คืนนี้อากาศเย็นสบายชวนให้พักผ่อนแต่หัวค่ำที่สุด แต่ฟ่านรั่วเจี๋ยยังนั่งเล่นเรื่อยเปื่อย โดยมีดวงตาคมๆ ของมู่ชิงซานมองนางอยู่
“นี่ข้าต้องกล่อมเจ้าให้นอนและตบก้นด้วยหรือไม่”
เขามองหน้านางพลางอมยิ้ม ในบางคราฟ่านรั่วเจี๋ยต้องประหลาดใจอยู่ครามครัน เขากลายเป็นเด็กน้อยไม่รู้ความจริงหรือไม่ เหตุใดบุรุษผู้นี้ถึงได้ดูน่ากลัวและชวนหลงใหลในคราเดียวกัน และถ้าหากทั้งหมดนี้เขาแสร้งทำเพื่อแผนการบางอย่าง จะเป็นนางหรือไม่ที่เสียรู้ให้บุตรมังกรแห่งต้าหลาง
มือใหญ่ๆ ตบฟูกนอนเสียงดังเรียกให้นางปีนขึ้นไปอยู่บนเตียงด้วยกันทว่าแต่ไหนแต่ไรหลังจากมารดาสิ้นชีวิต ตำหนักนี้ก็ไม่ใคร่ได้รับความสนใจนานๆ ถึงจะได้ต้อนรับแขก ดังนั้นข้าวของเครื่องใช้จึงมีอยู่อย่างจำกัด โดยเฉพาะเตียงหลังนี้ มันเล็กเกินกว่าที่หญิงชายจะนอนร่วมกัน
“ง่วง ข้าง่วง” มู่ชิงซานเอ่ยและตบฟูกอย่างเร่งเร้า เป็นการเชิญชวนให้นางไปร่วมเตียงกับเขา
“เหลวไหล ข้าเป็นมารดาเจ้า นอนเคียงกันนับว่าเป็นการลบหลู่!”
นางว่าไปอย่างนั้น หากมิวายมองร่างสูงใหญ่ที่นอนเหยียดแข้งเหยียดขายาวๆ ด้วยท่าทางเกียจคร้าน แต่ก็ชวนให้มองอย่างมีเสน่ห์
“มารดา...ร้องเพลงให้ข้าฟัง”
มู่ชิงซานเรียกหญิงสาว ท่าทางเขาชวนให้เข้าไปหาเหลือเกิน
“ข้าควรเชื่อฟังเจ้าเช่นนั้นหรือ” นางย้อนกลับ
ชายหนุ่มหัวเราะ เขากวักมือเรียกนางไม่หยุดพลอยให้คนที่กำลังนั่งอ่านตำราปรุงยาต้องวางมือและก้าวไปหาเขา
“เตียงเล็กเช่นนี้จะให้มารดานอนที่ใด” นางถาม ชายหนุ่มทำท่านึกอยู่ครู่หนึ่งก่อนขยับเข้าไปชิดด้านในสุด เขาหดขายาวๆ ของตน ท่าทางดูน่าขันเหลือเกิน
“เป็ดน้อย ท่าทางเจ้ามีพิรุธรู้ไหม” นางกล่าวพลางหรี่ตามอง หากเป็นตอนนั้นที่มีเสียงร้องดังขึ้น มันเป็นเสียงตุ๊กแก จากนั้นมือใหญ่ของมู่ชิง-ซานก็ดึงร่างฟ่านรั่วเจี๋ยไป เขากอดนางแน่นและตัวสั่นเทาแสดงให้เห็นว่ากลัวจริงๆ มิได้เสแสร้ง
“ข้าหายใจไม่ออก ปล่อยมารดาเดี๋ยวนี้” นางร้องสั่ง แต่เขากลับกอดร่างนุ่มนิ่มไว้แน่น นางเลยต้องลูบหลังลูบไหล่เขาเพื่อปลอบขวัญ
“โตขนาดนี้เจ้ากลัวอันใด”
“เสียงนั้นข้าไม่ชอบ” เขาตอบและหลับตาปี๋
“เอาละ รีบนอนเสีย พรุ่งนี้มีงานต้องทำอีกมากมาย” นางเอ่ย และพยายามข่มตาให้หลับไปด้วย แต่ไออุ่นจากกายแกร่งทำให้ฟ่านรั่วเจี๋ยว้าวุ่นใจ
“เป็ดน้อย เจ้าอย่าได้ขี้ขลาด เกิดเป็นชายต้องอดทนและเข้มแข็ง”
นางบอกเขาและลูบเรือนผมเส้นเล็กละเอียดสีดำ ลูบและร้องเพลงไปด้วย ยามนั้นนางรู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาด การที่นางได้ปกป้องใครสักคน ถึงแม้ในอดีตอีกฝ่ายเคยเป็นศัตรูและคิดอาฆาตอยากเอาชีวิตเขา ทว่าเมื่อมู่ชิงซานมีความคิดความอ่านเช่นเด็กน้อย นางก็มิอาจกระทำเรื่องเลวทรามเช่นนั้นได้
“โอ้ มารดา ข้าคือเป็ดน้อยของท่าน”
เขาเอ่ยและกระชับอ้อมกอด ถึงฟ่านรั่วเจี๋ยจะอึดอัด แต่เมื่อจมูกโด่งๆซุกและฝังจูบลงบนหัวไหล่มนสวยของนางพร้อมเอ่ยว่า
