“ได้ส่องดูก่อนหรือเปล่าว่าเป็นพี่จริงๆ”
“ไม่ค่ะ ก็พี่เปรมโทรหาปรางค์แล้วไงคะ”
“ถ้าบังเอิญว่าพี่โทรหาแล้วคนอื่นเป็นคนเคาะก่อนหล่ะ” เปรมภพดุให้น้องสาว เทอมหน้าเขาขึ้นปี4 คงไม่มีเวลามาดูแลเธอเท่าไรนัก
“คราวหลังปรางค์จะระวังค่ะ มีอะไรกินบ้างคะ หิวแล้วววว” ปรางค์ฉัตรใช้ความทะเล้นเข้าสู้ แล้วมันก็ได้ผลทุกครั้ง หญิงสาวเป็นคนอยากรู้อยากลองและโดนคนเป็นพี่ดุให้หลายครั้งจนเธอรู้วิธีเอาตัวรอด
หลังจากที่ทานอาหารด้วยกันเสร็จ เปรมภพก็ออกไปหาตะวันที่เดิม เขายังรู้สึกหวั่นๆที่ต้องเผชิญหน้ากับพระราม
“มันมาละ มึงก็อย่าอาละวาดหล่ะ” ตะวันพูดดักเพื่อนที่นั่งดื่มกับเขาอยู่ก่อนแล้ว
พระรามทำเป็นไม่สนใจสิ่งที่ตะวันพูด และเมื่อเปรมภพมานั่งลงฝั่งตรงข้ามเขา เขาก็ไม่แม้แต่จะเหลือบมองอดีตเพื่อนรัก
เป็นครั้งแรกที่พวกเขามานั่งดื่มด้วยกันหลังจากเกิดเรื่อง พระรามนิ่งเงียบผิดคาด เขาสองคนคิดว่าพระรามจะอาละวาดเสียอีก ตะวันยังคงคุยกับเปรมภพปกติ แต่กับพระรามไม่ใช่ จริงอยู่ที่ตอนนี้เขาอาจจะกำลังโกรธ แต่คงไม่มีวันเหมือนเดิมอีกแล้ว
“ไปไหนวะ”
“กลับแล้ว เบื่อ” พระรามลุกขึ้นและเดินออกไปทันทีไม่สนใจสายตาของเปรมภพที่มองมาอย่างรู้สึกผิด
“เอาน่า วันนี้มันไม่อาละวาดก็ดีแล้ว เดี๋ยวมันก็หายโกรธ”
“อืม”
3เดือนต่อมา...
ปรางค์ฉัตรเข้าเรียนมหาลัยเดียวกับพี่ชายในคณะบริหาร เธออยากกลับไปดูแลกิจการของแม่ที่พ่อเธอดูแลอยู่ตอนนี้ แต่พ่อไม่เคยแบ่งผลกำไรให้เธอกับพี่ชายสักบาท
“ประชาสัมพันธ์จากห้องบรรณาธิการนะคะ นางสาวปรางค์ฉัตร วิไลอักษร ติดต่อรับบัตรประชาชนคืนได้ที่ห้องสมุดค่ะ”
ปรางค์ฉัตรที่กำลังลื้อกระเป๋าหาสิ่งนั้นอยู่เงยหน้าขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงประกาศ
“นั่นไงเราบอกแล้วว่าต้องลืมไว้ที่นั่นแหละ”
“เดี๋ยวเราไปเอาก่อนนะ”
“เราไปเป็นเพื่อน”
“ไม่ต้องหรอก คะนิ้งนั่งเฝ้าโต๊ะไว้ดีกว่า” ปรางค์ฉัตรเดินกลับมาห้องสมุดที่เธอเข้ามาใช้บริการตอนเช้า ก็เจอเจ้าหน้าที่ห้องสมุดและใครอีกคนนั่งข้างๆกัน เขาสวมเสื้อช็อปสีกรมเหมือนพี่ชายของเธอ และเขามองหน้าเธออย่างเปิดเผยจนเธอรู้สึกประหม่า
