“หลินไม่ได้ทำผิดนะพี่สม คนที่ผิดคือคนนี้ต่างหาก หลินไม่เข้าใจว่าร้านจะเดือดร้อนอะไร เพราะคนที่ถูกกระทำคือพนักงานในร้าน คนที่พี่สมต้องปกป้องไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่เอะอะอะไรก็เข้าข้างลูกค้าท่าเดียว ไม่มองดูเหตุผลบ้างเลย หลินรู้ว่า ลูกค้าคือพระเจ้า แต่หลินก็ไม่ได้เคารพพระเจ้าทุกองค์นะพี่ พี่สมต้องแยกแยะนะ” เกวลินสวดใส่สมสมรอีกคน ก่อนจะเงยหน้ามองรัฐรวิศ “ฉันไม่ขออะไรมากหรอกนะ ฉันขอแค่คำขอโทษจากคุณแค่นั้นเอง ถึงฉันกับน้องสาวฉันจะเป็นแค่เด็กเสิร์ฟ แต่ค่าความเป็นคนก็เท่ากับคุณ”
“ฉันไม่ผิด ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย มือฉันมันกระตุก...” รัฐรวิศยกมุมปากยิ้มข้างหนึ่ง “กระตุกไปโดนก้นน้องสาวเธอ”
“คุณนี่...” เกวลินโมโหหนัก กำลังจะอ้าปากต่อว่าชายหน้าตาดี แต่ใจทราม ทว่ามีเสียงหนึ่งเอ่ยทะลุกลางปล้อง
“เธอหูตึงหรือไง น้องชายฉันบอกว่ามือกระตุก คนมือกระตุกมันควบคุมไม่ได้ ฉะนั้นไม่ผิด ไม่ต้องขอโทษ”
รัฐรวินทร์เข้าข้างน้องชายสุดฤทธิ์ คนที่รักความยุติธรรมและไม่ต้องการให้ใครมาเหยียบย้ำศักดิ์ศรีถึงกับหน้าแดงก่ำ ในเมื่อเขามาไม้นี้ เธอก็จะใช้ไม้นี้ตอบกลับไปบ้าง เกวลินปล่อยให้รัฐรวิศเดินผ่านตัวเองไป เธอก้าวเท้าเดินไปหารัฐรวินทร์ จังหวะนั้นที่ไม่มีใครคาดคิดหรือเขาระวังตัว เกวลินหยิบแก้วไวน์แล้วสาดเครื่องดื่มในแก้วไปที่หน้าของรัฐรวินทร์ ตามด้วยฝ่ามือหนักๆ ฟาดลงแก้มของเขา
“ฉันก็ไม่จำเป็นต้องขอโทษคุณ เพราะมือฉันลั่น คุณเคยฟังเพลงนี้ไหม มือฉันลั่นไปเอง”
กล่าวจบ เกวลินหันหลังกลับไปคว้าข้อมือน้องสาว ก่อนจะพากันเดินออกไปจากร้าน และรู้ตัวว่า ตนคงไม่ได้กลับมาทำงานที่นี่อีกแล้ว ซึ่งเธอก็ไม่แคร์ มีมือมีเท้ามีความขยัน รับรองไม่อดตาย
รัฐรวิศที่นึกอย่างไรมิทราบได้ เขาหันมามองด้านหลัง และเห็นเหตุการณ์นั้นพอดี เขาตกใจรีบเดินไปหาพี่ชายที่มองเกวลินตาเขียว ภายในแววตามีเพลิงโกรธาลุกโชน เป็นนัยน์ตาที่เขาเห็นแล้ว สะพรึงแทนเกวลิน
ไม่เพียงแค่รัฐรวิศที่ตกใจ ภคพร รวมถึงลูกน้องคนสนิท และทุกคนในร้านต่างพากันตกใจเช่นกัน คนที่ตกใจมากที่สุดจนแทบเป็นลมคือ สมสมร เพราะเธอไม่สามารถควบคุมเหตุการณ์ได้ นั่นหมายความว่า ตำแหน่งหน้าที่ของเธอพลอยสั่นคลอนไปด้วย
รัฐรวินทร์มองตามร่างเกวลินที่เดินออกไปจากร้านเขม็ง ในแววตาเขามีแรงโทสะโหมรุนแรง มีความพยาบาทอาฆาตแค้น เธอถือดียังไงกล้าทำกับเขาต่อหน้าคนนับสิบ เธอกล้ามาก กล้าอย่างที่ไม่เคยมีใครกล้าทำกับรัฐรวินทร์อย่างนี้มาก่อน เธอสมควรได้รับการลงโทษจากเขาอย่างสาสม
“แล้วเราจะได้เห็นดีกัน” เขากัดฟันพูด เรื่องนี้ไม่จบแค่นี้แน่ ในเมื่อเธอกล้าทำให้เสือโกรธ เธอก็เตรียมตัวถูกเสือล่าได้เลย รัฐรวินทร์จะเอาคืนเกวลินทั้งต้นทั้งดอก ให้สาสมกับอาการมือลั่นของเธอ
“พี่หลินไม่น่าทำอย่างนี้เลย ทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปได้” ศุภวรรณสะบัดแขนเต็มแรงเพื่อให้หลุดพ้นมือของพี่สาว และเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“เรื่องเล็กที่ไหนถึงขั้นลวนลามเลยนะ แล้วถ้าเราไม่ลุกขึ้นมาปกป้องตัวเอง ครั้งหน้าเขาไม่จับอย่างอื่นเหรอ พวกเขาถือว่าตัวเองรวยจะทำยังไงกับเราก็ได้ ถ้าเรานิ่ง เขาก็ได้ใจทำอย่างนี้อีก”
