11
กรรณิการ์นั่งทำรายงานอยู่บนโต๊ะทำงานในห้องโถงภายในห้อง ส่วนศุภวรรณนั่งอ่านนิตยสารอยู่บนโซฟากลางห้องโดยไม่คิดจะไปช่วยกรรณิการ์ทำรายงาน แต่จะว่าไปถึงช่วยก็คงไม่ได้ช่วยอะไรมาก นอกจากนั่งดู เธอจึงปล่อยให้กรรณิการ์ทำงานตามลำพัง
“โรส แกจะเอาอะไรไหม ฉันจะไปเซเว่นข้างคอนโด” ศุภวรรณดึงหูฟังออกจากหูของกรรณิการ์ที่นั่งทำงานไปด้วยฟังเพลงไปด้วย
“เอาน้ำส้มกล่องนึง” กรรณิการ์ตอบ
“อืมได้ ฉันไปก่อนนะ” ศุภวรรณเดินออกจากห้องพักทันทีที่พูดจบ กรรณิการ์นำหูฟังมาใส่หูตามเดิม แล้วนั่งทำงานต่อ
ศุภวรรณมาหยุดยืนรอลิฟต์ชั่วครู่ ประตูลิฟต์ตัวที่หนึ่งเปิดออก เธอเดินก้าวเข้าไปในตัวลิฟต์ ขณะเดียวกันลิฟต์ตัวที่สองก็มาหยุดอยู่ที่ชั้นเดียวกัน พอประตูลิฟต์เปิดออก รัฐรวิศก้าวเดินออกมาด้วยใบหน้าที่ไม่ค่อยสบอารมณ์นัก เป็นเพราะเขาลืมเฟลชไดร์ที่บรรจุข้อมูลสำคัญไว้ในห้องนอน เขาจึงต้องกลับมาเอาเพื่อนำไปให้รัฐรวินทร์
รัฐรวิศเปิดประตูห้องโดยใช้คีย์การ์ด พอเขาก้าวเข้ามาภายในห้องก็เห็นสตรีใส่ชุดนักศึกษานั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงาน เธอหันหลังให้เขา ในความคิดของรัฐรวิศ เธอคนนั้นจะเป็นใครอื่นไม่ได้นอกจาก ศุภวรรณ นักศึกษาสาวที่เขาเพิ่งรับเลี้ยงดู ความที่เข้าใจเช่นนั้น เขาก้าวเท้าไปหยุดยืนด้านหลัง จับบ่าเธอไว้แล้วโน้มหน้าหอมแก้มหญิงสาวที่เข้าใจว่าเป็น
ศุภวรรณ
คนถูกหอมแก้มไม่ได้ตกใจอะไรมากนัก เพราะคิดว่า คนที่หอมแก้มตนคือศุภวรรณ ที่มักจะชอบเย้าเธออย่างนี้บ่อยครั้ง ทว่าสีหน้าของกรรณิการ์เปลี่ยนไป เธอตกใจ เบิกตากว้างเมื่อหันมามองหน้าเจ้าของจมูกที่กดลงบนแก้มตนเมื่อครู่ กรรณิการ์น่าเฉลียวใจสักนิดว่า ศุภวรรณเพิ่งเดินออกจากห้องไม่กี่นาที จะกลับมาจากซื้อของเร็วปานนั้น ไม่เพียงแค่กรรณิการ์ที่ตกใจ เจ้าของห้องก็ตกใจเช่นกันที่รู้ว่า คนที่ตนหอมแก้มไม่ใช่ศุภวรรณ
“คุณเป็นใคร”
กรรณิการ์ถอดหูฟังออกจากหู เอ่ยถามผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาหล่อเบื้องหน้าด้วยความตื่นตระหนก ถอยร่นหนีเขาหลายก้าว ใบหน้าร้อนวูบวาบ นำมือมาจับแก้มข้างที่ถูกหอม
“แล้วเธอเป็นใคร มาอยู่ในห้องของฉันได้ยังไง” รัฐรวิศมองหน้าสตรีหน้าตาน่ารัก ปากนิดจมูกหน่อย พวงแก้มระเรื่อด้วยเลือดฝาด ดวงตายาวรี คิ้วโก่งธรรมชาติ เครื่องเคราบนใบหน้าเธอถูกจัดวางอย่างลงตัว ไม่ต้องแต่งเติมเสริมแต่งเช่นสตรีที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเขา
“คุณเป็นเจ้าของห้องนี้หรือคะ” เขาพูดเพียงแค่นี้ เธอก็พอเข้าใจว่าอะไรคืออะไร
“ก็ใช่น่ะสิ ถ้าฉันไม่ใช่เจ้าของห้องนี้แล้วจะเข้ามาในห้องนี้ได้ยังไง ว่าแต่เธอคือใคร มาอยู่ในห้องของฉันได้ยังไง” เขายืนกอดอกถามสาวหน้าตาน่ารัก ที่ยอมรับว่าถูกใจตั้งแต่แรกเห็น โดยเฉพาะแก้มหอมๆ ของเธอ มันกระตุ้นสารบางอย่างในกายให้คลุ้มคลั่ง
