ตอนที่ 3 พรหมลิขิตอะเปล่า (1)

1037 Words
พอหมดเวลาพักเที่ยงจนมาถึงช่วงบ่ายก็กลายเป็นว่าขนิษฐาต้องหัวใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ อีกรอบ เพราะพี่แม็กกี้ผู้อำนวยการฝ่ายเดินออกจากห้องมาแจ้งด้วยตัวเองว่าให้เธอกับเป้ หรือ ปรัตถกรเตรียมตัวไว้ อีกประมาณสิบนาทีเดี๋ยวท่านรองจะลงมาประชุมงานที่ฝ่าย ให้ไปบอกแม่บ้านเตรียมของเบรกสำหรับทุกคน และน้องฝึกงานก็ต้องเข้าร่วมประชุมด้วย แม้จะกังวลแค่ไหน แต่หมูน้อยก็ต้องเผชิญกับสถานการณ์นั้นอยู่ดี สิบนาทีต่อมาไม่ขาดไม่เกิน ท่านรองก็ลงลิฟต์แล้วเดินเข้ามาในห้องประชุมของฝ่ายการตลาดจริงๆ พร้อมกับที่ทีมงานทั้งหมดของพี่แม็กกี้ก็นั่งตามลำดับตำแหน่งกันพร้อมหน้า บรรยากาศในการประชุมเป็นไปแบบไม่เคร่งเครียด ดูเหมือนพนักงานทุกคนจะไม่มีใครเกร็งในการประชุมกับท่านรองเลย และเมื่อพวกเขาเกริ่นๆ เรื่องงานในภาพรวมกันแล้ว ท่านรองก็หันมาทางขนิษฐากับปรัตถกรแล้วเอ่ย “พี่ก็เพิ่งมีเวลาลงมาคุยกับพวกเราจริงๆ จังๆ เนอะ งานเราจะหนักหน่อยนะช่วงนี้ พี่รู้ว่าทุกคนเหนื่อย ใครมีปัญหาหรือติดขัดอะไรก็บอก เราอยู่กันอย่างพี่น้อง มีน้องฝึกงานมาช่วยด้วยใช่มั้ยพี่แม็กซ์” สหัสนัยหันไปเอ่ยเสียงทุ้มกับฝ่าย “ใช่ค่ะท่านรอง” ผู้อำนวยการฝ่ายที่ยังสาวและสวยแต่มีผัวแล้วตอบรับเสียงสุภาพ “มาจากที่เดียวกัน?” “เปล่าค่ะ น้องมาจากคนละที่เลย” “ชื่ออะไรครับ มาจากที่ไหนกันบ้าง” สหัสนัยส่งสายตามองนักศึกษาฝึกงานทั้งสองอีกรอบ “เดี๋ยวให้น้องๆ แนะนำตัวกันเองดีกว่ามั้ยคะ...อะ ใครก่อนดี” ว่าจบแม็กกี้ก็หันมามองหน้าเด็กฝึกงานในสังกัดของตน แล้วจึงสรุป “เป้ก่อนก็ได้ เพราะเป้มาก่อนถือว่าเป็นรุ่นพี่สองสัปดาห์” “ครับ...เป้ครับ ปรัตถกร มาจากมหาวิทยาลัย...” ปรัตถกรเอ่ยชัดถ้อยชัดคำ “โอเค เป้นะ” สหัสนัยทวน แล้วจึงหันมามองหน้าขนิษฐาพร้อมกับยิ้มอ่อน รอให้เธอเอ่ย ขนิษฐาก็เลยรีบพูดเสียงค่อนข้างตะกุกตะกัก “หนู...ชื่ออุ้ยอ้ายค่ะ ชื่อจริงขนิษฐา มาจากมหาวิทยาลัย...ค่ะ” “อุ้ยอ้ายเนอะ” “น้องอ้ายค่ะท่านรอง” แม็กกี้พูดเสริม “โอเคครับ” สหัสนัยพยักหน้ารับ “ต้องขอบคุณเป้กับอุ้ยอ้ายมากๆ นะครับที่เลือกมาฝึกงานที่นี่ เรียนรู้ไว้เยอะๆ ได้นะ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ ถ้าเรียนจบอยากมาทำงานต่อที่นี่ก็ยินดี เรามีเวลาร่วมงานกันแค่ไม่กี่เดือน ก็ขอให้สนุกและมีความสุขกับงานนะครับ” ถ้อยคำของเขาทำเอาทุกคนในห้องต่างรู้สึกอบอุ่นไปตามๆ กัน แม้ว่าสหัสนัยจะเพิ่งกลับจากต่างประเทศและเข้ามารับตำแหน่งผู้บริหารได้ไม่นาน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะได้ใจพนักงานทั้งบริษัท โดยเฉพาะพนักงานในฝ่ายการตลาดที่เขาดูแลโดยตรง “ขอบคุณค่า/ครับ” ขนิษฐากับปรัตถกรเอ่ยและยกมือไหว้ขอบคุณสหัสนัยอย่างพร้อมเพรียง แล้วการประชุมอย่างจริงจังก็เริ่มต้นขึ้น บทสนทนาหลังจากนั้นก็ค่อนข้างเป็นงานเป็นการ แต่ทุกคนก็แฮปปี้ดีกับการวางแผนงานใหม่ เพื่อรองรับกับเป้าหมายที่ตกลงร่วมกันว่าจะต้องวางแคมเปญเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์และเพิ่มยอดขายให้บริษัทให้ได้เป็นสามเท่า... แป๊บๆ วันเวลาก็ผ่านไปไวเหลือเกิน นี่ก็วนมาจนถึงวันหยุดสุดสัปดาห์อีกแล้ว แต่วันนี้ขนิษฐามีภารกิจพิเศษ นั่นก็คือการออกไปกินข้าวเที่ยงกับเพื่อนๆ ที่เรียนสาขาเดียวกันนั่นเอง ด้วยว่าต่างคนต่างแยกย้ายกันไปฝึกงาน จึงไม่ค่อยจะได้เจอกันบ่อยนัก วันนี้เลยนัดมารวมตัวเมาท์มอยกันซะเลย “วันวัน!” ขนิษฐาส่งเสียงเรียกเมื่อมองแผ่นหลังก็จำได้แล้วว่าเป็นเพื่อนสนิทสุดที่รักอย่างวันวิสาข์ ส่วนคนโดนเรียกก็หันมามองค้อน จนกระทั่งขนิษฐานั่งลงเรียบร้อยแล้วนั่นล่ะ วันวิสาข์ถึงได้ตอบโต้ “วันเดียวก็พอแระ” “เอ้า วันวันน่ารักออก” วันวิสาข์กลอกตาอย่างเพลียๆ กระนั้นก็ไม่ได้ถือสาเพื่อนสนิทในเรื่องนี้หรอก คงอยากให้เพื่อนมีชื่อเล่นสองพยางค์เหมือนตัวเองกระมัง “แล้วคนอื่นๆ ล่ะ มากันยัง” หมูน้อยถามพลางมองไปรอบๆ เมื่อยังไม่เห็นวี่แววของเพื่อนคนอื่นๆ “กำลังมา โน่นไงมาแล้ว” “อ่อ...จ้า” พยักหน้ารับและหันกลับมายิ้มให้เพื่อน แม้ว่าในใจจะรู้สึกแปลกๆ ก็ตาม เพราะความจริงแล้วนั้น ขนิษฐามีเพื่อนสนิทตั้งแต่ประถมยันมหาวิทยาลัยเพียงคนเดียวนั่นก็คือวันวิสาข์ แต่ที่นัดกันมาในวันนี้ แม้จะเรียนอยู่ในสาขาเดียวกัน แต่ทุกคนคือคนที่สนิทกับวันวิสาข์ทั้งสิ้น โดยที่ขนิษฐาไม่ได้สนิทด้วยเลย บางครั้งหมูน้อยก็เคยน้อยใจว่าทำไมเธอไม่มีเพื่อนเยอะๆ เหมือนวันวิสาข์บ้าง ทั้งที่ก็พยายามเป็นมิตรกับทุกคน แต่ดูเหมือนทุกคนไม่ได้อยากสนิทชิดเชื้อกับเธอสักเท่าไร แต่ในความน่าน้อยใจก็นับว่าโชคดี ที่ผิวเผินนั้นขนิษฐาสามารถพูดคุยกับทุกคนได้หมด เหมือนว่าเพื่อนๆ ทุกคนก็น่ารักกับเธอ แค่ว่าไม่ได้สนิทหยอกล้อได้เหมือนวันวิสาข์เท่านั้นเอง พอคนเยอะอาหารก็เริ่มแยะ และบทสนทนาก็น่าหัวเราะชวนให้คึกคักมากๆ โชคดีที่ในร้านอาหารแบบเปิดนั้นกว้างขวางและอึกทึกพอควรอยู่แล้ว กลุ่มของขนิษฐาและวันวิสาข์จึงไม่เป็นจุดจับตามองว่าทำเสียงดังรบกวนคนอื่น หมูน้อยและเพื่อนๆ กิน เมาท์ แซว อยู่ที่ร้านอาหารนานเป็นชั่วโมง และเมื่ออาหารคาวหมดไปก็ได้เวลาสั่งของหวาน ยกมือเรียกไม่นานเด็กในร้านก็เดินมารับออร์เดอร์ เมื่อทุกคนสั่งกันเสร็จขนิษฐาก็หันไปยื่นเมนูคืนแก่พนักงาน และในจังหวะนั้นก็ดันประสานสายตากับใครบางคนเข้าพอดี
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD