บรรยากาศเริ่มอึดอัดขึ้นมาทันทีที่เมื่อได้อยู่กันแค่สองคน เลโอยังนั่งอยู่ข้างฉันเหมือนเดิม แต่เขาไม่ได้สนใจฉันหรอก เขานั่งตอบแชทสาวอยู่น่ะ ฉันแอบชำเลืองไปมองที่หน้าจอโทรศัพท์ของเขาเล็กน้อย ผู้หญิงแต่ล่ะคนที่เขาแชทด้วยมีแต่สวยๆ ทั้งนั้นเลย ดูแล้วน่าจะเป็นนางแบบหรือไม่ก็ดาราซะส่วนใหญ่
“นินาย! ไม่อาบน้ำเหรอ” ฉันถอนหายใจอยู่พักหนึ่งก่อนจะเอ่ยถามเขา
“เธอก็ไปอาบก่อนสิ” เลโอตอบโดยที่สายตายังจ้องอยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์เหมือนเดิม
“ฉันไม่มีชุดเปลี่ยน”
“ฉันก็เหมือนกัน”
หันมาตอบฉันเสร็จ ร่างสูงก็ทิ้งตัวนอนหงายบนเตียงพร้อมกับเล่นโทรศัพท์ต่อ
สงสัยฉันต้องลงไปเอาชุดที่ห้องแต่งตัวเมื่อเช้าคนเดียวซะแล้ว
เมื่อคิดได้ดังนั้นฉันก็ลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินตรงไปที่ประตูห้อง
กึก!! ประตูเปิดไม่ออก
ก๊อกๆๆๆ
“มีใครอยู่ด้านนอกไหมคะ หลิวจะออกไปเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยน”
ฉันเดาว่า พ่อของเลโอต้องสั่งคนมายืนคุมหน้าห้องชัวร์ เพราะท่านคงกลัวว่า เจ้าบ่าวของฉันอาจจะชิงหนีออกจากห้องก่อนฟ้าสางก็เป็นได้
“รอสักครู่นะครับ” มีเสียงผู้ชายตอบกลับมาจากด้านนอก
ฉันยืนรออยู่หน้าประตูสักพัก ประตูก็ถูกเปิดเข้ามาจากด้านนอกด้วยฝีมือของแม่บ้านจากบ้านเลโอ เธอยื่นถุงกระดาษใบใหญ่ส่งมาให้ฉัน
“ขออนุญาตนะคะ” แล้วแม่บ้านก็เดินผ่านฉันเข้ามา
แม่บ้านเดินไปที่เตียง พอเลโอเห็นแม่บ้านเดินเข้าไปเขาก็ลุกขึ้นยืน จากนั้นแม่บ้านก็จัดการเก็บกลีบกุหลาบออกจากเตียงแล้วก็ปูด้วยผ้าปูเตียงสีชมพูและมีผ้าสีขาวบางปูพลาดกึ่งกลางเตียงไว้
“ทำไมต้องปูผ้าสีขาวไว้กึ่งกลางด้วยค่ะ” ด้วยความสงสัยฉันจึงเอ่ยถามออกไป
“เป็นธรรมเนียมของตระกูลนะคะ ที่ปูผ้าสีขาวไว้ก็เพื่อ... ทดสอบความบริสุทธิ์ของเจ้าสาว” แม่บ้านตอบ
และคำตอบที่ได้ยินทำให้ใบหน้าของฉันถึงกลับเห่อร้อนขึ้นมาอย่างกลั้นไม่อยู่ นี่มันอะไรกันเนี่ย ฉันคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าผู้ใหญ่จะทดสอบแบบนี้
“หรืออาจจะเป็นการบังคับฉันโดยทางอ้อม” เลโอล่ะสายตาจากโทรศัพท์แล้วหันไปจ้องหน้าแม่บ้านด้วยสายตาอย่างรู้ทัน
“หมายความว่าไง” ฉันเอ่ยถามเลโอ