“แต่เขาก็บอกว่า มือกระตุก ไม่ได้ตั้งใจ พี่หลินก็น่าจะปล่อยเลยไป ไม่น่าไปตบพี่ชายเขาเลย พอด่วนใจร้อนทำแบบนั้นก็ต้องมาตกงาน พี่สมคงให้ทำงานต่อหรอกเล่นไปสาดน้ำกับตบหน้าลูกค้าแบบนั้น ที่สำคัญพรุ่งนี้เงินเดือนออก เท่ากับว่าซวยสองเด้ง ทั้งตกงานทั้งอดได้เงินเดือน”
คนพูดไม่พอในการกระทำของเกวลินมาก เพราะเกรงว่ารัฐรวิศจะไม่พอใจตน แล้วถ้าหากเธอโทรศัพท์ไปหาเขาตามที่นัดกันไว้ เผื่ออีกฝ่ายไม่รับเนื่องจากเคืองเหตุการณ์วันนี้ ก็เท่ากับว่า เธอเสียลูกค้ากระเป๋าหนักไป ทว่าเธอก็ไม่สามารถเปิดเผยความไม่พอใจหรือพูดให้เจ็บแสบกว่านี้ เกรงว่าเกวลินจะระแคะระคายเรื่องอาชีพพิศษของตน
“เรื่องตกงานพี่ยอมรับได้ แล้วพี่ก็ไม่เสียใจด้วยที่ไม่ได้ทำงานที่นี่ ส่วนเรื่องเงินเดือนพี่มั่นใจว่าพี่ต้องได้ เพราะมันเป็นสิทธิ์ที่พี่จะต้องได้ มันไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้”
“กว่าจะได้งานใหม่ กว่าจะได้เงินเดือนแบบเต็มเดือนมันก็ต้องใช้เวลา ระหว่างนี้พี่จะหาเงินที่ไหนมาเป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน พี่อย่าลืมสิว่าเดือนหน้าพี่จะต้องจ่ายเงินค่าดอกเบี้ยสองหมื่นที่พ่อไปกู้มา พี่จะมีให้เขาเหรอ ค่าเทอมหวานอีกล่ะ ของโจ้ด้วย พี่จะไหวเหรอ”
พอน้องสาวพูดถึงข้อนี้ ความกลัดกลุ้มก็เกิดขึ้นในใจเกวลินทันที การที่เธออาจไม่ได้ทำงานที่ห้องอาหารบ้านชบา อาจส่งผลกระทบถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ ในความรับผิดชอบของเกวลิน ซึ่งเธอก็ยอมรับผลที่ตามมา และพร้อมแก้ปัญหาอย่างมีสติ
“เรื่องนั้นพี่จัดการเอง” เกวลินคิดเสมอว่า ทุกปัญหามีทางออกเสมอ
“ถ้าพี่ไหวก็ตามใจพี่หลินล่ะกัน หวานไปล่ะ”
“หวานจะไปไหน ไม่กลับบ้านพร้อมพี่เหรอ”
“ไม่ล่ะ วันนี้หวานจะค้างที่คอนโดตา พรุ่งนี้มีสอบตอนบ่าย คืนนี้เลยนัดเพื่อนไปติวกัน”
“ดูแลตัวเองด้วยนะ พี่เป็นห่วง”
ระยะหลังมานี้ศุภวรรณไปนอนค้างบ้านเพื่อนบ่อยๆ ให้เหตุผลเกี่ยวกับเรื่องเรียนทั้งสิ้น ติวหนังสือบ้าง ทำรายงานบ้าง โปรเจคส่งอาจารย์บ้าง ซึ่งเหตุผลของศุภวรรณเป็นเรื่องที่ทางบ้านค้านไม่ได้
“อืม พี่ดูแลตัวเองด้วยก็แล้วกัน พี่หลินยืนรอตรงนี้นะ เดี๋ยวหวานเข้าไปเอากระเป๋าให้เอง”
ศุภวรรณเดินกลับเข้าไปในร้านทางด้านหลังร้าน เพื่อหยิบกระเป๋าสะพายในล็อกเกอร์ที่ทางร้านจัดไว้ให้พนักงานที่มีเสื้อผ้าชุดหนึ่งใส่อยู่ในนั้น แน่นอนว่าเธอต้องตกเป็นเป้าสายตาของพนักงานในร้าน และคงหนีไม่พ้นคำติฉินนินทาที่มีหรือคนอย่างศุภวรรณจะแคร์
สองพี่น้องแยกทางกันตรงป้ายรถประจำทาง เกวลินขึ้นรถเมล์สายประจำที่ผ่านหน้าปากซอยบ้าน ส่วนศุภวรรณรอให้พี่สาวนั่งรถและรถเคลื่อนออกไปสักหนึ่งนาทีเพราะไม่ต้องการให้เกวลินรู้ว่า เธอไปบ้านเพื่อนด้วยรถแท็กซี่ ศุภวรรณจะทำตัวหรูหรา ใช้เงินเก่งต่อหน้าครอบครัวไม่ได้ เพราะเกรงว่าจะถูกถามถึงที่มาของเงิน เธอกลัวว่าความลับแตก และกลัวว่าจะต้องนำเงินจากรายได้พิเศษที่ตนหามาจุนเจือครอบครัว เนื่องจากหน้าที่นั้นเป็นหน้าที่ของเกวลิน แล้วเธอจะใส่ใจไปทำไม สู้หาความสุขใส่ตัวดีกว่า