ปล้นหัวใจซาตาน ( WAR & DEVIL )

ปล้นหัวใจซาตาน ( WAR & DEVIL )

book_age18+
408
FOLLOW
1.3K
READ
heir/heiress
mystery
like
intro-logo
Blurb

เจ้าพ่อค้าอาวุธสงคราม ผู้เคยทำหัวใจหล่นหายไปพร้อมกับความทรงจำ ไม่รู้ตัวเลยว่าได้แสดงความดิบเถื่อนกับหัวใจที่เขากำลังตามหาอยู่มากมายสักเพียงไหน แต่สิ่งเดียวที่เขาค้นพบนั่นก็คือ …ต่อให้ความทรงจำของเขาจะหายไปสักกี่รอบ ผู้ที่หญิงที่จะอยู่ในใจเขา ผู้หญิงคนเดียวที่เขาต้องการจะครอบครองก็คือ..เธอ..เท่านั้น Are you reason in my heart. (เพราะเธอคือเหตุผลในใจฉัน)

chap-preview
Free preview
ตอนที่ 1 องศาที่ต่างกัน
ตอนที่ 1 องศาที่ต่างกัน   บางเวลาไม่เคยจะคิด......ว่าชีวิตนี้จะพบกับเธอ   เป็นสิ่งดีๆที่ได้มาเจอกับความหมาย คน คนหนึ่งได้พาชีวิตให้ข้ามเวลาที่หามานาน และนั่นคือเธอคือความต้องการของหัวใจ.. ต่างกันเพียงองศาที่เราอยู่ อาจจะดูว่าเราห่างกัน แต่ว่าคนบนฟ้า ก็พาให้เรามาเจอกัน และทำให้ฉัน...ได้พบกับวันสวยงาม.. (เพลงองศาที่ต่างกัน ศิลปิน อัศวินม้าไม้)   เสียงบรรเลงเปียโนอันไพเราะกำลังดังกังวานไปทั่วห้องสี่เหลี่ยมขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ของโรงเรียนสอนดนตรีเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร มันอาจจะดังไปถึงด้านนอกหากว่าห้องนี้ไม่ใช่ห้องเก็บเสียงชั้นดี เด็กน้อยตั้งแต่อายุหกขวบถึงสิบสองขวบราว 8 คน ตั้งใจ ฟังเสียงบรรเลงราวกับต้องมนต์สะกด สายตาของเด็กๆจับจ้องไปที่คุณครูสาวแสนสวยผู้ที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้สีขาวและกรีดกรายนิ้วเรียวลงบนคีย์บอร์ดของเปียโนหลังใหญ่อย่างไม่กระพริบตา หญิงสาวออกแรงเบาๆเพื่อกดนิ้วลงตามตำแหน่งของตัวโน็ตต่างๆส่งผลให้เกิดเป็นถ่วงทำนองของบทเพลงสุดคลาสสิก “เด็กๆ ร้องพร้อมกันนะคะ หนึ่ง..สอง..สาม..” เสียงหวานเอ่ยขึ้น จากนั้นเด็กๆของเธอก็ประสานเนื้อร้องขึ้นพร้อมกันอย่างว่าง่าย Doe, a deer, a female deer. Ray, a drop of golden sun. Me, a name I call myself. Far, a long long way to run. Sew, a needle pulling thread. La, a note to follow sew. Tea, a drink with jam and bread  That will bring us back to 'Do' “เก่งมากค่ะเด็กๆ ปรบมือให้ตัวเองหน่อยเร็ว” คุณครูสาวฉีกยิ้มหวานให้กับลูกศิษย์ตัวน้อยเมื่อการบรรเลงเพลงนั้นจบลง ซึ่งลูกศิษย์เองก็ทำตามอย่างว่าง่าย ไม่ดื้อไม่ซนสักนิด “วันนี้เราจะมาเล่นเปียโนเพลงนี้กัน ไหนใครอยากเล่นเพลงนี้ได้ ยกมือให้ครูดูหน่อยได้ไหมเอ่ย” “หนูค่ะ/ผมครับ” เด็กน้อยทั้งแปดคนต่างตอบเป็นเสียงเดียว อาจเป็นเพราะนี่คือคอร์สเรียนพิเศษซึ่งค่าเล่าเรียนแต่ละชั่วโมงก็แพงหูฉี่ จึงทำให้ในชั่วโมงเรียนมีเด็กนักเรียนไม่มากเท่าไรนักส่วนใหญ่แล้วก็เป็นบุตรหลานของคนที่มีฐานะทางสังคมค่อนข้างสูง การสอนพิเศษยามเย็นของคุณครูแสนสวยดำเนินไปเรื่อยๆจนผ่านไปราวสองชั่วโมงพร้อมๆกันกับที่ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มมืดสนิท