เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นจากทางด้านขวาหน้าบันไดทำให้ก๋วยเตี๋ยวรีบหันหน้าที่เปื้อนด้วยคาบน้ำตาไปมอง เธอฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจที่เห็นเนมาร์กำลังเดินเข้ามาช่วย ก่อนร่างของเธอนั้นจะถูกปล่อยลงกับพื้นในนาทีต่อมา
ตุ้บ!
"อึก!..คุณ" เด็กสาวรีบวิ่งไปหลบหลังเขาด้วยอาการสั่นเทา น้ำตาบนใบหน้าหวานค่อยๆหยุดไหล มือเล็กทั้งสองข้างกำเสื้อเชิ้ตนักศึกษาสีขาวแน่นราวกับกลัวจะโดนทิ้ง ทว่ามือหนาเอื้อมไปคว้าแขนเรียวข้างหนึ่งที่กำเสื้อตนอยู่ด้านหลังมากอดเอวไว้ แล้วเดินตรงดิ่งไปหาชายวัยกลางคนที่ยืนเสยผมอยู่ตรงหน้าไม่กี่ก้าว
"มึงคิดจะทำอะไรคนของกู" เนมาร์เอ่ยถามเสียงแข็ง
"หึ! เป็นเด็กพูดมึงกูกับผู้ใหญ่ ไม่ก้าวร้าวไปหน่อยเหรอ?" ชายหนุ่มคนนั้นไม่ตอบคำถามเนมาร์แต่กลับยิ้มมุมปากเล็กน้อย แล้วถามกลับแทนพลางยืนฝ่ามือออกไปเพื่อทักทายเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันกับลูกชายเขา ก่อนจะพูดแนะนำตัว "ผมชื่อพิรุธ เพิ่งเคยมาใช้บริการที่นี่ของคุณเนมาร์ครั้งแรก"
"กูไม่ได้อยากรู้จักมึง กูถามว่ามึงคิดจะทำอะไรคนของกู" เนมาร์ยกฝ่ามือขึ้นมาปัดมือสากของคนตรงหน้าออกอย่างไม่ไยดี ดวงตาคมกริบจ้องมองพิรุธอย่างเดือนดาลพร้อมกับกำมัดแน่น
"เด็กคุณมันมายั่ว ผมก็เลยจะสนองความต้องการให้แค่นั้นเอง ไม่มีอะไรหรอก" พิรุธเหลือบมองก๋วยเตี๋ยว แล้วยิ้มมุมปากอีกครั้ง ทำเอาคนโดนมองหัวใจกระตุกวูบรีบหลบสายตา ซุกหน้าลงไปบนหลังแกร่ง เธออยากไปจากตรงนี้ใจแทบขาด ไม่อยากเห็นหน้าของคนที่มันคิดจะทำมิดีมิร้ายกับเธออีกแล้ว
"คุณ" ก๋วยเตี๋ยวส่ายหน้าไปมา พร้อมกับกระตุกเสื้อของเนมาร์หลายครั้งเชิงบอกว่าเธอไม่ได้ทำอย่างที่พิรุธกล่าวหา
"แน่ใจเหรอว่าเด็กกูยั่ว กูให้มึงพูดใหม่อีกรอบ" คิดจะมาโกหกคนอย่างเขาอะยาก ความจริงเขารู้อยู่แล้วว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นมายังไง ที่ถามออกไปแค่อยากจะฟังความจริงจากปากอีกฝ่ายเท่านั้น
ก่อนที่เขาจะลงมาชั้นสองได้เปิดดูกล้องวงจรปิดในห้องทำงานเพื่อตามหาเด็กสาว จนรู้ว่าเธอกำลังโดนลวนลามอยู่จึงรีบวิ่งลงไปช่วย
"....." พิรุธกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เมื่อเห็นเด็กหนุ่มควักปืนพกสั้นออกมาจากข้างเอว แล้วควงเล่นต่อหน้า เขายืนครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนบอกความจริงออกไป เพราะเห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่ค่อยจะดี ยังไม่อยากตายตอนนี้ "หะ..เห็นเด็กมันน่ารักดี ผมชอบเลยเข้าไปขอซื้อ แต่เด็กไม่ขายผมเลย.."