“นุ่ม...และหอม...มารดาท่านตัวนุ่ม” ยามนั้นหัวใจของคนที่ฉกฉวยอ๋องปีศาจมาเลี้ยงดูและยกตนเป็นมารดาเขาพลันอ่อนยวบ
“เป็ดน้อย ถ้าเจ้ายังไม่ยอมนอน ข้าจะตีเจ้าให้เจ็บแล้วลากให้ไปนอนที่เล้าเป็ด ดีหรือไม่”
ยามนั้นสุ้มเสียงของฟ่านรั่วเจี๋ยเจือความเอ็นดูชายหนุ่มอยู่มากโข
มู่หรูซื่อมีคำสั่งให้แม่ทัพแบ่งกองทัพต้าหลางส่วนหนึ่งเดินทางกลับส่วนทหารที่ป่วยให้ดูแลรักษา อีกทั้งเข้มงวดป้องกันไม่ให้โรคระบาดทำให้มีผู้ใดเสียชีวิตอีก เขาอาสาไปหายาแก้พิษด้วยการสร้างสัมพันธ์อันดีกับแคว้นหมิง
“จวิ้นอ๋อง สิ่งที่น่ากังวลตอนนี้ไม่ใช่แค่เราต้องถอยทัพ แต่คือการหายตัวไปของอ๋องชิงซาน”
ดวงตาเรียวคู่นั้นมองไปที่หยวนซาง คราแรกมู่หรูซื่อไม่พอใจที่อีกฝ่ายพยายามนำกำลังคนไปตามหาพี่ชายของเขา แต่ด้วยเห็นถึงความจงรักภักดีจึงให้อภัย
“ข้ารู้ เรื่องนี้เร่งด่วน แต่เจ้าลืมไปแล้วหรืออย่างไรว่าพี่รองคือหมาป่ารัตติกาล เป็นอ๋องปีศาจผู้ฆ่าไม่ตาย”
หยวนซางทำหน้าเหมือนร้องไห้ไม่ออกดีใจไม่ได้
“โถ จวิ้นอ๋อง ท่านกล่าวเช่นนี้ได้เยี่ยงไร อ๋องชิงซานถึงเก่งกาจเพียงใดแต่ก็มีเลือดเนื้อหาใช่เทพเซียนลงมาจุติ หากปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปนานเกรงว่าขวัญและกำลังใจกองทัพอาจสูญสิ้นลง และถ้าเราอ่อนแอ ผู้ที่จะแว้งมาโจมตีเราย่อมเป็นสิบสองเผ่าคนเถื่อนที่เป็นศัตรูของต้าหลางมาเนิ่นนาน”หยวนซางว่าและตระหนักถึงภัยที่อยู่รายล้อม
“เช่นนั้นระหว่างนี้เราจะให้ใครล่วงรู้ไม่ได้ว่าพี่รองหายตัวไป”
หยวนซางพยักหน้ารับสิ่งที่มู่หรูซื่อกล่าว แต่เขาไม่แน่ใจว่าจะปิดข่าวนี้ได้อย่างไร
“แล้วจวิ้นอ๋องมีแผนเยี่ยงไร”
มู่หรูซื่อวางสีหน้าขรึม ก่อนยื่นมือเรียวของเขามาวางบนไหล่หยวนซางและออกแรงบีบเบาๆ เขาเอ่ยเสียงราบเรียบหากเจือด้วยอำนาจ “เงา จนกว่าจะตามหาพี่รองพบ นับจากนี้เจ้าคือเงาของเขา”
หยวนซางได้ยินเช่นนั้นก็หายใจไม่ทั่วท้อง หน้าที่ดังกล่าวหนักหนาเหลือกำลังเขา แต่จะให้ปฏิเสธก็เกรงว่าหัวจะหลุดจากบ่า นอกเหนือจากนั้นบิดามารดาเขาคงตกอยู่ในอันตรายเป็นแน่แท้ คนอย่างมู่หรูซื่อหน้าเนื้อใจเสือผิดกับพี่ชายที่ถึงจะเหี้ยมโหดแต่ก็รักพวกพ้อง
“ตอนเด็กๆ เจ้ามักเล่นสนุกเป็นพี่รองของข้าอยู่ตลอดมิใช่หรือ”
“แต่ยามนี้ข้าเทียบไม่ได้แม้แต่เศษเสี้ยวเล็บเท้าของชินอ๋อง”
“ไม่ใช่เรื่องยาก เจ้ากำลังป่วยเพราะพิษร้าย ฉะนั้นร่างกายจึงไม่เป็นปกติ แต่หมาป่าเพียงคำรามคนก็หวาดกลัว” มู่หรูซื่อเอ่ยจบจึงหยิบหน้ากากเหล็กที่ตอกสลักลายเป็นรูปหัวหมาป่าแล้วส่งให้หยวนซาง ซึ่งในยามออกศึกมู่ชิงซานมักปกปิดใบหน้าตนเอาไว้
“ฉะนั้นจงเป็นพี่รอง อำพรางตนจนกว่าจะหาตัวเขาพบ”
มู่หรูซื่อกล่าวจบก็เดินไปยังหน้ากระโจมและเปิดมันออก จากนั้นจึงออกคำสั่ง “พรุ่งนี้ข้าจะเข้าไปยังวังหลวงแคว้นหมิง ให้คนนำสารส่งไปว่า ข้าต้องการดื่มน้ำชากับองค์หญิงใหญ่เยี่ยฉี”
คำสั่งเขาสร้างความฉงนให้หยวนซางมิน้อย แต่ก็จำต้องให้คนจัดการเรื่องนี้ ต่อจากนั้นเขามีหน้าที่สำคัญคือปลอมเป็นเงาของมู่ชิงซาน