เมื่อหญิงสาวมองผ่านกระจกใสออกไปด้านนอกก็พอรู้ว่าผู้ปกครองของเด็กๆมารอรับบุตรหลานของตนกลับบ้านแล้ว “เอาล่ะจ้ะ คุณครูให้เวลาไปซ้อมเพลงนี้มาหนึ่งอาทิตย์นะจ๊ะคนเก่ง แล้วเดี๋ยวอาทิตย์หน้าเรามาสอบกัน วันนี้กลับบ้านได้ค่ะ” คุณครูสาวทยอยส่งเด็กๆให้ถึงมือผู้ปกครองที่มารอรับ กระทั่งเหลือเด็กหญิงอีกหนึ่งคนที่จนบัดนี้ก็เป็นเวลาเลยมากว่าหนึ่งชั่วโมงแล้วแต่ก็ยังไม่เห็นมีวี่แววผู้ปกครองของเด็กหญิงสักที ปกติเด็กหญิงจันทร์เจ้าจะมีคนขับรถของที่บ้านมารับมาส่งเธอเป็นประจำทุกวันแต่วันนี้รู้สึกจะผิดเวลาไปมากโข เด็กหญิงเริ่มน้ำตาคลอจนครองขวัญสังเกตเห็นว่าดูท่าทางจะไม่ค่อยดีเสียแล้ว ครืดๆ!! เสียงโทรศัพท์มือถือคู่ใจสั่นครูดจนอุ้งมือนุ่มนิ่มนั่นสะดุ้งโหยง หญิงสาวก้มดูเบอร์ที่โชว์หราอยู่หน้าจอ แม้ว่าจะเป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นเคยแต่ก็กดรับโดยพลัน “คริสมาตส์พูดค่ะ” “สวัสดีค่ะคุณครูคริสต์มาส ดิฉันชื่อเอื้องเป็นแม่นมของคุณหนูจันทร์เจ้านะคะ ตอนนี้นายท่านติดประชุมด่วน และคนขับรถก็เพิ่งลาไปงานศพของมารดา เกรงว่าจะต้องรบกวนคุณครูให้มาส่งคุณหนูหน่อยได้มั๊ยคะ เพราะว่าตัวดิฉันเองก็ขับรถไม่เป็นเสียด้วย ไอ้ครั้นจะให้นั่งแท็กซี่ไปรับ คนแก่อย่างดิฉันก็คงนั่งไม่ไหวแล้วล่ะค่ะ” เสียงแหบพร่าของแม่นมบอกได้ชัดว่าหล่อนคงกำลังไม่สบาย “ได้สิคะ ไม่มีปัญหาเลยค่ะ คุณนมเอื้องไม่ต้องเป็นห่วงน้องจันทร์เจ้านะคะ รับรองว่าคริสต์จะไปส่งให้ถึงบ้านเลยค่ะ” ครองขวัญยิ้มรับอย่างเต็มใจ พร้อมปรายตามองลูกศิษย์ตัวน้อยที่น้ำตากำลังไหลลงมาอาบข้างสองแก้มป่อง “ขอบคุณ คุณครูมากนะคะ ดิฉันขอบคุณมากจริงๆ” “ไม่เป็นไรจริงๆค่ะ คุณนมเอื้อง ว่าแต่บ้านอยู่แถวไหนคะ คริสต์จะได้ไปถูก” อันที่จริงครองขวัญก็พอทราบว่าเด็กหญิงจันทร์เจ้านั้นบิดาและมารดาแยกทางกัน ตอนนี้เด็กหญิงมีเพียงบิดาที่เป็นถึงนายทหารใหญ่และแม่นมเท่านั้นที่คอยดูแล “อยู่แถวสาทรซอย…ค่ะ” “โอเคค่ะ ถ้ายังไงเดี๋ยวคริสต์จะโทร.หาอีกครั้งนะคะ” “จันทร์เจ้า ไม่เป็นไรนะคะเดี๋ยวครูจะไปส่งหนูที่บ้านเองนะ ” หลังจากวางสายจากแม่นมเอื้อง มือบางก็เอื้อมไปสัมผัสกับศรีษะเล็กๆอย่างแผ่วเบาเพื่อปลอบประโลมให้เด็กหญิงรู้สึกอุ่นใจ เด็กน้อยหันมากอดร่างบอบบางของคุณครูสาวไว้แน่น ครองขวัญ กฤติญดา หญิงสาววัยยี่สิบสี่ปีที่รักดนตรีเป็นชีวิตจิตใจ เธอมีมารดาเป็นนักเปียโนซึ่งคอยปลูกฟังเสียงบรรเลงมาตั้งแต่วัยเยาว์ นั่นจึงมีส่วนทำให้หญิงสาวกลายเป็นคนอ่อนโยนน่าทะนุถนอม จิตใจงดงามเช่นใบหน้าและมองโลกในแง่ดีมาโดยตลอดและอาจเพราะเธอเกิดตรงกับวันคริสต์มาส หญิงสาวจึงมีชื่อเล่นว่า ‘คริสต์มาส’ หลังจากเรียนจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ครองขวัญก็ผันตัวเองมาเป็นครูสอนดนตรี เพื่อหาประสบการณ์รอเวลาที่จะเดินทางไปเรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศรัสเซียในอีกไม่นานนี้ โดยได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากบิดาและมารดา บิดาของหญิงสาวนั้นอดีตเคยเป็นนักเขียนชื่อดังแต่ปัจจุบันคือเจ้าของไร่สตรอว์เบอรี่ส่งออกต่างประเทศอยู่ที่เชียงใหม่ แน่นอนว่าครองขวัญนั้นมีพื้นเพเป็นคนเชียงใหม่ แต่เพิ่งจะเดินทางมาอยู่ที่กรุงเทพฯในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัย โดยอาศัยอยู่ที่บ้านอีกหลังที่บิดาซื้อไว้ให้กับพี่ชายแท้ๆ นามว่านายแพทย์ สงกรานต์ กฤติญดา เนื่องจากการจราจรที่วุ่นวายของเมืองหลวงจึงทำให้คุณครูสาวใช้เวลานานนับชั่วโมงฝ่าดงรถติดพาลูกศิษย์ตัวน้อยเดินทางมาถึงคฤหาสน์หลังโตย่านสาทรได้อย่างปลอดภัย ตลอดการเดินทางมีแม่นมเอื้องคอยโทร.บอกเส้นทางอยู่เป็นระยะ และหล่อนอีกนั่นแหละที่เป็นคนเปิดประตูบานใหญ่ยืนรออย่างใจจดจ่อ ทันทีที่รถจอดสนิทเด็กหญิงก็รีบเปิดประตูและรีบวิ่งไปกอดแม่นมทันที “นมเอื้อง!!” “คุณหนู” มือของหญิงวัยกลางคนลูบหน้าผากเล็กๆอย่างเอ็นดู เป็นจังหวะเดียวกับที่ครองขวัญก้าวลงมาจากรถ และทันเห็นภาพที่แสนน่ารักนี้ทันที ริมฝีปากอิ่มอดคลี่ยิ้มออกมาเสียไม่ได้ เข้าใจว่าคุณนมเอื้องคงจะรักหนูน้อยคนนี้มาก “ขอบคุณ คุณครูอีกครั้งนะคะที่ช่วยเป็นภาระพาคุณหนูมาส่งให้ ขอบคุณมากจริงๆ” แม่นมเอื้องหันมาขอบคุณครองขวัญเป็นครั้งที่เท่าไรก็ไม่ทราบ “ไม่ใช่ภาระอะไรเลยค่ะ ยังไงน้องจันทร์เจ้าก็เป็นเด็กที่โรงเรียนเรา ซึ่งทางโรงเรียนก็ต้องดูแลให้ดีที่สุดอยู่แล้วค่ะ” “ไหนๆ ก็มาแล้วยังไงเชิญคุณครูอยู่ทานข้าวเย็นกับเราสักมื้อนะคะ” “อุ๊ย ไม่รบกวนดีกว่าคุณนมเอื้อง นี่ก็ค่ำมากแล้ว คริสต์คงต้องขอตัวกลับเลยดีกว่าค่ะ” “นมเอื้องทำอาหารอร่อยมากนะคะครูคริสต์” เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กหญิงเอ่ยขึ้นบ้างเพราะอยากให้คุณครูสาวอยู่รับประทานอาหารเย็นด้วยกัน “โอ้โห น่าอิจฉาจันทร์เจ้าจัง แบบนี้ก็ได้ทานอาหารอร่อยๆทุกวันเลยสิ ไว้วันหลังครูจะมาลองชิมฝีมือนมเอื้องของจันทร์เจ้านะคะ แต่วันนี้ครูคงอยู่ทานด้วยไม่ได้จริงๆ” ครองขวัญยังคงยืนกรานปฏิเสธ เพราะนัดกับพี่ชายเอาไว้แล้วว่าจะไปทานข้าวนอกบ้านเนื่องในวันเกิดพี่ชาย “เสียดายจังเลยนะคะ ถ้าอย่างนั้นโอกาสหน้าขอให้ดิฉันได้มีโอกาสทำกับข้าวให้คุณครูทานนะคะ” “ได้เลยค่ะ คุณนมเอื้อง” หญิงสาวตอบกลับก่อนจะก้มลงมองนาฬิกาเรือนสวยที่ข้อมือ “คริสต์ต้องขอตัวกลับแล้วนะคะ ครูไปก่อนนะจันทร์เจ้า” หลังจากกล่าวลาลูกศิษย์ตัวน้อยและแม่นมผู้แสนดี ที่กล่าวขอบคุณครองขวัญอย่างไม่หยุดหย่อน คุณครูสาวก็รีบบึ่งรถญี่ปุ่นคันเดิม เพื่อมุ่งหน้าไปเซอร์ไพร์สวันเกิดให้กับพีชายคนเดียวของตนทันที แต่จนแล้วจนรอดหญิงสาวก็ไม่มีทีท่าว่าจะขับมุ่งหน้าออกสู่ถนนเส้นหลักได้เลย และคงเป็นเพราะแถวนี้เป็นย่านชานหมู่บ้านไฮโซแถบชานเมืองผู้คนจึงไม่ค่อยพลุกพล่านเท่าไรนัก