่อาร์จะมานั่งดูกับหวานเหรอคะ?”
คนตรงหน้าพยักหน้า ฉันก็เลยยื่นตั๋วหนังให้เขาดู แล้วเขาก็เดินไปซื้อตั๋วก่อนจะกลับมานั่งกับฉัน คิดว่าตัวเองจะได้ดูหนังคนเดียวซะแล้ว
พอมองหน้าพี่อาร์ในระยะใกล้ๆ แบบนี้ มันก็ทำให้นึกถึงเรื่องที่พี่แทนเคยทำร้ายฉันเพราะเรื่องพี่อาร์เมื่อหลายวันก่อน
เขาบอกว่าไม่ชอบให้ฉันทำอะไรลับหลังเขา และไม่ชอบให้ฉันอยู่ใกล้ผู้ชายคนไหน
แต่แล้วยังไงอ่ะ ฉันกับพี่อาร์เราเป็นแค่รุ่นพี่รุ่นน้องกันเท่านั้น ฉันไม่ได้ทำอะไรลับหลังเขาด้วย มีแต่เขาต่างหากที่ทำอะไรไม่ให้เกียรติฉัน
ไลน์!
เสียงข้อความไลน์มือถือฉันดังขึ้น ฉันหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าก่อนจะเปิดอ่านแล้วพบว่ามันเป็นข้อความไลน์ของพี่แทนที่ส่งมาหาฉัน
ฉันตกใจมากที่เห็นว่าเขาเป็นคนส่งข้อความมา เพราะหลายวันมานี้เขาหายหน้าไปเลย ไม่แม้แต่จะติดต่อกลับมา หน้าเขาฉันก็ไม่ได้เห็น
ได้ยินแค่ข่าวของเขาจากปากของเพื่อนๆ เท่านั้นว่าเขามัวไปติดพันกับรุ่นน้องปีหนึ่งคณะบริหารศาสตร์อยู่ แต่สิ่งที่น่าตกใจกว่าชื่อไลน์พี่แทนก็คือสิ่งที่เขาส่งเข้ามา
TAN_TANA : TAN_TANA ได้ส่งรูปภาพถึงคุณ