“หนูมาเอาบัตรประชาชนค่ะ”
“อ๋อ ปรางค์ฉัตรใช่มั้ย” เจ้าหน้าที่ห้องสมุดอีกคนถามเธอ
“ใช่ค่ะ หนูชื่อปรางค์ฉัตร”
“นี่จ่ะ”
“ขอบคุณค่ะ” เธอยกมือไหว้ขอบคุณรุ่นพี่สาวและหยิบบัตรคืนโดยพยายามไม่มองว่ามีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองเธออยู่ตลอด
“สนใจหรอพระราม” หญิงสาวถามเขาที่จู่ๆก็มานั่งอยู่ตรงนี้ทั้งที่ร้อยวันพันปีเขาไม่แม้แต่จะมาใกล้ที่นี่เลยด้วยซ้ำ
“เปล่า แค่อยากมานั่งตากแอร์” ตอบคำถามเธอจบเขาก็ลุกขึ้นยืนและเดินออกไปทันที ไม่สนว่าเหตุผลที่เพิ่งบอกกับเพื่อนสาวเมื่อครู่มันฟังดูไม่ขึ้นเท่าไร
“มึงไปไหนมาไอ้ราม”
“เสือก” ตะวันมองเพื่อนด้วยสายตาไม่ไว้ใจ เมื่อครู่ได้ยินประกาศตามหาเจ้าของบัตรประชาชนนามสกุลเดียวกับเปรมภพ น่าจะเป็นน้องสาวของมัน แล้วจู่ๆพระรามก็ลุกไป
...
ปรางค์ฉัตรกลับมาหาเพื่อนที่โรงอาหารก็พบว่าเพื่อนซื้อข้าวไว้รอเธอแล้ว
“สั่งมารอแล้ว กลัวเธอกินไม่ทัน”
“ขอบใจนะ เดี๋ยวเราโอนค่าข้าวให้”
“อื้ม”
คะนิ้งคือเพื่อนเพียงคนเดียวของปรางค์ฉัตร เพราะนิสัยที่เหมือนกันในหลายๆอย่างทำให้เธอสนิทกันที่สุด และเลือกเรียนมหาลัยเดียวกัน คณะเดียวกัน
“ปรางค์”
“หืม”
“คืนนี้ไปเที่ยวกันนะ พวกแนนนี่ชวนอ่ะ ไม่ไปน่าเกลียดแย่เลย”
“ไปสิ ที่ไหนหล่ะ”
“บีบาร์ผับอ่ะ ไปเจอกันที่นั่นเลยนะ สามทุ่ม”
“โอเค” ปรางค์ฉัตรตกปากรับคำเพื่อนอย่างง่ายดายเพราะเธอมีแผนในหัวไว้แล้ว ว่าจะไม่บอกพี่ชาย ปกติเขาก็ไม่อยู่ห้องอยู่แล้วนี่ เขาไม่รู้หรอกว่าเธอแอบหนีเที่ยว
...
เธอลองกดกริ่งที่ห้องของพี่ชายก่อนออกมา ไม่มีคนเปิดแปลว่าเขาไม่อยู่ห้องหน่ะสิ ริมฝีปากบางยกยิ้มที่อะไรๆก็ดูเข้าทางเธอไปหมด
หญิงสาวตัวเล็กผิวขาวสวมชุดเดรสรัดรูปแขนยาวสีดำดูสง่า ใบหน้ารูปไข่รับกับผมที่ถูกรวบขึ้นมัดกลางศีรษะธรรมดาแต่กลับทำให้เธอดูเด่นกว่าใครซะอย่างนั้น
“ปรางค์ ทางนี้” แนนนี่เพื่อนใหม่ยกมือขึ้นเรียกเธอจากด้านในสุด เธอจึงเดินไปยังโต๊ะที่เพื่อนๆมาถึงก่อนแล้ว
“พอดีฉันจองโต๊ะชั้นบนไม่ทันหน่ะ วันนี้นั่งนี่กันไปก่อนเนอะ”
“เห้ย ไม่เป็นไรนั่งนี่ก็ได้ ประหยัดตังค์ดี” ปรางค์ฉัตรนั่งลงข้างๆคะนิ้งที่มาถึงก่อนเธอแล้ว
