SOMETIME 16
******************************
หนึ่งเดือนต่อมา
“รอนานมั้ยคะพี่อาร์?” ฉันวิ่งมาหาพี่อาร์ที่นั่งรอฉันอยู่ที่ล็อบบี้คอนโด
วันนี้เรามีนัดที่จะไปงานหนังสือด้วยกัน ฉันเป็นคนขอร้องให้พี่อาร์มารับฉันเองแหละเพราะว่าเขาจะต้องไปแจกลายเช็นต์ให้กับนักอ่านทุกคนที่งาน และฉันก็อาสาไปเป็นผู้ช่วยเขา
พี่อาร์เงยหน้ามามองฉันก่อนจะนิ่งไปเขากวาดสายตามองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะส่งยิ้มมาให้
“แต่งตัวน่ารักนะคะ” หน้าฉันร้อนผ่าวขึ้นมาเมื่อถูกพี่อาร์ชมแบบนี้
ที่จริงมันก็ไม่ได้น่ารักอะไรหรอกก็แค่ชุดเดรสสีชมพูลายดอกแขนตุ๊กตาความยาวเหนือเข่าขึ้นมานิดหน่อยเท่านั้น
อาจจะเป็นเพราะว่าเวลาที่เราเจอกันฉันมักจะอยู่ในชุดนักศึกษามากกว่ามั้ง
“แล้วนี่แทนไม่ได้มาส่งหวานเหรอ?”
พูดถึงพี่แทนแล้วฉันเองก็มีเรื่องอยากจะเล่าให้ฟัง หลังจากที่ฉันออกจากโรงพยาบาลมาได้เกือบอาทิตย์เขาก็คอยดูแลฉันไม่ห่าง
มีบ้างที่เขาออกไปนอนกับผู้หญิงคนอื่นแต่สุดท้ายเขาก็กลับเข้ามาหาฉันเหมือนเดิม คอยโทรถามอาการของฉันทุกสามชั่วโมง ดูเหมือนเป็นห่วงฉันใช่มั้ยแต่ที่จริงแล้วไม่ใช่ เขาไม่ได้ใจดีขนาดนั้นหรอก
พอฉันเริ่มหายดีเขาก็หายไปเป็นอาทิตย์ฉันพยายามติดต่อหาเขาก็ติดต่อไม่ได้ จนมารู้ทีหลังว่าเขาพาผู้หญิงคนอื่นไปเที่ยวที่ต่างจังหวัด
พอฉันถามเขาก็บ่ายเบี่ยงที่จะยอมรับ ฉันก็เลยเลิกถามเขาไป อีกอย่างฉันคิดว่าพี่แทนคงไม่ได้อยากรู้เรื่องของฉันแล้วล่ะ
ก็เพราะเขาไม่ได้ติดต่อมาหาฉันเลยไง ก็คงจะมัวแต่หลงระเริงกับผู้หญิงคนใหม่ของเขาอยู่
เพื่อนฉันหลายคนก็ถามนะว่าทำไมไม่ไปวีนเหวี่ยงผู้หญิงคนใหม่ของพี่แทน ทำไมต้องทำตัวเป็นนางเองอยู่เฉยๆ ให้แฟนตัวเองไปเอากับใครก็ได้
ฉันไม่ใช่นางเอกหรอกนะจะบอกให้ ที่ฉันทำเป็นเฉยก็เพราะตอนนี้มันไม่ได้รู้สึกอะไรแล้วต่างหากล่ะ มันด้านชาไปหมดไม่ว่าจะเป็นความคิดหรือจิตใจ
ถ้าฉันไปต่อว่าหรือไประรานคนที่ต้องเจ็บก็คือฉัน ขอให้ฉันอยู่แบบนี้แล้วไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อนมันสบายใจกว่ากันเยอะนะ ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันเองก็คงรับไม่ได้กับสิ่งที่เขาทำ
แต่ตอนนี้มันว่างเปล่าไปหมด ต่อให้เจ็บแค่ไหนเขาก็ไม่คิดที่จะหยุดหรอก เพราะเขามันเป็นคนใจร้ายไง
ก็อย่างที่ฉันเคยบอกว่าเขาพร้อมที่จะทำร้ายฉันได้ทุกเมื่อถ้าเขาคิดจะทำ
พี่แทนเขาดูแลฉันไม่ได้นานหรอกหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล เขาก็ค่อยๆ หายไปเรื่อยๆ จนทำให้ฉันไม่อยากติดต่อหาเขาอีก
ฉันเริ่มให้ความสำคัญกับเพื่อนๆ มากขึ้น ทำให้ตอนนี้ฉันมีเพื่อนมากขึ้น และเริ่มออกเที่ยวมากขึ้นตอนที่พี่แทนไม่อยู่
ทำให้มีผู้ชายมากหน้าหลายตาเข้ามาติดพันฉันอยู่มาก แต่ฉันเลือกที่จะไม่เล่นด้วยเพราะไม่อยากมีปัญหากับเขา หลายครั้งที่มีคนเข้ามาจีบฉันแล้วถูกพี่แทนจับได้
เขาเลือกที่จะไม่ทำร้ายฉันแต่ตามไปกระทืบผู้ชายที่มาจีบฉันจนต้องหามส่งโรงพยาบาล ฉันเลยไม่อยากเป็นตัวพาหะที่นำพี่แทนไปทำร้ายคนอื่นแบบนั้น
พอเวลามีคนเข้ามาจีบ ฉันมักจะบอกคนพวกนั้นว่าฉันมีแฟนอยู่แล้วพวกเขาก็ล่าถอยไปเอง
ตั้งแต่ที่ฉันกล้าที่จะทำร้ายตัวเองพี่แทนก็ไม่ได้ใช้อารมณ์กับฉันเท่าไหร่ แต่เขาจะใช้อารมณ์กับบุคคลที่สามนั่นก็คือคนที่เข้าใกล้ฉัน
วันนี้พี่แทนไม่อยู่ฉันก็เลยสามารถออกมากับพี่อาร์ได้ พี่อาร์เองก็ไม่อยากมีเรื่องกับพี่แทนเหมือนกัน
เขาบอกว่าต้องให้ฉันขอพี่แทนก่อน เพราะถ้าพี่แทนมารู้ทีหลังอาจจะเกิดเรื่องขึ้นได้
ฉันรู้ว่าถ้าออกมาแบบนี้อาจจะทำให้พี่แทนไม่พอใจแต่ฉันอยากตัดสินใจทำอะไรเองบ้างโดยที่เขาไม่ต้องรับรู้ก็ได้
ฉันก็เลยโกหกพี่อาร์ไปว่าพี่แทนอนุญาตให้ฉันไปได้ เขาก็เลยไม่ได้ติดใจอะไรยอมมารับฉันที่คอนโด
ฉันแค่อยากจะมีเวลาส่วนตัวเป็นของตัวเองบ้าง อยากมีเพื่อนไปไหนมาไหนด้วยกัน
ฉันไม่อยากอยู่คนเดียวที่ห้องเพื่อรอคอยการกลับมาของพี่แทนอย่างเดียว ฉันอยากมีสังคมเหมือนคนอื่นเขาบ้างก็เท่านั้นเอง อีกอย่างฉันก็ไม่ได้ทำผิดหรือนอกใจคนของฉันเลย
“พี่แทนออกไปข้างแล้วค่ะ” ฉันโกหกพี่อาร์
ที่จริงแล้วฉันก็ไม่รู้หรอกว่าตอนนี้พี่แทนอยู่ไหน ไลน์ไปเขาอ่านแต่ก็ไม่ตอบกลับมา โทรหาเขาก็ไม่รับแถมยังปิดเครื่องใส่อีกต่างหาก
นี่ก็ไม่รู้ว่าเขาทำอะไรอยู่ ดูเหมือนว่าตอนนี้ฉันไม่ใช่แฟนของเขายังไงยังงั้น
อ้อ! แหวนที่พี่แทนให้ฉันตอนนี้ฉันไม่ได้ใส่มันไว้หรอกนะ อย่างที่บอกว่ามันไม่ได้มีความหมายอะไรกับฉันเลย
หลังจากเสร็จจากงานหนังสือพี่อาร์ก็พาฉันมากินข้าวร้านประจำของเรา ที่ต้องบอกว่าร้านประจำเป็นเพราะว่าเวลาที่ฉันต้องการให้เขาเป็นที่ปรึกษาเรื่องงานเรามักจะนัดกันที่ร้านนี้เป็นประจำ
การออกมาเที่ยวในวันหยุดแบบนี้ไม่ต้องอยู่ที่ห้องคนเดียวมันทำให้ฉันยิ้มออกมาได้
วันนี้เป็นวันหยุดทำให้ร้านเต็มไปด้วยผู้คนเยอะแยะเต็มไปหมด เราเลยเลือกที่จะมานั่งกินนอกร้านแทน วันนี้ฉันสนุกมากที่ได้ไปงานหนังสือกับพี่อาร์
ได้เจอนักเขียนที่ฉันชื่นชอบอยู่หลายคน และยังได้เห็นมุมน่ารักๆ ของพี่อาร์ที่มีให้กับแฟนคลับของเขาด้วย
เขาเป็นคนยิ้มเก่งและใส่ใจทุกคนเท่าๆ กัน แถมยังมีของมาแจกแฟนคลับด้วยนะ เห็นแล้วก็อยากสมัครเป็นแฟนคลับเขาตอนนี้เลย
“ยิ้มได้แล้วนี่”
พี่อาร์พูดแซวขึ้นมา ก็คงจะจริงที่วันนี้ฉันยิ้มได้แล้ว เพราะหลายวันมานี่ฉันแทบไม่มีรอยยิ้มให้กับใครเลย ก็อยากยิ้มนะแต่มันยิ้มไม่ออกจริงๆ
คนที่มันไม่มีความสุขจะให้ยิ้มหรือหัวเราะเหมือนคนทั่วไปได้ยังไงล่ะ แต่วันนี้มันเป็นวันที่ฉันสนุกและคิดว่ามันจะเป็นวันที่ฉันจดจำมันได้ดีวันหนึ่งเลยล่ะ ถึงแม้ว่าคนที่อยู่ข้างฉันวันนี้จะไม่ใช่พี่แทนก็ตาม
“หวานยิ้มแล้วน่ารักนะคะ แต่ทำไมถึงไม่ชอบยิ้ม?” คนตรงหน้ามองหน้าฉันแล้วเอ่ยถามขึ้นมา
“หวานก็ยิ้มตลอดนี่คะ”
ฉันหลบสายตาพี่อาร์เพราะไม่กล้าสู้สายตาของเขาที่มองมาที่ฉัน ที่บอกว่ายิ้มมันเป็นการฝืนยิ้มทั้งนั้นแหละ
ฉันไม่ได้อยากจะยิ้มมันเลยสักนิด แต่วันนี้เป็นวันที่ฉันยิ้มด้วยความสุขเปี่ยมล้นไปด้วยกำลังใจ แค่ได้อยู่ล้อมรอบผู้คนที่ฉันชื่นชอบมากมายฉันก็มีความสุขมากแล้ว
“มีเรื่องอะไรทุกข์ใจบอกพี่ได้นะคะ พี่อาจจะช่วยไรหวานไม่ได้แต่พี่ก็ยินดีเป็นที่ระบายของหวานได้นะ”
พี่อาร์เอื้อมมือมากุมมือฉันเอาไว้เหมือนเขาอยากจะปลอบใจฉัน เขาเองก็คงรู้ว่าตอนนี้ฉันไม่สบายใจเรื่องของพี่แทนแต่เขาเลือกที่จะไม่พูดมันออกมา พี่อาร์เป็นสุภาพบุรุษมากพอที่จะไม่เข้ามายุ่งเรื่องส่วนตัวของคนอื่น
“คิดซะว่าพี่เป็นพี่ชายคนหนึ่งของหวานสิ”
“ขอบคุณนะคะพี่อาร์”
ฉันยิ้มให้คนตรงหน้าน้ำตาคลอด้วยความดีใจที่อย่างน้อยก็ยังมีคนดีๆ ที่อยู่ข้างฉันคอยให้กำลังใจฉันแบบนี้
พี่อาร์เป็นเหมือนพี่ชายที่แสนดีของฉันเลยล่ะ บางทีเขาเองก็อยากได้น้องสาวอย่างฉันก็ได้
จู่ๆ หัวใจฉันก็เต้นแรงขึ้นมาซะอย่างนั้นเมื่อพี่อาร์ลูบหลังมือฉันอย่างอ่อนโยน การกระทำที่แสนนุ่มนวลและอบอุ่นนี้ฉันไม่เคยได้จากพี่แทนเลย ทั้งที่ฉันโหยหามาตลอด
“นิยายของพี่นางเอกไม่จำเป็นต้องคู่กับพระเอกเสมอไปหรอกนะ หากว่าพระเอกทำให้นางเอกต้องเสียใจ” ฉันมองหน้าพี่อาร์ด้วยความรู้สึกที่สับสน
ฉันไม่รู้ว่าเขาต้องการที่จะสื่ออะไรกับฉัน เขาคงไม่ได้หมายความให้ฉันเลิกกับพี่แทนหรอกใช่มั้ย
“อยากลองเป็นนางเอกของพี่ดูมั้ยล่ะ?”
“คะ?”
ฉันตกใจมากกับประโยคที่พี่อาร์พูดเมื่อกี้ พอเห็นว่าฉันตกใจพี่อาร์ก็เอื้อมมือมาขยี้ผมฉันอย่างหมั่นเขี้ยวทำให้ผมฉันยุ่งเหยิงไปหมด
ก็เขาพูดให้ฉันตกใจนี่ ทั้งที่เมื่อก่อนเขาไม่เคยพูดอะไรแบบนี้มาก่อนเลย
“พี่หมายถึงนางเอกนิยายค่ะ อยากลองเข้าไปอยู่ในโลกจินตนาการบ้างมั้ย?”
พี่อาร์หัวเราะเสียงดังเหมือนดีใจที่ได้แกล้งฉันให้ตกใจได้แบบนี้ ฉันทำหน้ามุ่ยใส่คนตรงหน้าก่อนจะก้มกินอาหารต่อโดยไม่สนใจคนตรงหน้าที่กำลังมองมาที่ฉันด้วยรอยยิ้มที่แสนใจดี เพราะพี่อาร์เป็นแบบนี้ไงถึงมีแต่คนรักเขามากมายขนาดนี้
“บางทีการที่เราอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงมันก็โหดร้ายเกินไปสำหรับใครหลายคน พี่มักจะบอกน้องๆ ที่มาปรึกษาพี่เสมอว่าการที่เราหลุดเข้าไปในโลกแห่งจินตนาการมันไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันแต่มันคือความสุขอย่างหนึ่งที่เราจะได้รับ ถึงแม้มันจะไม่ใช่เรื่องจริงแต่มันก็ทำให้เรามีความสุขกับมันได้”
“...” ฉันก็คิดเหมือนกับพี่อาร์เหมือนกัน
ที่ฉันไม่ร้องไห้ที่พี่แทนไปหาผู้หญิงคนอื่นเป็นเพราะว่าฉันจินตนาการว่าพี่แทนไม่ได้ไปไหน เขายังอยู่กับฉันที่นี่ ทั้งที่ก็รู้ว่ามันไม่ใช่อย่างที่ฉันคิดจินตนาการเลย
แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ฉันไม่คิดฟุ้งซ่าน