บทที่ 8 ไม่ต้อนรับ
เฌอรินมองสะตั้น ก่อนจะยืนค้างไปหลายวินาที เธอรู้สึกห่อเหี่ยวที่ได้เห็นห้องตัวเอง ตอนแรกก็คิดว่าอย่างน้อยก็น่าจะดูสวยงามและสะดวกสบายมากกว่านี้ คิดถึงห้องนอนที่บ้านเธอยังใหญ่กว่านี้อีกเป็นสี่เท่า ถึงด้านในมีห้องน้ำอยู่ในตัว แต่ขนาดมันกลับดูเล็กกว่าที่เธอคิดไว้ ถ้าเทียบก็คงจะเหมือนกับห้องเช่าไม่ก็คอนโดเล็ก ๆ ที่แทบจะไม่เหลือพื้นที่ให้ทำอะไรได้มากนอกจากนอนและเดินไปมาตรงพื้นที่ด้านล่างได้ประมาณห้าหกก้าว
เธอหันไปดูเตียงขนาดห้าฟุตที่แค่วางเพียงอันเดียวพื้นที่ห้องก็แทบจะไม่เหลือแล้ว ก่อนจะค่อยๆเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนฟูกนุ่มๆของผ้าปูที่นอนสีขาว
“ดีนะที่ไม่ได้เอาของมาเยอะ นี่สินะการต้อนรับเป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด”
หญิงสาวถอนหายใจก่อนจะมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่างอย่างไม่ค่อยสบายใจ
………….
ผ่านไปหลายชั่วโมงจนถึงเวลาอาหารค่ำที่ทุกคนต้องมารวมตัวรับประทานอาหารตามธรรมเนียมที่มีคฤหาสน์ ก้องภพกลับมาตามหาปราบที่ห้องทำงานอีกครั้ง
ก็อกๆ
“เข้ามา”
ประตูถูกเปิดออกทันที ในห้องเปิดไฟสว่างและมีกลิ่นอะโรม่าที่ผสมผสานกับกลิ่นหนังสือและเอกสารลอยอบอวล ก้องภพสืบเท้าเข้าไป พลางมองคนตรงหน้าที่กำลังช้อนสายตามามองเขาในขณะที่ใบหน้ายังก้มมองแลปทอปที่วางอยู่ตรงหน้า สีหน้าดูไม่อยากจะต้อนรับหรืออยากพบหน้าใครทั้งนั้นในตอนนี้
“คุณเฌอรินเข้าพักผ่อนในห้องที่คุณปราบให้คนเตรียมเอาไว้แล้วครับ”
“โวยวายไหม”
“ไม่ครับ ไม่แสดงอาการอะไรออกมาเลยครับ และดูเหมือนเธอจะเรียบร้อยกว่าที่คิดเอาไว้”
“เหอะ...ก็คงสร้างภาพ”
“แล้วคุณปราบจะไม่ลงไปรับประทานอาหารร่วมกับเธอ?”
ก้องภพทำตามคำสั่งของผู้นำตระกูลคนปัจจุบัน เขายังคงยืนจ้องตาปราบด้วยใบหน้าเฉยชา ต่อให้เขาจะสนิทกับกับปราบมาตั้งแต่เด็ก แต่เมื่ออยู่ในเวลาหน้าที่ก้องภพก็ยังสามารถควบคุอารมณ์และกิริยาได้ดีจนเขาเป็นที่ไว้วางใจของทั้งปฐวีและปราบ
"บอกเธอว่าวันนี้ฉันยุ่ง ไม่ว่างลงไปร่วมโต๊ะด้วย"
"ครับ"
ก้องภพรับคำพูดก่อนจะหันหลังเตรียมกลับออกไปทันที ก่อนจะออกไปก็ยังสังเกตุเห็นว่าปราบมีสีหน้าที่ครุ่นเครียดขนาดไหน เขารู้ดีว่าตอนนี้ต้องปล่อยให้อีกฝ่ายอยู่คนเดียวไปก่อน เพราะถ้าสิ่งไหนที่เขาบอกว่าไม่ มันก็คือไม่ ไร้ข้อแม้ทั้งสิ้น เขาเดินกลับลงมาอีกครั้ง ก่อนที่จะถ่ายทอดคำพูดของปราบออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำต่อหน้าแขกผู้มาเยือนใหม่อย่างถาวรเช่น เฌอริน
"อ่อไม่เป็นไรค่ะ?"
หลังจากที่รู้ว่าเขาไม่ลงมาต้อนรับแม้กระทั่งร่วมโต๊อาหาร เธอได้แต่ก้มหน้านิ่ง เพราะไม่คิดว่าเจ้าของบ้านจะแสดงอาการรังเกียจอะไรออกมาขนาดนี้ เขาคงจะรังเกียจคนที่มาจากตระกูลดิษสถาวงศ์อย่างบ้านของเธอมากถึงขนาดไม่อยากจะเจอหน้า
ถึงตอนนี้ที่เฌอรินเพิ่งรู้มาอีกอย่างว่า ส่วนหลังนี้ที่เป็นบ้านพักของปราบ ถูกตั้งแยกออกมาจากคฤหาสน์หลังใหญ่อีกครั้งที่น่าจะเป็นของคุณพ่อและครอบครับของเขา ซึ่งหลังนี้เตรียมเอาไว้สำหรับเป็นเรือนหอของเธอกับเขาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
.....
ผ่านไปเกือบอาทิตย์ นับตั้งแต่ที่มาที่นี่ เฌอรินพยายามปรับตัวให้เข้ากับสถานที่แห่งใหม่ ถึงเธอจะรู้สึกกดดันน้อยลงแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมาเลย แม่บ้านทุกคนเหมือนไม่มีใครอยากพูดกับเธอ ความรู้สึกโดดเดี่ยวและเหงาจึงกลายเป็นเพื่อนของเธอมากกว่าเหล่าแม่บ้านและบอดี้การ์ดที่คอยเดินไปมาในคฤหาสน์
หญิงสาวเดินออกมาจากห้อง ทุกห้องยังคงปิดสนิทเหมือนไม่มีใครอยู่ที่นี่เหมือนเดิม และเช่นกันกับว่าที่สามีของเธอที่ชื่อปราบ เฌอรินเกือบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าตัวเองมาที่นี่เพื่อจะต้องแต่งงานกับเขา เพราะตั้งแต่ครั้งแรกที่หญิงสาวมาเยือนจนถึงตอนนี้ แม้แต่เงาของอีกฝ่าย หญิงสาวก็ยังไม่มีโอกาสได้เห็น จนเธอคิดไปแล้วจริงๆว่าผู้ชายที่ชื่อปราบ มีตัวตนจริงหรือไม่...
บอดี้การ์ดที่ยืนเวรบริเวณหน้าประตูทางเข้าหันมามองเธอด้วยสีหน้าขึงขังราวกับว่าเฌอรินเป็นผู้บุกรุกอย่างเช่นทุกที ก่อนที่หญิงสาวจะเดินออกไปอีกทางด้านหลังที่เชื่อมต่อไปยังสวน
ด้านข้างเป็นสระน้ำขนาดกว้างสีครามน่าลงไปเล่น มีทางเดินเชื่อมต่อไปยังสวนต้นไม้และดอกไม้ที่ส่งกลิ่นหอม เธอเดินทอดน่องออกไปอย่างเหม่อลอย ก่อนจะเดินเข้าไปหยุดอยู่กลางสวนด้วยความคิด
ในภาพเบื้องหน้าเป็นบ่อน้ำพุที่สูงกว่าเธอตั้งอยู่ บนยอดเป็นรูปปั้นของนกหงส์สองตัวกำลังทำท่าเหมือนจะกอดกัน สายน้ำพุ่งและตกลงมาตามแรงโน้มถ่วงอย่างต่อเนื่อง กลิ่นดอกไม้ต่างๆส่งกลิ่นหอมทำให้เธอสามารถผ่อนคลายลงได้เล็กน้อย หลังจากที่เจอกับสภาวะกดดันตลอดหลายวัน หรือจะว่าไปอาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์เลยก็ว่าได้
เฌอรินหยิบโทรศัพท์มาเพื่อโทรกลับไปบ้านด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ
“เป็นอย่างไงบ้างลูก คนพวกนั้นต้อนรับลูกของพ่อดีหรือเปล่า”
“รินสบายดีค่ะ ทุกคนในบ้านนี้ดีกับรินมาก”
คำโกหกคำโตถูกพูดออกไปเพื่อไม่ให้ทุกคนต้องเป็นห่วง ถึงแม้ว่าจะสวนทางกับความอึดอัดที่เกิดขึ้น แต่เฌอรินก็เข้มแข็งพอที่จะไม่แสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น
เธอตั้งใจอย่างแน่วแน่แล้วว่ามาที่นี่เพื่ออะไร ต่อให้จะไม่ได้รักอีกฝ่าย หรือต้องจำใจมากแค่ไหน แต่หญิงสาวไม่มีวันถอดใจแน่นอน
“ไม่พูดโกหกให้พ่อไม่สบายใจนะ”
“ไม่ค่ะ คุณปราบเองเขาดีกับรินมาก” ปากบอกว่าเขาดี ทั้งที่ตัวเองยังไม่ได้เจอหน้าเขาเป็นอาทิตย์ตั้งแต่มาถึง นึกแล้วก็...
เฮ้อ....เฌอรินถอนหายใจ นึกเสียใจที่ต้องโกหกพ่อ แต่ก็ไม่อยากให้พ่อต้องเป็นห่วง
“งั้นดูแลตัวเองดี ๆ นะลูก”
“ค่ะ คุณพ่อเองก็เช่นกันนะคะ”
สายโทรศัพท์ที่ตัดสายลงไปพร้อมกับหัวใจที่ห่อเหี่ยว ดวงตาคู่สวยได้แต่ทิ้งสายตาไว้ที่น้ำพุเบื้องอย่างนั้นครู่ใหญ่ เฌอรินยืนนิ่งเหมือนภาพที่ถูกถ่ายไว้ โดยไม่ได้รู้สึกถึงการมาของใครบางคนเลยแม้แต่น้อย
ทางด้านหลังของเฌอรินมีผู้ชายคนหนึ่งในชุดสูทพอดีตัว เขาสูงสง่าแถมยังมีหน้าตาที่ดูดีหล่อเหลา ผมดำขลับของเขาทำให้ผิวและใบหน้าของชายหนุ่มยิ่งขาวสว่างมากขึ้น เพราะวันนี้เพิ่งเลิกงานกลับบ้านไวและไม่คิดว่าเธอจะกล้าลงมาเดินที่สวนหย่อมภายในบ้านของเขาเพียงลำพัง