หลังจากขับวนอยู่หลายรอบหญิงสาวจึงเริ่มมั่นใจแล้วว่าตนเองกำลังหลงทางอยู่เป็นแน่และเหมือนสวรรค์กลั่นแกล้งเมื่อสายฝนเม็ดเล็กๆค่อยๆโปรยปรายลงมาบทบังวิสัยทัศน์ในการขับรถจนครองขวัญต้องเอื้อมมือไปกดปุ่มเพื่อสั่งการให้ที่ปัดน้ำฝนทำงาน กึก กึก กึก จู่ๆรถคู่ใจก็ดันเกิดอาการตะกุกตะกัก ก่อนจะกระตุกแรงๆสองสามครั้งจนคนขับสาวตัวโยนไปตามแรงกระตุกนั้นและแล้วเครื่องยนต์ก็ดับไปในที่สุด “บ้าจริง ลืมเติมน้ำมัน” เมื่อฉุกคิดถึงต้นเหตุขึ้นมาได้ ครองขวัญจึงบ่นกับตัวเองเบาๆ หญิงสาวเอี้ยวตัวไปที่เบาะด้านหลัง มือเรียวหยิบกระเป๋าแบรนด์เนมสีหวานและยกมันมาวางที่หน้าตัก ค้นหาโทรศัพท์มือถือคู่ใจอย่างลุกลี้ลุกลน หญิงสาวหยิบอุปกรณ์สื่อสารออกมาและใช้แสงสว่างจากหน้าจอส่องไปที่เข็มวัดระดับน้ำมัน เธอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เมื่อพบว่าเข็มน้ำมันนั้นตกลงมาอยู่จุดต่ำสุด …น้ำมันหมดตามคาด เห็นดังนั้นหญิงสาวจึงรีบกดโทรศัพท์เพื่อโทร.หาพี่ชายทันที “พี่สงกรานต์ คริสต์หลงทางค่ะ ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าอยู่ส่วนไหนของสาทร คือมันมืดมาก มืดจนไม่แทบไม่อยากเชื่อว่านี่คือกรุงเทพฯ บ้านคนสักหลังก็ไม่มี ฝนก็ตก น้ำมันรถก็หมดด้วย” เมื่อพี่ชายรับสายหญิงสาวจึงรีบพูดจนลืมหายใจและไม่เว้นช่วงให้ปลายสายได้เอ่ยบ้างเลย “นี่กะจะแกล้งเซอร์ไพร์สวันเกิดพี่หรือเปล่าเนี่ย มุกนี้ใช้ไม่ได้ผลนะจะบอกให้” ด้วยความที่วันนี้เป็นวันเกิด คนปลายสายจึงเข้าใจไปว่าน้องสาวคงกะจะเซอร์ไพรส์ตนเองเหมือนทุกๆปี “เซอร์ไพร์สอะไรกันละคะ คริสต์กำลังจะแย่อยู่แล้วนะ แบตโทรศัพท์ก็กำลังจะหมด” น้ำเสียงหวานสั่นเครือจนทำให้คนฟังรู้ว่าน้องสาวของตนคงไม่ได้แกล้งเขาเล่นเป็นแน่ “เอ๊ะ ! เมื่อกี้คริสต์ที่บอกว่ามืดๆเหมือนไม่ใช่กรุงเทพฯ คริสต์อยู่แถวไหนนะพี่ฟังไม่ถนัด” “สาทรค่ะ” “ฉิบหายละ รออยู่ตรงนั้นนะคริสต์ ห้ามลงมาจากรถเด็ดขาดไม่ว่าจะเกิดอะไรถ้าไม่ใช่พี่ คริสต์ห้ามเปิดประตูรถ เข้าใจมั๊ย เดี๋ยวพี่จะรีบไป” เพราะอยู่กรุงเทพฯมาร่วมสิบกว่าปี แน่นอนว่านายแพทย์สงกรานต์นั้นย่อมชำนาญพื้นที่มากกว่าน้องสาวเป็นไหนๆ ดังนั้นเขาจึงพอจะรู้ว่าครองขวัญอยู่ส่วนไหนของสาทร ย่านไฮโซที่แฝงไปด้วยอันตรายจนติดอันดับหนึ่งในสิบจุดเสี่ยงอันตรายของกรุงเทพฯเลยเชียวล่ะ…เขารู้ดีว่าคริสต์มาส น้องสาวที่ถูกประคบประหงมมาราวไข่ในหินกลัวความมืดมากที่สุดในชีวิต… เมื่อการสนทนาระหว่างพี่สาวกับน้องชายจบลง พร้อมๆกับแบตเตอรี่โทรศัพท์ที่ค่อยหมดไป บรรยากาศรอบกายของหญิงสาวจึงมีเพียงความมืดและสายฝนพรำ หญิงสาวหลับตาแน่นตัวสั่นเทา สองมือประสานกันไว้ที่ใต้คาง น้ำใสๆค่อยๆไหลลงมาอาบสองข้างแก้มระเรื่อ ภาวนาให้พี่ชายมาถึงเร็วๆ…ในโลกนี้สำหรับครองขวัญ ไม่มีอะไรน่ากลัวเท่าความมืดมิดอีกแล้ว…เพราะความมืดมักแฝงไปด้วยสิ่งที่เรามองไม่เห็น ตุบ!! กรี๊ด!!!! หญิงสาวกรีดร้องลั่น เมื่อได้ยินเสียงสิ่งประหลาดกระทบเข้าที่ประตูรถข้างๆกายอย่างรุนแรง สัญชาตญาณความเป็นมนุษย์ทำให้หญิงสาวเผลอเปิดเปลือกตาขึ้นมามอง