“พ่อคงกลัวว่าฉันจะปล่อยให้เธอนอนเฉาจนถึงเช้าโดยที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นไง และถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ พ่อก็คงเอาเรื่องนี้มาขู่ฉันอีกตามเคย”
“บ้านนายนี่ แปลกๆ เนอะ” ฉันเริ่มรู้สึกกลัวนิดๆ แล้วล่ะ
“ดิฉันขอตัวนะคะ” แล้วแม่บ้านก็เดินออกจากห้องไปพร้อมกับผ้าห่อกลีบกุหลาบ
“อาบน้ำดีกว่า” ฉันเดินไปที่ปลายเตียงแล้ววางถุงกระดาษลงพร้อมกับเปิดมันออก “อะไรเนี่ย!!” ฉันแทบเป็นลมรอบสองเมื่อได้เห็นชุดที่อยู่ในถุงกระดาษใบนี้
“อะไรอีกล่ะ” เลโอหันมาถามด้วยสีหน้าหงุดหงิดเต็มทน
“นายดูชุดพวกนี้สิ” ฉันชูชุดนอนสายเดียวแสนวาบหวิวขึ้น ชุดมันบางจนแทบมองทะลุกันได้ ฉันค้นถุงกระดาษจนแทบทะลุ ก็ไม่เห็นจะมีชุดชั้นในสักตัวเลย
“ฉันเดาว่า ในนั้นไม่มีชุดให้ฉันเปลี่ยนแน่นอน” เลโอบ่นก่อนจะวางโทรศัพท์ลงบนเตียงแล้วเขาก็เดินเข้าห้องน้ำไป
นี่ฉันต้องใส่ชุดนี้นอนจริงๆ เหรอเนี่ย อันเดอร์แวร์ก็ไม่มีสักชิ้น จะใส่ชุดแต่งงานนอนมันก็อึดอัด ป๊าม๊าจะมีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้ด้วยรึเปล่าเนี่ย ถ้ามีนะ ฉันจะโกรธให้ดู!
ผมเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยบล็อกเซอร์เพียงตัวเดียว ช่วงบนเปลือยเปล่า โชว์ซิกแพ็คแน่นๆ ที่สาวๆ คนไหนได้เห็นเป็นต้องตะลึง
ผู้รู้ทันพ่ออยู่หรอก ว่าต้องมาไม้นี้ คิดจะให้ผมเข้าหอกับต้นหลิวซะให้ได้ แต่ฝันไปเหอะ!! มันไม่สำเร็จหรอก
“ไปอาบน้ำสิ”
ต้นหลิวหันมามองผม แล้วตากลมโตก็เบิกกว้างตกใจสุดขีดขึ้นก่อนจะรีบหันกลับไปที่เดิม ยัยนี่อ่อนหัดจริงๆ เห็นเรือนร่างผมแค่นี้ก็หน้าแดงเป็นลูกตำลึงซะแล้ว
“ทำไมนายไม่ใส่เสื้อผ้า”
“แล้วฉันมีเสื้อผ้าใส่ที่ไหนล่ะ จะให้ใส่ชุดเจ้าบ่าวนอนมันก็ไม่ใช่เรื่อง” ผมทิ้งตัวนอนบนเตียงพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแชทกับสาวๆ ต่อ
เสียงต้นหลิวถอนหายใจยาวๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินเข้าห้องน้ำไปพร้อมกับถุงกระดาษในมือ นึกแอบสงสารยัยตัวเล็กเหมือนกันแฮะ โดนครอบครัวผมกลั่นแกล้งทางอ้อมซะแล้ว ชุดที่แม่บ้านเอามาให้นั้นก็ช่างยั่วสวาทเหลือเกิน ไหนจะอากาศภายในห้องที่เย็นเฉียบนี้อีก มีหวังได้หนาวตายก่อนเช้าแน่ๆ
แกร็ก!
เสียงประตูห้องน้ำถูกเปิดออก แต่ผมก็ไม่ได้สนใจ ยังคงนอนแชทโทรศัพท์กับสาวๆ ต่อ
ฟุบ!!
รู้สึกถึงแรงยุบของเตียงนอนด้านข้าง หางตาพอเห็นไวๆ ว่าต้นหลิววิ่งออกมาจากห้องน้ำแล้วเข้ามาซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มด้วยความรวดเร็ว ผมละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์แล้วหันมามองคนที่นอนคลุมโปงจนมิดหัว
“นี่! ห่มผ้าแบบนั้นเดี๋ยวก็หายใจไม่ออกหรอก”
“ยุ่ง!!” เสียงต้นหลิวตะโกนตอบกลับมา
ไม่รู้ว่าผมรู้สึกไปเองรึเปล่า อากาศที่เย็นอยู่แล้วกลับเริ่มเย็นขึ้นไปอีก แล้วบนเตียงนอนนี้ก็มีผ้าห่มเพียงแค่ฝืนเดียวด้วย ผมจึงค่อยๆ สอดตัวเองเข้าไปใต้ผ้าห่มฝืนเดียวกันกับต้นหลิว
“นายจะทำอะไรน่ะ!!” ต้นหลิวโผล่หัวขึ้นมาขึงตาดุใส่ผม
“ก็ฉันหนาว”
“นายก็สั่งให้ลูกน้องเอาผ้าห่มมาเพิ่มสิ”
“คิดว่าจะมีคนเอามาให้เหรอ” ผมเลิกคิ้วถามด้วยสีหน้าเซ็งๆ
“ฉันไปขอเองก็ได้”
แล้วต้นหลิวก็ลุกขึ้นจากเตียงนอน และนั่นก็ทำให้ผมได้เห็นเรือนร่างอรชรของต้นหลิวเต็มๆ ตา ผิวขาวใสเหมือนเด็กทารก ทำให้ผมเผลอกลืนน้ำลายเสียงดัง
ชุดที่ต้นหลิวใส่มันบางถึงบางมาก ผมสามารถมองเห็นได้ทะลุปรุโปร่ง เธอคงจะลืมตัวว่าชุดมันบางถึงได้ยืนโชว์หุ่นอันซ่อนรูปของตัวเองอยู่ข้างเตียง
แล้วสายตาเจ้ากรรมก็ไปโฟกัสที่ก้อนเนื้อกลมๆ สองข้างอย่างลืมตัว ก็ผมมันผู้ชาย เมื่อเห็นเรือนร่างของเพศตรงข้ามในระยะใกล้ๆ แบบนี้ ผมก็อดมองไม่ได้เหมือนกัน
และเหมือนว่าต้นหลิวจะพึ่งรู้ตัว เธอรีบยกเรียวแขนขึ้นมาปิดบังช่วงบนเอาไว้ พร้อมกับหันหลังให้ผม
“นายมองอะไรน่ะ!”
“ไม่ต้องอายหรอก แบนๆ แบบนั้นไม่ทำให้ฉันมีอารมณ์ได้หรอกน่า...” ผมซ่อนความรู้สึกบางอย่างเอาไว้แล้วเอ่ยบอกต้นหลิวด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูปกติที่สุด
“ให้มันจริงเหอะ!”
แล้วต้นหลิวก็เดินไปที่ประตูห้อง เธอยกกำปั้นเคาะอยู่สองสามครั้ง แต่ก็ไร้ซึ่งเสียงตอบรับใดๆ
“มีใครอยู่ข้างนอกไหมคะ หลิวขอผ้าห่มเพิ่มหน่อย”
“.....” ไม่มีเสียงตอบรับ
“ไม่มีใครอยู่แล้วเหรอ” ต้นหลิวพึมพำกับประตู พร้อมกับยกมือขึ้นมาลูบต้นแขนตัวเองเบาๆ
“ฉันว่าเธอกลับมานอนดีกว่านะ ต่อให้เคาะจนมือพังก็ไม่มีใครมาเปิดประตูให้หรอก” ผมทนเห็นต้นหลิวยืนหนาวต่อไปไม่ไหวจึงเอ่ยบอกให้เธอกลับมานอน
ต้นหลิวเดินกลับมาแล้วซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มตามเดิม ผมเองก็รู้สึกหนาวไม่ต่างกันจึงซุกตัวเข้าไปอยู่ใต้ผ้าห่มด้วย และด้วยความที่ผ้าห่มมันมีเพียงผืนเดียวจึงไม่อาจแบ่งให้เราห่มเท่ากันได้ ผมจึงขยับตัวเข้าไปใกล้ต้นหลิวอีกนิดเพื่อให้ผ้าห่มคลุมตัวได้มิดชิด
“นี่...อย่าเข้ามาใกล้มากได้ไหม”
.
.
.