“ฉันเป็นเพื่อนหวาน เราเรียนอยู่คณะเดียวกัน ฉันมาทำรายงานให้หวานค่ะ”
เธอตอบ ไม่ยอมสบตาเขา เพราะเพียงแวบแรกที่ได้ประสานสายตากับชายแปลกหน้า กรรณิการ์ร้อนวาบไปทั้งตัว มือชื้นไปหมด
รัฐรวินทร์ชะงักเล็กน้อยกับการแนะนำตัวของเธอ ‘เป็นเพื่อนกับหวาน’ ด้วยคำพูดนี้เองที่ทำให้เขาคิดว่า สาวตรงหน้ามีอาชีพพิเศษเดียวกับศุภวรรณ สายตาเจ้ากรรมก็ดันเห็นร่องรอยสีแดงอ่อนตรงลำคอ เขาก็ยิ่งเข้าใจเช่นนั้น ความเสียดายเกิดขึ้นในใจเขาไม่รู้ตัว ขณะเดียวกันเขาก็พอใจเพราะเธอสามารถซื้อได้ด้วยเงิน
“อ๋อเหรอ” เขาทำเสียงรับรู้ “ฉันขอโทษเรื่องเมื่อกี้ด้วยนะ ฉันนึกว่าเธอคือหวานก็เลยหอมแก้ม” ไม่บ่อยนักที่จะได้ยินคำว่า ‘ขอโทษ’ ออกจากปากรัฐรวิศ ยิ่งเป็นคนอื่นที่เขาไม่รู้จักยิ่งยากเข้าไปใหญ่ เขามักหวงคำนี้ไว้สำหรับครอบครัว ญาติพี่น้องและเพื่อนพ้องที่สนิทสนมกันเท่านั้น
“ไม่เป็นไรค่ะ” เธอตอบเสียงเบา “ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ วานบอกหวานด้วยว่า ฉันจะเอารายงานไปให้พรุ่งนี้”
กรรณิการ์รนไปหมด เธอรีบรวบรายงานบนโต๊ะมารวมกัน เก็บปากกา ดินสอและอุปกรณ์อีกหลายชิ้นใส่กระเป๋า ก่อนจะปิดโน้ตบุ๊กของศุภวรรณเป็นลำดับสุดท้าย แล้วด้วยความรีบร้อนไม่ทันได้มองหน้ามองหลัง เธอจึงไม่รู้ว่า เวลานี้รัฐรวิศเดินมายืนอยู่ด้านหลังเธอ และกำลังใช้ลำแขนโอบกอดร่างนุ่มนิ่มไว้ แต่เสียงเปิดประตูห้องทำให้รัฐรวิศรีบก้าวเท้าถอยห่างร่างกรรณิการ์ มายืนพิงขอบโต๊ะแทน
“คุณวิศมาเมื่อไหร่คะ” ศุภวรรณตกใจเล็กน้อยที่เห็นเขาอยู่ในห้อง
“ฉันลืมเฟลชไดร์เลยแวะมาเอา”
“หวานขอโทษนะคะที่พาโรสมาที่ห้องโดยไม่ได้ขออนุญาตคุณก่อน หวานจ้างโรสทำรายงานน่ะคะ ก็เลยให้มาทำที่นี่จะได้มีสมาธิ”
ศุภวรรณบอกเจ้าของห้องที่พยักหน้ารับรู้
“หวาน โรสกลับก่อนนะ พรุ่งนี้จะเอารายงานไปให้ที่มหา’ ลัยนะ” กรรณิการ์สะพายกระเป๋า ไม่มองหน้าเจ้าของห้องที่ปรายตามองเธออยู่ รีบก้าวเดินออกจากห้องทันที ศุภวรรณไม่ได้ท้วงเพื่อน เพราะเธอเองก็เกรงใจรัฐรวิศ และกลัวว่าเขาจะไม่พอใจที่ตนพาเพื่อนมาโดยไม่บอกเขาก่อน
“หวานขอโทษที่พาโรสมาที่นี่โดยไม่ได้บอกคุณก่อน” ศุภวรรณขอโทษเขาอีกครั้ง
“ไม่เป็นไร เธอพาเพื่อนมาทำรายงาน ไม่ได้มายกเค้าห้องฉัน ฉันจะว่าเธอได้ยังไง” เขาไม่ติดใจเรื่องนี้ แต่ติดใจอีกเรื่องต่างหาก “เพื่อนเธอชื่อโรสเหรอ”
“ใช่ค่ะ” ศุภวรรณตอบ และดูเหมือนเธอจะรู้ความหมายแอบแฝง ที่มองปราดเดียวก็เห็นชัด “คุณสนใจโรสหรือคะ”
“ถ้าใช่แล้วเธอจะทำไม”
“ก็ไม่ทำไมหรอกค่ะ แต่จะบอกคุณว่า ถึงแม้โรสจะเป็นเพื่อนหวาน แต่โรสไม่ใช่ไก่ที่คุณจะซื้อไปเชือดบนเตียงนะคะ”
รัฐรวิศทำหน้าแปลกใจกับคำพูดของศุภวรรณ ซึ่งเขาไม่อยากเชื่อว่า ตนจะซื้อกรรณิการ์มาบำเรอบนเตียงไม่ได้