“พี่เด็จสัญญากับเพียงแล้วก็อย่าผิดคำสัญญานะคะ อย่าทำให้เพียงต้องผิดหวัง ขอให้เวลาที่เหลืออยู่อีกน้อยนิดของเพียงเป็นเวลาที่มีค่ามากที่สุดและทำให้เพียงมีความสุขมากที่สุด วันนี้พี่เด็จอาจจะรู้สึกฝืนใจและรู้สึกแปลก ๆ กับการกระทำเป็นพวกนี้ แต่เพียงเชื่อว่าวันหนึ่งที่เด็กอาจจะมีความสุขและเมื่อถึงเวลานั้นพี่เดชอาจจะนึกขอบใจเพียงในวันที่เพียงไม่อยู่บนโลกนี้แล้วก็ได้”
“ให้พี่นึกขอบใจเมียตัวเองที่หาผู้หญิงคนอื่นให้มาอยู่กับผัวตัวเองแบบนี้นี่นะเเหรอเพียง”
เพียงกมลส่ายหน้าไปมาริมฝีปากซีดเซียวเลิกขึ้นเป็นรอยยิ้มหาก็เป็นรอยยิ้มจาง ๆ
“มันไม่ใช่อย่างที่พี่เด็จคิดเหรอกนะคะ แต่มันคือความหวังดีของเพียงและความหวังดีนี้ก็จะเป็นความสุขของพี่เด็จ เป็นความสุขของผู้ชายที่เพียงรักมากที่สุดในโลก พี่เด็จเองก็รักเพียงและบอกว่ารักเพียงมากที่สุดที่ไม่ใช่เเหรอคะ เราต่างคนต่างทำเพื่อคนที่เรารักมากที่สุดมันไม่ใช่เรื่องที่ผิดบาปหรือเสียหายเหรอกค่ะ”
“พี่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรนะเพียง บางทีพี่ก็ไม่อยากจะพูดอะไรเลยถ้าไม่ใช่เพราะเพียงพี่ก็คงจะไม่…”
เขาหยุดคำพูดไว้แค่นั้นหากแต่ก็สบนัยน์ตาแสนหวานของภรรยาที่จ้องมองเขาด้วยแววตาแห่งความรักและความอาทรไม่ต่างไปจากวันแรกที่ได้พบกันเลย และในขณะนั้นนภัทสรีย์ก็เดินเลี่ยงไปอีกทางหนึ่ง เธอรับสายโทรศัพท์และตอบกลับไปว่า
“ดนัย...มีอะไรเเหรอ โทรมาหานิ่มแต่เช้าเลย”
“เมื่อคืนเราโทรหานิ่มแต่นิ่มไม่รับสายเลย แบตเตอรี่โทรศัพท์หมดเเหรอ”
เสียงตอบกลับมาเป็นเสียงของผู้ชายซึ่งก็คือดนัย เขาเป็นเพื่อนร่วมคณะเดียวกับนภัทสรีย์ ซึ่งก็จบมาพร้อมกับเธอและเป็นเพื่อนชายที่มีความสนิทสนมกันมากเป็นพิเศษ นภัทสรีย์ตอบกลับไปว่า “ใช่...เมื่อคืนนี้แบตเตอรี่โทรศัพท์นิ่มหมด แบตสำรองก็หมดก็นิ่มไปคอยเครื่องดีเลย์อยู่ตั้ง 2 ชั่วโมงพอก้มลงดูอีกทีแบตเตอรี่ทั้งโทรศัพท์และแบตสำรองก็หมดพร้อม ๆ กันแล้วเมื่อคืนพอมาถึงปางไม้ก็เหนื่อยมากก็เลยเผลอหลับไปลืมชาร์จแบตโทรศัพท์เอาไว้ต้องขอโทษด้วยนะ”
“นิ่มไปอยู่ที่ปางไม้แล้วเเหรอ อะไรกันไหนบอกว่าจะสมัครงานที่กรุงเทพฯ ไงล่ะ...นี่เราน่ะได้งานที่นี่แล้วนะเป็นบริษัทออกแบบผลิตภัณฑ์ยังนึกอยู่เลยว่าถ้านิ่มยังไม่ได้งานเดี๋ยวเราทำไปสัก 2-3 เดือนเผื่อจะหาลู่ทางให้นิ่มได้มาทำงานอยู่ที่บริษัทเดียวกับเราน่ะแล้วนิ่มไปอยู่ที่ปางไม้ไปทำอะไรที่นั่น”
“นิ่มมาอยู่กับพี่สาวกับพี่เขย พี่สาวนิ่มไม่ค่อยสบาย นิ่มก็เลยมาอยู่คอยช่วยดูแลยังไงล่ะ”