"ขืนใจ?" เนมาร์เอ่ยแทรกขึ้นอย่างฉุนเฉียวระหว่างที่อีกฝ่ายกำลังพูดประโยคสุดท้าย ก่อนจะเสียบปืนพกลงไว้ที่เดิมพร้อมแกะแขนเรียวกับมือของเด็กสาวออกจากเอวและเสื้อด้านหลัง แล้วเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อพิรุธแน่นเพื่อรอคำตอบ ทำเอาคนโดนกระชากตกใจไม่น้อยกับการกระทำที่โผงผางของอีกคน
"ครับ ปล่อยผมก่อนดีกว่า..เสื้อยับหมดแล้ว แค่เด็กแม่บ้านคนเดียวเองคุณเนมาร์ไม่จำเป็นต้องโมโหขนาดนี้ก็ได้มั่ง"
ผัวะ!
"อั่ก!" ใบหน้าคมคายหันไปตามแรงกระแทกของมัดหนักๆหลังพูดจบประโยคเพราะไม่ทันตั้งตัว พิรุธรีบยกมือขึ้นมาเช็ดเลือดออกจากมุมปากลวกๆ แล้วหันหน้ากลับมาอย่างงุนงงว่าตัวเองพูดอะไรผิด
ก๋วยเตี๋ยวที่ยืนตัวสั่นเทาอยู่ด้านหลังเบิกตาโพลงด้วยความตกใจกับการกระทำของเนมาร์ เธอไม่เคยเห็นเขาโมโหหนักขนาดนี้มากก่อน หนักกว่าตอนที่ปกป้องเธอครั้งแรกเสียอีก
"เด็กแม่บ้านคนเดียวก็จริง แต่นี่มันคนของกู ใครหน้าไหนก็ห้ามยุ่ง" ว่าจบมือหนาก็ล้วงหยิบปืนพกสั้นเก็บเสียงออกมาจากเอวอีกครั้ง จ่อไปที่ขมับซ้ายของคนในอุ้งมือ
"ยะ..อย่าทำผม ผมไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นเป็นคนของคุณเนมาร์" มือสากยกขึ้นมาประนมวิงวอนคนตรงหน้าให้ไว้ชีวิต
ปัง! ปัง!
เสียงปืนลั่นใส่ขมับของพิรุธทันทีสองนัดรวดเมื่อพูดจบประโยค คำวิงวอนของชายหนุ่มวัยกลางคนไม่ได้ทำให้คนเลือดเย็นอย่างเนมาร์สงสารเลยแม้แต่น้อย ใครที่กล้ามายุ่งกับคนของเขามันต้องตายสถานเดียว
มือหนาคลายออกจากคอเสื้อของคนตรงหน้า ก่อนร่างพิรุธจะร่วงลงไปกองกับพื้น ขณะที่ก๋วยเตี๋ยวทรุดตัวลงไปนั่งกอดเข่าบนพื้นราวกับคนจิตตกที่ได้เห็นคนตายต่อหน้าต่อตา
"ฮึก! ฮือออออ" น้ำตาที่เพิ่งแห้งผากไปไม่นานไหลลงมาอาบแก้มนวลอีกครั้ง เพราะความตกใจกับสิ่งที่เนมาร์ทำ
ชายหนุ่มรีบหมุนตัวเดินกลับมาหาเด็กสาวทันทีที่ได้ยินเสียงร้องไห้ "ร้องไห้ทำไม เธอไม่เป็นอะไรแล้วนะ" เขาโน้มตัวลงไปประคองเธอขึ้นมาทั้งมือหนาลูบศีรษะทุยเบาๆเชิงปลอบขวัญ ก่อนประคองเดินขึ้นไปยังห้องทำงานด้านบนโดยไม่พูดอะไรต่อ
"ฮือ!" ก๋วยเตี๋ยวเอาแต่ร้องไห้ พลางคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด ถ้าเธอไม่รับโอทีเรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น แล้วก็ไม่มีใครต้องมาตาย
ระหว่างทางที่เขาประคองเธอเดินมายังห้องทำงานได้สวนกับทิมที่เพิ่งลงมาจากด้านบนตรงบันไดเลื่อน เนมาร์หยุดชะงัก พร้อมกับทิมที่จ้องมองคนในอ้อมแขนแกร่งของเจ้านายไม่วางตา ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นอย่างเป็นห่วงเป็นใยในนาทีต่อมา
"นายเกิดอะไรขึ้น ก๋วยเตี๋ยวเป็นอะไรร้องไห้ทำไม"
"เกิดเรื่องนิดหน่อย มึงไปจัดการเก็บศพที่ชั้นสองด้วย แล้วก็ไปหาจ้างคนมาเดินตรวจดูความเรียบร้อยตลอด24ชั่วโมงทุกชั้น" เนมาร์ออกคำสั่งกับลูกน้องเสียงเรียบ แล้วประคองเธอเดินต่อทั้งที่ทิมยังไม่ได้ตอบรับคำแต่อย่างใด
แกร๊ก!