“ปรางค์ดื่มมั้ย”
“เราไม่ค่อยดื่มอ่ะเอวา”
“ดื่มหน่อยสิปรางค์ พวกเราก็ดื่มกันหมด”
“อย่าดีกว่า เราต้องขับรถกลับอีก” เพื่อนๆไม่ได้เซ้าซี้ให้เธอดื่ม ปรางค์ฉัตรเลือกดื่มเพียงน้ำอัดลมที่เอวาสั่งมาให้ใหม่ พวกเธอนั่งฟังเพลงจังหวะมันส์ๆมาพักใหญ่คนที่ดื่มแอลกอร์ฮอลเข้าไปชักอยากเต้นจึงลุกออกไปที่หน้าเวที เหลือเพียงปรางค์ฉัตรกับคะนิ้งที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ
แค่กๆๆ
ปรางค์ฉัตรสำลักจนหน้าแดงเมื่อยกแก้วน้ำอัดลมขึ้นดื่มแล้วรู้สึกว่ารสชาติมันเปลี่ยนไป
“ปรางค์ เราขอโทษ คือ..เราผสมเหล้าลงไปให้เองแหละ” คะนิ้งรีบขอโทษเมื่อเห็นเธอสำลัก
“ไม่เป็นไร อื้มม ไม่เป็นไรหรอก แต่แก้วนี้แก้วเดียวพอนะ”
“ขอโทษนะปรางค์ เราไม่คิดว่าเธอจะสำลักขนาดนี้”
“ไม่เป็นไรเราแต่ไม่ทันตั้งตัวหน่ะ” ปรางค์ฉัตรนั่งเงียบแทบไม่ยกแก้วของเธอขึ้นดื่มอีกเลยจนมันละลาย คะนิ้งจึงคิดไปเองว่าเพื่อนโกรธ
“ปรางค์โกรธเราหรอ”
“คิดมากน่าคะนิ้ง เราไม่ได้โกรธ”
“แต่เธอไม่ดื่ม...” คะนิ้งพูดเสียงเศร้า
“มันไม่อร่อยแล้วอ่ะ เธอรินมาใหม่สิ” ปรางค์ฉัตรเทน้ำในแก้วทิ้งและวางแก้วลงตรงหน้าคะนิ้ง หญิงสาวระบายยิ้มออกมาแล้วรินเหล้าเพียวๆให้เพื่อนคออ่อนถึงครึ่งแก้ว
“ถ้าเธอไม่ได้โกรธก็ดื่มให้หมดสิ” คะนิ้งคิดว่าเหล้าเพียงแค่ครึ่งแก้วมันน้อยไปด้วยซ้ำกับที่เธอดื่ม ทั้งที่รู้ว่าปรางค์ฉัตรไม่ชอบดื่มมัน
หญิงสาวกลั้นใจดื่มเหล้าทีเดียวจนหมดเพราะกลัวเพื่อนคิดว่าตัวเองโกรธ
ปึก
“เก่งมาก เอาอีกมั้ย”
“ไม่เอาแล้ว ฉันขอน้ำอัดลมเหมือนเดิมนะ”
“ก็ได้” คะนิ้งเติมน้ำอัดลมให้ปรางค์ฉัตรลงในแก้วใบเดิม รสชาติของแอลกอร์ฮอลบาดลิ้นจนต้องดื่มน้ำตามเยอะๆ
“โห ทำไมหน้าแดงขนาดนี้อ่ะ”
“เราไปล้างหน้าก่อนนะ” ปรางค์ฉัตรเริ่มรู้สึกตาลาย เธอเมาแน่เลย แต่เธอดื่มไปไม่เยอะได้น้ำเย็นๆล้างหน้าคงรู้สึกดีขึ้น
“แนนนี่กับเอวายังไม่มาเลยอ่ะ เธอไปคนเดียวได้ใช่มั้ย” เพราะกระเป๋าของสองคนนั้นยังวางอยู่ที่โต๊ะ จึงจำเป็นต้องมีคนเฝ้า
“ไม่...ไม่เป็นไร ฉันไปคนเดียวได้สบายมาก”
“เดินอ้อมไปทางนี้นะ ห้องน้ำหญิงเดินแยกไปซ้ายมือ”
“โอเค”