“ไปอยู่ดูแลพี่สาวอย่างนั้นเเหรอ?...ถ้าเป็นแบบนี้นิ่มก็ไม่ได้สมัครงานที่ไหนเลยน่ะสิ แล้วความรู้ที่เรียนไปจะไม่หดหายไปหมดเลยเเหรอ”
“ไม่เหรอกนะดนัย นิ่มวางแผนนะว่าจะทำงานออนไลน์เพราะงานออกแบบผลิตภัณฑ์ก็สามารถที่จะทำจากที่บ้านได้ ยังคิดอยู่เลยนะว่านิ่มอาจจะรับงานเป็นฟรีแลนซ์เพราะว่าแบบนี้มันก็สบายๆ แล้วบรรยากาศที่นี่ก็ดีมากเลยนะ”
“แล้วนิ่มจะอยู่ที่นั่นอีกนานแค่ไหน จะต้องคอยดูแลพี่สาวนิ่มอีกสักเกี่ดือนกันล่ะ”
“นิ่มก็ยังบอกไม่ได้นะ ก็คงจะให้พี่สาวของนิ่มอาการดีขึ้นสักหน่อยเพราะพี่เพียงไม่สบาย เป็นโรคประจำตัวน่ะยิ่งก็เป็นห่วง”
“แล้วสามีของเขาล่ะ แต่เราก็เคยได้ยินมานี่นะว่าพี่สาวของนิ่มเป็นแม่เลี้ยง สามีของพี่สาวนิ่มเขาคงเป็นพวกพ่อเลี้ยงสินะก็คงจะงานเยอะอยู่เลยไม่ได้ดูแลเมีย แต่ทำไมจึงไม่จ้างพยาบาลพิเศษให้ไปช่วยดูแลล่ะมันก็จะได้ไม่ต้องเป็นภาระให้กับคนอื่นยังไงล่ะนิ่ม”
“ฟังนะดนัย การที่นิ่มมาอยู่กับพี่สาว นิ่มมาด้วยใจนะที่สำคัญพี่เพียงมีบุญคุณกับนิ่มมาก นิ่มทอดทิ้งพี่เพียงไม่ได้เหรอกเพราะพี่สาวนิ่มเป็นคนส่งนิ่มให้เรียนตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลายจนกระทั่งเรียนจบมหาวิทยาลัย ที่จริงแล้วพี่เพียงแค่เป็นพี่สาวคนละแม่ของนิ่ม พูดกันตามความจริงมีเพียงเป็นลูกของเมียหลวงส่วนแม่ของนิ่มน่ะท่านๆ ไม่มีอะไรเลยเพราะท่านเป็นเมียคนที่ 2 ท่านไม่มีเงินที่จะส่งเสียงสิ้นเดือนที่ซ้ำและคนที่มีบุญคุณกับนิ่มมากที่สุดก็คือพี่เพียงนี่แหละที่คอยซัพพอร์ตทุกอย่างให้นิ่มเพราะแม่นิ่มเสียไปนิ่มก็เหมือนไม่เหลือใคร เหลือแต่พี่สาวอยู่เพียงคนเดียวที่ช่วยเหลือทุกสิ่งทุกอย่างแล้วแบบนี้นิ่มจะปล่อยให้พี่สาวของนิ่มต้องทุกข์ทรมานอยู่คนเดียวได้ยังไง”
“โอเค...ขอโทษนะนิ่มที่เราพูดไปเพราะว่าเราเป็นห่วง เราเห็นว่านิ่มน่ะเพิ่งเรียนจบก็คิดว่านิ่มควรจะได้มีอนาคตของตัวเองได้ไปทำงานที่นิ่มรักได้ทำงานในสายพี่นิ่มเดือนมาแต่ถ้าเป็นแบบนี้นิ่มก็ทำไปอย่างที่ตั้งใจเถอะ แต่ว่าตอนนี้ก็บอกตามตรงเลยนะว่าพอห่างกันแบบนี้แล้วคิดถึงมากๆ เลยล่ะ”
“เราก็คิดถึงดนัยนะ มันก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนกันนะ เมื่อก่อนพวกเราไปไหนมาไหนด้วยกัน พอเรียนจบก็เหมือนต่างคนต่างไปทั้งๆ ที่เราก็นัดกันไว้แล้วว่าจะทำงานที่กรุงเทพฯ แต่พอถึงเวลาก็ต้องกลับมาอยู่ที่นี่ กลับมาอยู่กับพี่สาว”
“ถ้ามีโอกาสเราจะไปหานิ่มนะ เราคิดว่าเราจะต้องหาโอกาสไปหานิ่มที่ปางไม้ของพี่สาวนิ่มให้ได้ รอเรานะ”