บานประตูถูกเลื่อนเปิดด้วยฝ่ามือหนาของชายหนุ่ม ใบหน้าหล่อเหลาก้มมองคนในอ้อมแขนที่ยังสั่นเทาอยู่เพียงนิด ก่อนจะพาไปนั่งลงบนโซฟาภายในห้องทำงาน ไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่เปิดคาไว้แผ่ลงมาบนผิวกายขาวเนียนของเด็กสาวจนเธอรู้สึกเย็น แขนเรียวค่อยๆตวัดขึ้นมากอดตัวเองแน่น เนมาร์เมื่อเห็นอย่างนั้นก็รีบหมุนตัวเดินไปคว้าหยิบเสื้อโค้ทที่พาดคลุมอยู่บนหัวเก้าอี้โต๊ะทำงาน มาคลุมไปบนเรือนร่างด้านหน้าของเธอทันที
ความเงียบปกคลุมภายในห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ได้ยินแต่เสียงเครื่องปรับอากาศและเสียงสะอึกสะอื้นของเด็กสาว เนมาร์ถอนหายใจเบาๆ พลางหมุนตัวเดินกลับไปหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวนั้นโดยไม่พูดหรือเอ่ยอะไรออกมาสักคำ เขารู้ว่าตอนนี้เธอกำลังจิตตกและตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลยอยากปล่อยให้เธออยู่กับความคิดเงียบๆคนเดียวไปก่อน ยังไม่อยากพูดหรือถามอะไรออกไป ถึงแม้ว่าจะเป็นห่วงมากแค่ไหนก็ตาม
ผ่านไปสักพักก๋วยเตี๋ยวเริ่มตั้งสติได้ว่าสิ่งที่ชายหนุ่มทำลงไปเพราะช่วยตน เงยหน้าไปมองเขาหลังจากก้มร้องไห้อยู่นาน ก่อนจะยกฝ่ามือเล็กขึ้นมาปาดน้ำตาออกจากแก้มนวลทั้งสองข้างลวกๆ
"ฮึก! ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยหนู" แม่บ้านเด็กสาวที่ยังสะอึกสะอื้นประนมมือขอบคุณคนตรงหน้า ถ้าเกิดเขาไม่ผ่านเข้ามาได้ยินป่านนี้ชีวิตเธออาจจะพังไปแล้วก็ได้
"อืม ต่อไปนี้ไม่ต้องมาทำงานที่นี่แล้วนะ ฉันจะ..." ชายหนุ่มพยักหน้ารับพร้อมกับพูดบอกขึ้น แต่ยังไม่ทันจะพูดจบประโยคก็ถูกแม่บ้านเด็กสาวถามขัดเสียก่อน
"มะ..หมายความว่าไงคุณจะไล่หนูออกเหรอ คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ ถ้าไล่หนูออกแล้วหนูจะเอาเงินที่ไหนมาซื้อข้าวกินล่ะคะ แถมยังต้องจ่ายค่าน้ำค่าไฟอีก"
"ฟังให้จบก่อนสิวะ ฉันจะให้เธอไปทำงานที่คอนโดฉันแทน" เขาไม่อยากปล่อยให้เธอทำงานอยู่ที่นี่แล้วเพราะเขาไม่ได้ว่างเข้ามาบ่อย กลัวว่าถ้าเธอยังทำงานอยู่อาจจะเจอเหตุการณ์แบบวันนี้ขึ้นอีกก็ได้ ถึงจะจ้างคนมาเดินตรวจแล้วก็ตามยังไงเขาก็ไม่ไว้ใจใครอยู่ดี ถ้าเกิดวันนี้เขามาช่วยไว้ไม่ทันเธอจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้
---------------------------------------