กรี๊ดดดด!!!! หญิงสาวร้องเสียงหลงอีกครั้ง ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง หยุดชะงักแทบลืมหายใจ …ร่างกำยำสมชายชาตรีของใครบางคนกำลังเกาะอยู่ที่ขอบกระจกรถของเธอในสภาพสะบักสะบอม มือหนาทั้งสองข้างของเขาทาบติดกับกระจก เขากำลังจ้องมองมาที่เธอ และเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่นางเมขลาคงกำลังล่อแก้วอยู่บนฟากฟ้าเป็นแน่ท้องฟ้าทั่วสารทิศจึงส่องแสงประกายเป็นสายแสงแลบแปรบปราบ ส่งผลให้หญิงสาวมองเห็นใบหน้าของชายฉกรรจ์ผู้นี้ได้ชัดเจน … พระเจ้า!! ครองขวัญแทบหัวใจหยุดเต้นไปในทันที ใบหน้าของเขาแม้จะโชกไปด้วยเลือดและปูดบวมทว่ากลับหล่อเหลายิ่งนักและเขาไม่ใช่คนไทย ดวงตาของเขากำลังจะปิดลง และดูเหมือนเขากำลังจะหมดแรง ถ้าเธอเดาไม่ผิดเขาต้องผ่านการถูกรุมทำร้ายมาอย่างสาหัสเป็นแน่ ร่างกำยำค่อยๆทรุดกายครูดลงไปกับกระตัวรถและฟุบลงที่พื้นถนนในที่สุด  หญิงสาวหายใจหอบเหนื่อยหัวใจเต้นแรงราวกับจะทะลุออกมาด้านนอก ความกลัววิ่งพล่านเข้ามาถาโถม ใจหนึ่งหล่อนก็อยากจะลงไปช่วยเขา ทว่าอีกใจหนึ่งก็นึกถึงคำที่พี่ชายได้บอกเอาไว้เพราะสมัยนี้มิจฉาชีพมักจะมาในหลายรูปแบบ ไม่แน่ชายผู้นี้อาจกำลังจะสร้างสถานการณ์ เพื่อหลอกล่อให้เธอลงไปจากรถแล้วมีพวกอีกจำนวนหนึ่งซุ่มอยู่ก็เป็นได้ใครจะไปรู้….แต่ถ้าหากเขาโดนทำร้ายมาจริงๆล่ะ หล่อนจะไม่ดูเป็นคนใจร้ายไปหน่อยหรือที่นั่งมองคนกำลังจะตายอย่างเฉยฉาเพียงเพราะว่าขี้ขลาด เพราะเท่าที่เห็นสภาพของเขาก็ดูเหมือนจะเจ็บหนักอยู่ คิดได้ดังนั้นมือเรียวจึงเอื้อมออกไปเพื่อที่จะปลดล๊อคประตูรถและลงไปช่วยเขา ทว่ายังไม่ทันที่จะได้ปลดล๊อกก็มีกลุ่มชายฉกรรจ์สี่ ห้า คน โผล่พรวดออกมาจากซอกเล็กๆ พวกนั้นมุ่งตรงมาที่ร่างอันโชกเลือดของชายหนุ่มนิรนาม พร้อมทั้งกระหน่ำไม้หน้าสามฟาดลงไปใส่เขาอย่างไม่ยั้ง ครองขวัญน้ำตาไหลพราก มือเรียวยกขึ้นมาปิดปากอิ่มเอาไว้เพื่อไม่ให้เผลอกรีดร้อง …ชายผู้เคราะห์ร้ายกำลังจะถูกฆาตกรรมต่อหน้าต่อตาเธออย่างนั้นหรือ หญิงสาวสะอื้นไห้แรงขึ้นไม่รู้ว่าเพราะสงสารเขาจับใจหรือกำลังกลัวสุดขีด กลัวว่าพวกมันจะพุ่งเป้ามาในรถซึ่งมีร่างของเธออยู่ในนี้ “เฮ้! แซม มีผู้หญิงอยู่ในรถด้วยว่ะ” “เฮ้! แซม มีผู้หญิงอยู่ในรถด้วยว่ะ” “จัดการปิดปากเธอซะ!!” บทสนทนาภาษาอังกฤษจากกลุ่มชายฉกรรจ์ เล็ดลอดเข้ามาจนครองขวัญได้ยินชัด หญิงสาวสะดุ้งโหยงเมื่อรู้ว่าสิ่งที่เธอกลัวนั้นกลายเป็นจริงขึ้นมาเสียแล้ว พวกมันต้องการจะฆ่าเธอด้วยอีกคน “มะ ไม่ นะ!!” หญิงสาวส่ายหัวร่วน เนื้อตัวสั่นเทา ดวงหน้าสวยสอดส่ายไปมามองหาสิ่งป้องกันตัว ปึก ๆๆๆ!!! หนึ่งในชายแปลกหน้าเดินเข้ามาทุบกระจกรถเสียงดังสนั่น ส่วนพวกที่เหลือยังคงรุมทุบตีชายหนุ่มนิรนามอย่างไม่มีท่าทีว่าจะยั้งมือ “ถ้าอยากตายศพสวยๆก็เปิดประตูให้ฉันเสียดีๆ ” สั่งเป็นภาษาอังกฤษเสียงเหี้ยม “กรี๊ด!!!!!!” ครองขวัญถอยกรูมาอยู่ที่เบาะอีกฝั่งหนึ่ง ไม่ยอมทำตามคำสั่งของคนร้าย “ฮึกๆ ยะ อย่าเข้ามานะ” หญิงสาวเริ่มสะอื้นไห้เพราะความหวาดกลัวจนสุดขั้วหัวใจ ขดร่างที่สั่นเท่าเข้าหากันแน่น เพล้ง!!!!! เศษกระจกจำนวนมากมายแตกกระจัดกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ เพราะพวกโจรร้ายใช้ท่อนไม้ที่อยู่ในมือทุบมันสุดแรงอย่างไม่เกรงกลัวว่าเศษกระจกพวกนั้นจะกระเด็นถูกร่างอรชรที่อยู่ด้านในตัวรถเลย จากนั้นมันก็ใช้มือสอดเข้ามาปลดล๊อคประตูและเปิดออกอย่างง่ายดาย “กรี๊ด!! ไม่!! ออกไปนะ!! ฮือๆ” หญิงสาวทำได้เพียงส่งเสียงร้องไล่ให้คนร้ายไม่เข้ามาใกล้ตัวเธอ ทั้งที่รู้ดีว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก “บอกให้เปิดประตูดีๆไม่เปิด มานี่!” คนร้ายชาวต่างชาติฉายแววตาหื่นกระหายขึ้นมาทันทีที่ได้เห็นดวงหน้าสวยสดของร่างอรชร มันฝ่าดงเศษกระจกเข้าไปคว้าร่างบางออกมาจากในรถได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะเหวี่ยงร่างของหญิงสาวไปกระทบกับร่างกำยำของชายผู้เคราะห์ร้าย ทำให้เหล่าชายฉกรรจ์ที่เหลือหยุดกระหน่ำท่อนไม้ลงบนร่างของเขาไปโดยปริยาย ใบหน้านุ่มนิ่มสัมผัสกับใบหน้าระคายที่บวมช้ำและเต็มไปด้วยเลือด ร่างอรชรทาบทับอยู่บนแผงอกล่ำสันของเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และสิ่งเดียวที่เธอค้นพบตอนนี้คือ…เขายังมีลมหายใจอยู่… ครองขวัญพยายามจะดันตัวให้ลุกขึ้น แต่เธอก็พบว่าแขนทั้งสองข้างนั้นไร้เรี่ยวแรงจึงทำได้เพียงฟุบคาอกชายผู้เคราะห์ร้ายอยู่เช่นนั้น “เอายังไงต่อแซม ยิงมันสองคนทิ้งตรงนี้เลยดีมั๊ย” ชายฉกรรจ์หนึ่งคนหันไปถาม กับพวกเดียวกันอีกคนนามว่าแซม ซึ่งดูเหมือนว่าแซมผู้นี้ คงเป็นหัวหน้าหรือไม่ก็เป็นผู้ที่มีอำนาจเด็ดขาดในการตัดสินใจ “ฉันยังอยากทุบไอ้เวรนี่ต่อ ให้มันตายช้าๆอย่างทรมาน มากกว่าให้มันตายด้วยลูกปืน” แซมว่า “รีบๆเก็บมันสองคนเลยจะดีกว่า เดี๋ยวก็มีคนผ่านมาเห็น นายก็รู้ดีนี่แซมว่าถ้าไอ้หอกนี่มันรอดไปได้ มันไม่ปล่อยให้พวกเราอยู่บนโลกนี่นานแน่ และที่สำคัญคนอย่างมันไม่มีคำว่าพลาดให้เราได้เห็นบ่อยๆแบบนี้เท่าไรนะ” “เออๆ งั้นก็ยิงทิ้งแม่..งตอนนี้เลยแล้วกัน” เมื่อเห็นพ้องต้องกัน ชายฉกรรจ์คนหนึ่งจึงหยิบอาวุธดำมะเมื่อมออกมา ปากกระบอกพุ่งตรงไปยังสองร่างที่นอนกองกันอยู่บนพื้นถนน “มะ ไม่ นะ ได้โปรด ฮึกๆ” หญิงสาวร้องขอชีวิตเป็นภาษาอังกฤษ…คงเป็นคราวเคราะห์ครั้งใหญ่ของเธอจริงๆที่ต้องมาพบกับเหตุการณ์ป่าเถื่อนแบบนี้ “ขอโทษทีที่ฉันคงปล่อยเธอไปไม่ได้ แม่สาวไทยคนสวย ฉันจะเลือกเก็บเธอก่อนแล้วกันจะได้ไม่ต้องทนดูใครตายต่อหน้า” ชายฉกรรจ์ผู้ถือกระบอกปืนเอ่ยขึ้นพร้อมกับเล็งปืนมายังร่างอรชรก่อนจะเหนี่ยวไก ปัง! กรี๊ดดด! เหมือนมีแรงเหวี่ยงมหาศาล เหวี่ยงเธอให้ลงไปนอนติดกับพื้นคอนกรีต ก่อนจะตามมาด้วยร่างกำยำอีกร่างที่ถาโถมมาทับบนกายสาวแทน จากนั้นใบหน้าเปื้อนเลือดของชายหนุ่มนิรนามก็ค่อยๆร่วงลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลกจนปะทะกับแก้มระเรื่ออีกครั้ง…ครองขวัญเบิกตากว้าง แทบไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เห็น ผู้ชายที่กำลังใกล้จะตายอย่างชายนิรนามผู้นี้เขามีสัญญานการปกป้องจนเรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายของเขา..ใช่ หญิงสาวรับรู้ได้ว่าเขากำลังพยายามจะปกป้องเธอ.. …ทำไมหัวใจของเราถึงรู้สึกเจ็บปวดแบบนี้... “ชิบหายแล้ว มีคนมาเผ่นเร็ว!” หนึ่งในคนร้ายเอ่ยขึ้นเมื่อมองเห็นไฟรถยนต์สองคันกำลังมุ่งตรงมายังจุดนี้ ก่อนจะจอดอย่างรวดเร็ว   ปังๆๆ! นายแพทย์สงกรานต์ รีบลงมาจากรถแล้วยิงปืนขึ้นฟ้าทันทีสามนัดรวด ไม่ผิดแน่รถยนต์คันสีขาวบริสุทธ์ที่จอดอยู่ตรงนั้นคือรถของน้องสาวหัวแก้วหัวแหวนของเขาอย่างแน่นอน เมื่อเห็นว่ากลุ่มคนร้ายเผ่นหนีไป นายแพทย์หนุ่มพร้อมด้วยเพื่อนตำรวจอีกสามนายจึงรีบวิ่งไปยังจุดเกิดเหตุทันที “คริสต์! คริสต์! เป็นอะไรมั๊ย พวกมันทำอะไรคริสต์บ้าง” นายแพทย์หนุ่มนั่งคุกเข่าและพลักร่างล่ำสันออกไปจากตัวน้องสาวโดยพลันก่อนจะรั้งร่างอรชรสั่นเทาเข้ามากอดประโลม เข้าใจไปว่าชายนิรนามผู้นั้นคือคนร้ายที่ต้องการทำร้ายครองขวัญ “กรานต์ นายอยู่ดูน้องนายไปก่อนนะ พวกฉันจะตามไปคนร้ายไป คงไปได้ไม่ไกล” นายตำรวจคนหนึ่งพูดขึ้นก่อนจะประสานเรียกรถพยาบาลและขอกำลังเสริม “คริสต์ตอบพี่หน่อยคนดี พวกมันทำอะไรน้องของพี่” นายแพทย์หนุ่มรู้ว่าน้องสาวยังตกอยู่ในอาการกลัวจนช๊อค “คริสต์ มะ ไม่ เป็นไรคะ ตะ แต่ เขา..เขา” หญิงสาวส่ายศรีษะช้าๆโบ้ยหน้าไปที่ร่างกำยำไร้สติซึ่งโดนพี่ชายพลักออกไปเมื่อสักครู่ “ไอ้ระยำนี่ มันทำไมเหรอคริสต์” “ไม่ใช่ค่ะ เขา ชะ ช่วย บังกระสุนปืนให้คริสต์ พวกคนร้ายนั่นต้องการฆ่าเขาแต่บังเอิญคริสต์ดันมาเห็นฮึกๆ” บอกเสียงแผ่วเบาเคล้าไปกับเสียงสะอื้น นายแพทย์หนุ่มสีหน้าสลดลงเขาเกือบทำผิดจรรณยาบรรณวิชาชีพหมอเสียแล้ว ชายหนุ่มอุ้มร่างอรชรของน้องสาวไปวางไว้ข้างรถญี่ปุ่นคันเดิม “คริสต์นั่งตรงนี้ก่อนนะ อีกเดี๋ยวรถพยาบาลคงมา เดี๋ยวพี่จะไปดูอาการเขาก่อน” นายแพทย์หนุ่มว่า พร้อมทั้งรีบวิ่งกลับไปเอากล่องเครื่องมือปฐมพยาบาลในรถของตน ครองขวัญนั่งมองร่างไร้สตินั้นผ่านความมืด …จิตใจยังคงสั่นไหวกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่ ไม่เคยคิดว่าในชีวิตจะมาพบพานกับเรื่องแบบนี้..ตอนนี้ไม่ว่าเขาจะเป็นคนดีหรือเลวมาก่อนมันก็คงไม่สำคัญเท่ากับการขอให้เขาปลอดภัย…เธอขอให้เขามีลมหายใจอยู่บนโลกนี้ต่อไปก็พอ..     สองวันต่อมา ณ กรุงมอสโคว์ ประเทศรัสเซีย 21.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ชายหนุ่มหุ่นล่ำสัน สูงตระหง่าน ใบหน้าหล่อเหลาราวกับหลุดออกมาจากนิตยสาร กำลังใช้ดวงตาสีน้ำตาลเข้มรับกับสีผมจ้องเขม็งไปยังบรรดาลูกน้องราวห้าคนที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าภายในห้องทำงานของเขาซึ่งตั้งอยู่บนชั้น25 ของ ตึก30 ชั้น บริษัทผลิตอาวุธสงครามชื่อดังก้องโลก ของประเทศรัสเซีย “ได้โปรด เถอะครับคุณอังเดร พวกเราทำตามคำสั่งคุณดมิทรีจริงๆ” “หุบปาก!!” อังเดร ฮาซาเร่ ชายหนุ่มหล่อวัยสามสิบสามปี เจ้าของบริษัทผลิตอาวุธสงครามส่งออกทั่วโลกร่วมกับเพื่อนรักของเขา ดมิทรี ชูมัคร์เกอร์ ซึ่งตอนนี้เกิดมาหายตัวไปอย่างลึกลับและเนื่องจากไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน เพราะดมิทรีนั้นจัดว่ามีฝีมือดีทั้งสมองและการต่อสู้ แม้ว่าเขาจะมีคนจ้องเล่นงานอยู่มากมายแต่ก็ไม่เคยพลาดท่าเสียทีให้ศัตรูสักครั้ง จนกระทั่งครั้งนี้ อังเดรมั่นใจว่า ดมิทรีต้องเสียท่าให้ศัตรูเป็นแน่ มันจึงทำให้เขาเดือดเป็นไฟ เพราะดมิทรี คือเพื่อนรักที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาแต่วัยเยาว์ ทั้งยังเป็นเพื่อนคนเดียวที่เขามี          “หน้าที่บอร์ดี้การ์ดคือให้ความคุ้มครองผู้ว่าจ้าง แต่นี่อะไร! พวกมึงปล่อยให้ดานิลฉายเดี่ยวได้ยัง! โธ่โว้ย!! ไอ้พวกเวร!!!”   พลั่ก! พลั่ก! ผั่วะ! ผั่วะ! พลั่ก!  ชายหนุ่มเลือดร้อนไม่พูดเปล่า ฝ่ามือและฝ่าเท้าทำงานประสานกันตั๊นหน้าลูกน้องไปคนละทีสองทีด้วยอารมณ์โมโหจัด ก่อนจะหยิบปืนสั้นที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาพุ่งปลายกระบอกตรงไปที่บอดี้การ์ดหนึ่งในจำนวนห้าคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า ท่ามกลางสายตาลูกน้องนับยี่สิบคนที่ยืนอยู่ภายในห้อง “คุณดานิลไม่ได้ไปคนเดียวนะครับ ตะแต่ ไปกับคุณแซม พะ พวกเราจะตามไปแล้วนะครับ ตะ แต่คุณดานิลบอกว่าไม่ต้องให้พวกเรารอที่โรงแรม คุณดานิลจะไปกับคุณแซมเองครับ เราก็เลยไม่กล้าขัดคำสั่ง อย่าฆ่าพวกเราเลยนะครับ คุณอังเดร พวกเรา ผิดไปแล้วจริงๆครับให้โอกาสพวกเราเถอะครับ” เสียงลูกน้องอ้อนวอนขอชีวิต เพราะพวกเขารู้ดีว่า อังเดร ฮาซาเร โหดขนาดไหน การทำงานกับชายผู้นี้ต้องไม่มีคำว่าผิดพลาด ซึ่งต่างกับอีกคนที่หายไป ถึงขานั้นจะโหดร้ายกว่าแต่ก็มีเหตุผลและไม่มุทะลุอย่างอังเดร “แบบนี้แหละที่เขาเรียกว่าสะเพร่า!! กูไม่ต้องการฟังคำแก้ตัวใดๆของพวกมึงทั้งนั้นที่ดานิลกับแซมหายไป มีเพียงเหตุผลเดียวคือพวกมึงทำงานพลาด และในเมื่อพวกมึงพลาดก็ไม่สมควรที่จะมาทำงานกับกูต่อไป!!!” อังเดรทำท่าจะเหนี่ยวไก สังหารลูกน้องที่ทำงานพลาดครั้งใหญ่หลวง ทว่าเขากลับโยนปืนไปให้กับปีเตอร์บอร์ดี้การ์ดคู่กาย “แม่งโว้ย!!! เอาตัวพวกมันไปให้พ้นหน้าฉัน ขังพวกมันไว้ถ้าฉันพบว่าดานิลยังมีชีวิตอยู่คือพวกมันรอด!!!”  “ฉันจะไปตามหาดานิลที่เมืองไทย ตราบใดที่ยังไม่พบศพดาดิลฉันจะไม่มีวันเชื่อว่าเพื่อนฉันตาย ปีเตอร์แกเตรียมคนให้พร้อม เราจะออกเดินทางพรุ่งนี้เช้า”

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

ซาตานร้ายเดิมพันรัก

read
10.8K
bc

ไฟรักซาตาน

read
53.3K
bc

นางสาวอินทุอรณ์

read
11.9K
bc

อ้อนรักพ่อผัว

read
1K
bc

สอนรัก ลูกสาวท่านประธาน

read
1.0K
bc

ปราบพยศรักยัยรุ่นพี่

read
1K
bc

วิวาห์(ไม่)ไร้รัก

read
9.3K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook