ตอนที่ 3 พรหมลิขิตอะเปล่า (3)

1132 Words
“แม่ขอชาร้อนค่ะลูก” ธมนในวัยห้าสิบสามแต่ยังสวยหวานไม่เปลี่ยนพูดจบก็หันมายิ้มให้ขนิษฐาอย่างเอ็นดู “ขยันจังเลยนะคนนี้ สนุกมั้ยลูกฝึกงานที่นี่” “สนุกค่ะ” ขนิษฐาอ้อมแอ้มตอบ ไม่คาดคิดว่าภรรยาเจ้าของบริษัทจะทักทายเธออย่างเป็นกันเองแบบนี้ “เรียนจบแล้วก็มาทำงานที่นี่ต่อเลยนะลูก มาช่วยพี่เรียว” ขนิษฐาได้แต่ยิ้มแหยๆ อย่างไม่รู้จะพูดอะไร จากนั้นก็ก้มหัวเป็นเชิงขออนุญาตขอเสิร์ฟชาและกาแฟให้สมาชิกในห้องประชุมคนอื่นๆ ต่อ เมื่อเริ่มเปิดการประชุมไปได้ราวๆ ห้านาที พี่แม็กกี้ที่เป็นผู้อำนวยการฝ่ายก็พยักพเยิดเรียกขนิษฐาที่ตอนนี้นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามแถวหลังและกำลังเตรียมจดโน้ตเพื่อช่วยสรุปการประชุม ขนิษฐาเลยต้องก้มตัวเดินอ้อมเข้าไปหา “อ้ายไปเอาเอกสารสนับสนุนการขายบนโต๊ะพี่ให้ที มีสองชุดนะ เอามาให้พี่ แล้วอีกชุดเอาให้ท่านรอง” แม็กกี้กระซิบบอกขนิษฐาเบาๆ ด้วยกลัวว่าจะมีเสียงดังรบกวนทีมงานที่กำลังนำเสนอเกี่ยวกับการโฆษณาต่างๆ ที่วางแผนไว้เพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้า และเมื่อขนิษฐาไปเอาเอกสารกลับมา เธอก็ก้มๆ ย่องๆ เอามาให้พี่แม็กกี้ จากนั้นก็ขยับไปด้านหลังอย่างกล้าๆ กลัวๆ ตรงจุดที่สหัสนัยนั่งอยู่ ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “ขออนุญาตค่ะท่านรอง” เมื่อสหัสนัยหันมา ขนิษฐาก็รีบเอ่ยต่อ “เอกสารค่ะ พี่แม็กซ์ฝากให้นะคะ” “ขอบคุณครับ” เขาเอ่ยพร้อมกับรับเอกสารไป จากนั้นการประชุมก็ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ทุกคนในห้องประชุมต่างก็ระดมสมองกันอย่างแข็งขัน ท่านประธานเองก็ไม่ได้ห้ามปรามหรือเบรกใคร ตรงกันข้ามกลับให้โอกาสทุกคนคิดนอกกรอบกันได้อย่างเต็มที่ ขนิษฐาที่เข้าใจมั่งไม่เข้าใจมั่งได้เห็นบรรยากาศของการประชุมในวันนี้แล้วก็อดสนุกไปด้วยไม่ได้ แม้ว่าตัวเองจะไม่ได้ออกความคิดเห็นอะไรนอกจากนั่งจด นั่งฟัง เติมน้ำ และออกไปเอานั่นเอานี่ตามแต่ที่พี่ๆ จะสั่งก็ตาม... เมื่อภารกิจในวันนี้ผ่านพ้นไปได้เรียบร้อย ตกเย็นขนิษฐาก็เก็บของเตรียมกลับบ้านเมื่อพี่ๆ อนุญาตเพราะเห็นว่าสมควรแก่เวลาแล้ว แต่ครั้นสะพายกระเป๋าแล้วแต่ยังไม่ทันจะได้เดินออกไปจากโซนฝ่ายการตลาด พี่เอื้อยที่เป็นเลขาฯ ของพี่แม็กกี้ก็เอ่ยเรียกไว้เสียก่อน “อ้ายๆ” “ค่ะพี่เอื้อย” “ขึ้นไปหาพี่นุชที่ชั้นยี่สิบหน่อย พี่นุชโทรมาบอกเมื่อกี้” แม้จะสงสัยว่าเหตุใดพี่นุชที่เป็นเลขาฯ ท่านประธานถึงได้โทรมาเรียกให้เธอขึ้นไปพบ แต่กระนั้นก็รับคำแล้วเดินไปขึ้นลิฟต์เพื่อไปที่ชั้นยี่สิบทันที และเมื่อขนิษฐามาถึง พี่นุช หรือนุจรีย์ที่เป็นสาวใหญ่วัยสี่สิบก็ลุกออกจากโต๊ะของตน แล้วเดินนำเธอมาที่ห้อง จากนั้นพี่นุชก็เคาะเบาๆ สองสามครั้งแล้วเปิดประตู ก่อนจะหันมาบอกว่าให้เธอเข้าไปข้างในได้เลย พอขนิษฐาเห็นคนที่อยู่ข้างในห้องซึ่งประกอบด้วยท่านประธาน และคุณป้าใจดีหรือคุณมน ก็รีบยกมือไหว้อย่างอ่อนช้อยทันที ทั้งที่ในใจนั้นมีคำถามว่าเหตุใดคนทั้งคู่ถึงให้เธอขึ้นมาพบในเวลานี้ “หนูอ้าย มานั่งนี่สิลูก” ธมนเรียกขนิษฐาที่ยืนเกร็งอยู่หน้าประตูให้เดินมานั่งข้างๆ เธอที่นั่งอยู่บนโซฟา ขณะที่สามีอย่างพี่ริวนั้นกำลังเซ็นงานอย่างขะมักเขม้น “ค่ะ” พอขนิษฐานั่งลง ธมนก็รีบหยิบถุงที่เตรียมไว้มาวางให้ตรงหน้า แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรประตูก็ถูกเคาะเสียก่อน คนที่เคาะและเปิดประตูเข้ามาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น สหัสนัยที่ตั้งใจขึ้นมาคุยธุระกับพ่อ เขาชะงักนิดหนึ่งเมื่อเห็นว่ามีเด็กฝึกงานหน้าตาแป๋วแหววนั่งอยู่ข้างๆ แม่เขา “แม่ให้น้องขึ้นมาเองแหละลูก” “ครับ” สหัสนัยเอ่ยสั้นๆ แค่นั้น “พอดีป้าซื้อขนมมาฝากอุ้ยอ้าย เอากลับไปกินที่บ้านได้เลยนะจ๊ะ จะเอาให้ตอนกลางวันก็ไม่มีจังหวะ” ธมนว่าพร้อมกับยื่นถุงขนมไทยเจ้าดังมาตรงหน้าสาวน้อย “เอ่อ คือ...หนู...” ขนิษฐาอึกอักทั้งเกรงใจไม่กล้ารับและเกรงใจว่าถ้าปฏิเสธก็จะเสียมารยาทกับผู้ใหญ่ และเมื่อไม่รู้จะทำยังไงก็เลยหันไปมองหน้าพี่เรียว ครั้นพอเห็นว่าเขาพยักหน้าเหมือนแทนคำตอบว่าให้เธอรับขนมนั้นไปได้ ขนิษฐาก็ยกมือไหว้ขอบคุณผู้อาวุโสที่มีน้ำใจต่อเธออย่างนอบน้อม “ขอบพระคุณค่ะท่าน” “เรียกคุณป้าดีกว่าลูก ไม่ต้องเกรงใจ ป้าเคยเจอคุณพ่อของหนูตอนมาเจรจาร่วมทุนแล้ว ถือว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ” “ค่ะคุณป้า” ขนิษฐาพยักหน้าอย่างว่าง่าย “แล้วนี่หนูกลับบ้านยังไงจ๊ะ ขับรถมาเองหรือเปล่า” ถามไถ่อย่างเป็นห่วงเป็นใยลูกสาวหุ้นส่วนคนใหม่ และเหนือสิ่งอื่นใดคือถูกชะตาสาวน้อยที่แสนน่ารักคนนี้ตั้งแต่แรกเจอ “วันนี้กลับแท็กซี่ค่ะ ไม่ได้เอารถมา” ก็วันนี้หมูน้อยอ้อนให้คุณพ่อมาส่งก็เลยไม่ได้ขับรถมาเอง “จะดีเหรอลูก กลับแท็กซี่คนเดียวตอนค่ำ บ้านหนูอยู่ไกลไหม กลับพร้อมป้าไหมจ๊ะ เดี๋ยวป้าไปส่ง” สหัสวัตและสหัสนัยที่กำลังคุยงานกันอยู่ต่างหันขวับมามองธมนเป็นตาเดียวพร้อมกันอย่างใคร่รู้ เพราะที่ผ่านมาตลอดชีวิตที่ใช้ชีวิตคู่กันมา สหัสวัตไม่เคยเห็นเลยว่าศรีภรรยาอย่างธมนจะสนใจใครมากมายแบบนี้ เช่นเดียวกับที่ตลอดชีวิตตั้งแต่เด็กจนโตมาของสหัสนัย ก็ไม่เคยเห็นว่าแม่จะเอ็นดูใครได้มากมายขนาดนี้ ยิ่งเป็นบุคลากรในองค์กรยิ่งแล้วใหญ่ “ไม่เป็นไรค่ะ อ้ายกลับได้ บ้านอยู่ไม่ไกลค่ะ” “เอางั้นหรือจ๊ะ งั้นหนูกลับดีๆ นะคะลูก ระวังเนื้อระวังตัวด้วยนะ” “ค่ะ ขอบคุณมากๆ นะคะ อ้ายขออนุญาตนะคะ สวัสดีค่ะ” พอสวัสดีธมนเสร็จ ขนิษฐาก็หันไปไหว้ลาสหัสวัตและสหัสนัย ก่อนจะเดินกอดถุงขนมไทยออกไปจากประตูห้องด้วยอาการงวยงงและไม่เป็นตัวของตัวเองสักเท่าไร...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD