ตอนที่ 3 เนื้อคู่

3490 Words
คนที่เลิกงานมาตั้งแต่บ่ายสี่โมงเย็นเพราะคุณปู่บอกให้รีบกลับบ้าน ภูผาขับรถมาเองแล้วปล่อยโจกลับไปพัก พอรถผ่านพ้นเข้ามาในเขตของรั้วบ้านซึ่งมีพื้นที่กว้างขวางมากถึงห้าไร่ ปลูกต้นไม้ล้อมรอบตามขอบเขตรั้วร่มรื่นไปหมด มีถนนหนทางเข้าบ้านอยู่ตรงกลาง สองข้างทางมีสนามหญ้าที่ถูกตัดให้เป็นระเบียบ มีพุ่มไม้ดอกไม้ประดับเป็นรูปทรงต่างๆ เพราะคุณย่าของเขาชอบปลูกต้นไม้ดอกไม้มาก ตัวบ้านเป็นแบบทรงไทยสไตล์ล้านนาประยุกต์กึ่งปูนกึ่งไม้สีขาวเกือบทั้งหลัง มีประตูหน้าต่างเป็นบานไม้สีเหลืองตัด มีลานจอดรถตรงข้างบ้านจอดได้ประมาณสิบกว่าคัน แต่วันนี้ทุกคนดูพร้อมใจกันเลิกงานเร็วดีไม่ใช่เขาเพียงคนเดียว บ้านหลังนี้อยู่อาศัยด้วยกันหลายคน มีคุณปู่คุณย่าวัยแปดสิบสามปี พวกท่านทั้งสองอายุเท่ากัน และคุณลุงคุณป้าที่อายุแตะเลขหกกันแล้วทั้งนั้น พ่อกับแม่ของเขาอายุห้าสิบปีปลายๆ และมีแม่บ้านคนสวนอีกมากมายกว่าสิบชีวิตอายุมากน้อยแตกต่างกันไป ถ้านับชีวิตรวมกันได้ก็ประมาณยี่สิบคนน่าจะถึง พ่อกับแม่ของเขาและคุณลุงคุณป้าจะอาศัยอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนคุณปู่กับคุณย่ากันไม่ได้ออกเรือน ส่วนเขาเมื่อก่อนก็อยู่ที่นี่เป็นหลัก แต่พอกลับจากเรียนต่างประเทศจึงขอคุณปู่กับคุณย่าย้ายออกไปอยู่คอนโด สะดวกต่อการออกไปหาเหยื่อดีโดยไม่ต้องมีใครมาถามว่าคืนนี้จะไปไหน ถ้าเขาบอกออกไปว่าไปหาเพื่อนก็จะทุกวันเกินไป ถ้าบอกออกไปตรงๆ ว่าจะไปหาสาวๆ ที่ไหนได้ช็อกกันไปอีกเพราะคุณปู่เป็นโรคหัวใจ เขาจึงใช้ลูกอ้อนกับคุณย่าบอกว่าชินกับการใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมากกว่า แล้วมันก็ได้ผลเพราะเขาคือหลานชายคนเดียวยังไงล่ะ เรียกได้ว่าเขาเป็นหลานชายคนเดียวของตระกูลเพราะคุณลุงคุณป้าไม่สามารถมีลูกได้เนื่องด้วยปัญหาสุขภาพ เขาจึงมักได้รับการตามใจจากคนทั้งบ้านยกเว้นคุณพ่อกับปู่อีกนั่นล่ะ แต่ส่วนมากจะเอนไปทางคุณปู่มากกว่าไม่รู้มีปัญหาอะไรกับเขานักหนา และนานๆ จะกลับมาทีหากว่ามีใครเรียกตัวอย่างเช่นวันนี้ไง ภูผาเดินเข้าไปในบ้านเมื่อดับเครื่องยนต์เสร็จเรียบร้อย เดินไปยังห้องรับแขกที่ทุกครั้งมาก็จะมาเจอกันตรงนี้ เมื่อทุกคนมาครบและได้เวลาอาหารมื้อค่ำเราถึงจะย้ายไปที่ห้องทานอาหารอีกที เป็นเขาที่มาเป็นคนสุดท้าย เพราะไล่สายตาดูไปทีละคน ใบหน้าคุ้นตาอยู่ครบหมด แต่กลับต้องขมวดคิ้วเมื่อเจอใบหน้าที่เขาจำเธอได้แม่น ก็คนที่เพิ่งเดินออกจากห้องทำงานของเขาไปเมื่อเช้า อะ..อ้าว คนสวย! ไม่คิดว่าโลกจะกลมขนาดนี้ เห็นไหม นิชาดาจะไปไหนรอด หึ และเขาบอกแล้วนะว่าหากเขาเจอเธอด้านนอกคราวนี้เธอไม่รอดแน่ๆ ว่าแต่มานั่งทำอะไรในบ้านเขา ท่าทางดูเจียมเนื้อเจียมตัว อย่าบอกว่าคุณปู่กำลังจะหาหลานสะใภ้เข้าบ้านหลังนี้ ความจริงเทวดาไม่อยากให้เธอเป็นแค่คู่นอนของเขาแต่อยากให้นิชาดามาเป็นเมียเขาแทนเห็นไหมล่ะ 'อะ..แฮ่ม' ภูผากระแอมในลำคอ 'แต่งครับปู่' "ภู" คนเป็นปู่เห็นท่าทางที่มองแขกของบ้านไม่วางตาสักทีรีบเรียกหลานชาย ไม่รู้ไปเอาพฤติกรรมแบบนี้มาจากที่ไหน เอาจริงไม่น่าส่งไปเรียนเมืองนอกเมืองนาเลย กลายเป็นคนหัวนอกที่ไม่ค่อยสำรวมเลยจริงๆ กินเหล้าเข้าผับเที่ยวผู้หญิงอย่าคิดว่าเขาไม่รู้ "อะ..อ้าว สวัสดีครับคุณปู่คุณย่า" ภูผาละสายตาออกจากใบหน้าสวยอย่างแสนเสียดายแล้วหันไปยกมือไหว้ปู่กับย่าอย่างทุกครั้งที่มา ก่อนเดินเข้าไปหอมแก้มเหี่ยวมีริ้วรอยตามฉบับหญิงวัยชราทั้งสองข้างอย่างเอาอกเอาใจ "หอมจัง" ภูผาอมยิ้มอย่างมีเลศนัย เหมือนคุณปู่จะรู้ทันว่าเขาคิดอย่างไรจึงเอาใจคุณย่าสักหน่อยเผื่อมีตัวช่วย "ปากหวาน" คนเป็นย่าอมยิ้มกับการกระทำของหลานชาย จำได้ตั้งแต่เด็กจนโตขนาดนี้ ภูผาคือรอยยิ้มที่ดีที่สุดของเธอ มากกว่าคนเป็นสามีของเธอเสียอีก "คิดถึงคุณป้าเหมือนกันนะครับ" แล้วก็เดินเข้าไปหอมแก้มป้าตัวเอง แม่นมในวัยเด็กของเขา เรียกได้ว่าทั้งคุณย่าคุณป้าและคุณแม่สลับสับเปลี่ยนกันดูแล ตบท้ายด้วยแม่ของเขาที่นั่งรอกอดลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเพราะเราไม่ได้เจอกันหลายวัน "คิดถึงคนสวยของผมที่สุดเลยครับ" หอมแก้มทั้งสองข้างฟอดใหญ่แล้วคนเป็นแม่ก็หอมลูกชายกลับ เราทำแบบนี้กันเสมอมา "แม่ก็คิดถึงภู กลับบ้านเราบ่อยๆ นะลูก มากินข้าวที่บ้าน" "อืม.." ภูผาทำท่าคิด "ถ้าคุณพ่อกับคุณลุงไม่ใช้งานผมหนักเกินไปผมต้องมีแรงกลับมาทานข้าวทุกวันแน่ๆ ครับ" "น้อยๆ หน่อย" คนเป็นพ่อรีบเตือนทันที ถึงแม้เราสามพ่อแม่ลูกจะช่วยกันดูแลธุรกิจด้วยกัน แต่น้อยนักที่จะได้เจอลูกชายเพราะเราอยู่คนละตึกกัน เขานั้นทำงานอยู่กับภรรยาที่ตึกฝั่งตะวันออก พี่ชายของเขากับเมียทำอยู่ฝั่งทิศใต้ เลยทำให้ไม่บ่อยนักที่จะได้เจอตัวภูผาในห้องประชุมเนื่องจากอีกฝ่ายจะให้เลขาเข้าแทน แล้วภูผาก็เทียวลงไปดูงานที่กรุงเทพบ่อยครั้ง พักหลังๆ ยิ่งบ่อยมากทุกสัปดาห์ ทั้งเขาและพี่ชายรวมถึงภรรยาของเราทั้งคู่ยังคงทำงานกันอยู่แม้อายุมากแล้ว แต่ทุกคนก็ยังไหวกันหมดเพราะเติบโตมากับงานที่พ่อสร้างมากับมือจึงไม่อยากปล่อยให้ไปอยู่ในมือคนอื่น พี่เขานั่งตำแหน่งประธานบริษัท ส่วนเขาเป็นประธานกรรมการบริษัท มีลูกชายเป็นรองประธานต่อจากลุงตัวเองที่ตำแหน่งสูงกว่า ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือพี่เขาตำแหน่งสูงสุด รองลงมาคือภูผา และลำดับต่อมาถึงเป็นเขา ที่ทำแบบนี้เพราะพวกเราเริ่มแก่กันแล้ว รอแค่ให้ภูผาพร้อมในทุกด้านเพื่อก้าวขึ้นเป็นประธานบริษัทในภายภาคหน้าแทน ปฏิเสธไม่ได้ว่าเราทุกคนในบ้านตอนนี้ต่างฝากอนาคตไว้กับภูผาทั้งนั้น เมื่อก่อนเป็นเขาที่เทียวลงไปดูงานกรุงเทพในฐานะหุ้นส่วน แต่พออายุเริ่มเยอะแล้วเทียวไปเทียวมาไม่สะดวกจึงให้วัยรุ่นเขาทำแทนน่าจะคล่องตัวดี เป็นเวลาสองปีแล้วที่เขาหยุดแล้วเป็นหน้าที่ของภูผา แต่เห็นใบหน้าเหนื่อยล้าของลูกชายแบบนี้เริ่มสงสารแล้วล่ะ ข้อนี้เดี๋ยวเขาจะลองคุยกับพ่อและแม่อีกที ภูผาอมยิ้มแล้วถอยกลับมานั่งลงโซฟาเดี่ยวในท่าสบายๆ มือสองข้างวางลงบนที่วางแขนแล้วมองคนที่เป็นเป้าสายตาของตัวเองตั้งแต่แรกไปด้วย แกะน้อย.. เพราะเวลานี้หญิงสาวดูเรียบร้อยไม่เหมือนเมื่อเช้าเลย นิชาดาดูน่ารักน่าทะนุถนอมไปหมด ดูเรียบร้อยเมื่ออยู่ในชุดเดรสสีครีมแขนตุ๊กตา ยิ่งส่งให้ผิวขาวๆ ของเธอแถมยังดูเอิบอิ่มเป็นธรรมชาติดูน่าสัมผัส เป็นอีกลุคหนึ่งต่างจากเมื่อเช้ามาก นี่คงเป็นการแต่งตัวเข้าหาผู้ใหญ่ใช่เน้นสัดส่วนอย่างที่เขาพบเห็นก่อนหน้า คนอะไรมีทั้งความน่ารักและเซ็กซี่ในคนคนเดียวกัน ถึงแม้เมื่อเช้าเธอจะอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกระโปรงทรงเอสีดำสั้นก็ตาม แต่เขามองทะลุผ่านเสื้อของเธอเห็นนะว่าสายชุดชั้นในเป็นสีแดง ดูเผ็ดร้อนซ่อนเปรี้ยวเหมาะกับคนอย่างเขามาก ไล่สายตาลงต่ำไปที่ขาขาวๆ ทว่าเจอกับรอยอะไรบางอย่าง พอนึกขึ้นได้ว่าเมื่อเช้านิชาดาบอกเขาว่าเธอประสบอุบัติเหตุทางรถมอเตอร์ไซค์ ทำให้ตอนนี้ที่เข่าของเธอมียาสีเหลืองๆ ป้ายอยู่ ผู้เป็นประมุขของบ้านไล่สายตาตามหลานชายอย่างเหนื่อยหน่ายใจก่อนจะขมวดคิ้ว "นิด" "ขาคุณปู่" นิชาดาออกจากภวังค์ แน่นอนว่าคนที่เพิ่งขาดเสาหลักของครอบครัวมาไม่นานกำลังปลอบใจตัวเองเพื่อไม่ให้ร้องเมื่อเจอภาพครอบครัวอบอุ่นขนาดนี้ พยายามผ่อนลมหายใจออกมาให้โล่ง เงยหน้าขึ้นมองเพื่อรอฟังคุณปู่พูด "ขาไปโดนอะไรมาลูก" "อะ..อ๋อ" นิชาดาก้มลงมองบนแผลที่ป้ายยาสีเหลืองๆ เพราะทำแผลเองไปเมื่อเช้าก่อนเอ่ยออกมา "พอดี..นิดสะดุดล้มเมื่อเช้าน่ะค่ะ" นิชาดาเลือกบอกอย่างนี้มากกว่า ไม่อยากเอ่ยเรื่องที่เธอไปเจออุบัติเหตุมาให้ท่านกังวลใจเพราะแค่นี้ก็รบกวนท่านมากพอแล้ว หากบอกว่าเธอเกิดอุบัติเหตุทางรถมอเตอร์ไซค์คงไม่พ้นหารถยนต์มาให้เธอขับ หรือไม่ก็ส่งคนมาดูแลเธออย่างนั้น นิชาดาไม่อยากให้มันดูมากมายจนเกินไป ภูผาเลิกคิ้วเมื่อได้ฟัง ทั้งที่เมื่อเช้าเธอบอกเขาว่ารถมอเตอร์ไซค์ล้มเพราะเฉี่ยวชนกัน แต่กลับบอกคุณปู่ว่าตัวเองเดินสะดุดล้มเสียอย่างนั้น มีความจำเป็นอะไรต้องโกหกไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่ง "ซุ่มซ่าม" คุณหญิงของบ้านเอ่ยออกมาแล้วเมินหน้าไปทางอื่นอย่างไม่ชอบ ทุกคนในนี้ต่างเงียบหมด พอจะมองออกแล้วว่าคุณย่าไม่ชอบเด็กคนนี้ แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด "ไม่เอาน่าคุณหญิง" คนเป็นสามีส่ายหัวห้ามปราม เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาให้นิชาดามาบ้าน เมียเขาตีโพยตีพายไปใหญ่ถึงเรื่องที่เขาปิดบัง ความลับที่ว่าจะเก็บไปจนตายมันจึงไม่เป็นความลับอีกแล้ว เมื่อผู้เป็นสามีว่าอย่างนั้นกลับน้อยอกน้อยใจขึ้นมาลุกเดินหนีออกจากตรงนี้ไปทันที "ไม่เป็นไรหรอกนะ" ผู้เป็นปู่บอกหลานสาว นิชาดาพอจะเข้าใจดี เธอไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างในอดีต แต่พอจะเดาออกได้ว่าคุณย่าไม่ชอบเธอ แต่ไม่รู้สาเหตุอีกเหมือนกัน "เอาล่ะ งั้นเริ่มคุยเลยแล้วกัน เด็กๆ นั่งฟังไปก่อนนะเจ้าภูเจ้านิด" "ครับคุณปู่"/"ค่ะคุณปู่" ภูผาและนิชาดาขานรับพร้อมกัน "ผากับภูมิ" ชายชราเรียกลูกชายทั้งสองคน มีลูกสะใภ้ที่นั่งอยู่ทางด้านหลังทั้งคู่ "ครับพ่อ"/"ครับคุณพ่อ" "นี่เจ้านิด เป็นหลานสาวของเพื่อนพ่อ ตอนนั้นแม่เจ้านิดตั้งท้องได้สามเดือนกว่าๆ แต่สามีดันมาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตก่อนที่จะได้เจอหน้าลูก และไม่นานเพื่อนพ่อก็มาล้มป่วยแล้วเสียชีวิตตาม แต่ก่อนตายได้ฝากฝังให้พ่อช่วยดูแลลูกสะใภ้และหลานสาวที่กำลังจะเกิดมา พ่อจึงได้รับปาก จนแม่ภาคลอดเจ้านิดออกมา พ่อก็ได้หาคนไปเลี้ยงลูกช่วยแม่ภาอยู่พักหนึ่ง พอเจ้านิดโตเป็นสาวพ่อจึงส่งไปเรียนกรุงเทพ และเดือนที่แล้วนี่เองแม่เจ้านิดก็มาเสียไปอีกคน ตอนนี้เจ้านิดเหลือตัวคนเดียวแล้ว" ชายชราเอ่ยออกมาแล้วถอนหายใจยาว ยอมรับว่าเรื่องพวกนี้มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ และกุมความลับมานานตลอดหลายปี กระทั่งเขาสงสารนิชาดามากจึงจะไปชวนมาอยู่บ้านนี้ด้วยกัน แต่แล้วภรรยาของเขาที่เพิ่งมารู้เข้า และคิดว่าตัวเองถูกคนเป็นสามีหักหลังมาตลอดหลายปีจึงได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ไม่มีทางให้นิชาดาเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้แน่นอนไม่ว่าจะกรณีใดๆ ก็ตาม เขาจึงต้องหาคอนโดให้นิชาดาอยู่เพื่อย้ายออกจากหมู่บ้านเล็กๆ เพราะเป็นห่วงหลานสาวตัวคนเดียว ยอมรับว่าสองพี่น้องที่ได้ยินดังนั้นก็ตกใจมองหน้ากัน เพราะไม่เคยทราบเรื่องราวพวกนี้มาก่อนเลย แล้วที่น่าตกใจก็คือคุณพ่อเก็บความลับนี้ได้อย่างแนบเนียนและนานมาก คราวแรกคิดว่าพ่อไปทาบทามลูกสาวจากบ้านไหนมาให้หลานชาย วันนี้จึงเรียกภูผากลับมาทานข้าวด้วย ไม่คิดว่าเรื่องราวจะกลายเป็นอย่างนี้แทน วันที่พ่อดูแลอีกครอบครัวไม่ต่างจากดูแลลูกตัวเอง "พ่อขอโทษลูกทั้งสองคนด้วยนะที่ไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ฟังเลย" เขาจำต้องเปิดเผยเรื่องราวกับลูกและหลานในวันนี้ เพราะเกรงว่าหากตัวเองตายก่อนเมีย ลูกจะโดนคนเป็นแม่พาเกลียดนิชาดาไปด้วยทั้งที่เด็กคนนี้ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย "ยอมรับว่าตกใจแต่ผมไม่มีอะไรครับ แล้วแต่คุณพ่อเลยครับ" คุณภูมิเป็นคนเอ่ยแล้วหันไปยิ้มให้กับหลานสาวด้วยความสงสารจับใจ อะไรที่พ่อเขาว่าดีเขาก็ไม่ขัด เพราะคิดว่าท่านคงคิดมาดีแล้ว "ผมก็เหมือนน้องครับพ่อ" บ้านเราก็ไม่ได้ลำบากถ้าหากจะช่วยเด็กสักคน อีกอย่างเขากับเมียก็ไม่มีลูกกันด้วย บ้านเรามีหลานชายแค่คนเดียวคือภูผา หากพ่อจะเอ็นดูใครและรับเข้ามาเขาคิดว่ามันน้อยนิดมาก "พ่อจะให้หลานมาอยู่ที่นี่กับเราเหรอครับ" "เปล่าหรอก พ่อแค่อยากให้พวกเรารับรู้เฉยๆ ว่ามีใครอีกคนที่พ่อรักเหมือนลูกเหมือนหลานแท้ๆ แต่เจ้านิดจะไม่อยู่ที่นี่หรอก" แต่เขาไม่บอกว่าที่ไหนเพราะกลัวเมียรู้ ความจริงเขาแอบไปซื้อคอนโดให้นิชาดาอยู่ที่นอกเมืองจะได้ไกลหูไกลตาเมียหน่อย ภูผาที่ตั้งใจฟังตั้งแต่แรกยอมรับว่าตกใจไม่ต่างกัน นี่มันนิยายหรือความเป็นจริง มันมีแบบนี้ด้วยเหรอ แล้วนิชาดาอายุยี่สิบสองปีคือ..คุณปู่เก็บความลับมานานมาก แต่ก็ได้เข้าใจแล้วว่าทำไมท่านต้องกุมความลับไว้อย่างแน่นหนาเพราะดูท่าคุณย่าคงไม่ยอมรับนิชาดา แล้วมันก็จริงในเมื่อคุณย่าลุกออกไปจากตรงนี้แล้ว ส่วนสาเหตุที่มากกว่านี้เขายังไม่สามารถรู้ได้ มันต้องมีอะไรมากกว่านี้สิ บ้านเรารวยขนาดนี้ ถ้าแค่อยากช่วยเหลือเด็กสักคนมันจะไปยากอะไร แต่ถ้าท่านไม่เอ่ยเขาก็ไม่อยากเสียมารยาทถามไง เพราะนั่นก็ภรรยาของท่านซึ่งเป็นคุณย่าของเขา อีกอย่างพ่อและลุงเขายังไม่ถามถึงเลยว่าทำไมคุณย่าถึงไม่ชอบนิชาดา แต่ไม่เป็นไรเขาจะสืบเอง "โอเค นี่แหละคือสิ่งที่พ่อนัดทุกคนมาวันนี้ และรวมถึงเจ้าเด็กสองคนนี้ด้วย ทำความรู้จักกันเอาไว้นะ" มองใบหน้าของภูผาสลับกับนิชาดา "ในฐานะอะไรครับ" ภูผาถามยิ้มๆ เรื่องแบบนี้เขาถนัดนักแหละ "พี่..น้อง" คนแก่เอ่ยช้าๆ ชัดๆ มองสบตากับภูผาไม่วาง เมื่อคนเป็นปู่ว่าอย่างนั้นทำเอาภูผาค่อยๆ หุบยิ้มลง ก่อนจะเสมองไปทางอื่นเล็กน้อย เขาไม่ชอบนักสายตาคุณปู่ที่เหมือนจะรู้ทัน หวงหลานสาวสิท่า จะบอกเขาว่าห้ามแตะต้องว่างั้นเถอะ นิชาดาค่อยโล่งใจหน่อย อย่างน้อยการที่เขาถามตรงๆ ออกมาแบบนี้ และการที่คุณปู่เน้นย้ำสถานะของเธอกับเขามา เขาจะไม่สามารถรังแกเธอได้ 'ไอ้คนโรคจิต' แต่ก็ไม่ได้ตกใจที่เจอเขาที่นี่เพราะรู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าเขาเป็นหลานชายของบ้านหลังนี้ และที่เธอยื่นใบสมัครงานที่บริษัทแห่งนี้ก็เพราะคุณปู่ขอร้อง ดีแล้วที่ไม่ได้ ดีสุดๆ "ปู่เลยอยากฝากภูดูแลน้องในฐานะน้องสาว" คนเป็นปู่ย้ำกับหลานชายคราวนี้ "ให้ภูคิดซะว่านิดเป็นน้องแท้ๆ ของเราจะได้ไหม" ภูผาพยักพเยิดหน้าไปทีพอเข้าใจในจุดประสงค์ก่อนหันไปสบตากับนิชาดา แต่ที่เขาสงสัยก็คือว่านิชาดารู้ก่อนหน้าหรือเปล่าว่าเขาเป็นหลานคุณปู่ เพราะเมื่อเช้าที่ไปไม่เห็นเธอพูดหรืออ้างว่าตัวเองมีเส้นสายใหญ่ๆ เลย "แล้วที่ว่าไปสัมภาษณ์งานน่ะเป็นอย่างไรบ้างนิด คงจะเจอกันแล้วใช่ไหมภู" ถามหลานสาวแล้วหันไปมองหลานชายอีกที เพราะเขาเป็นคนบอกนิชาดาไปสมัครเองเมื่อได้ยินว่าภูผากำลังต้องการผู้ช่วยเลขา หากไม่อยากใช้เส้นสายก็ใช้ความสามารถ แต่คิดว่านิชาดาคงไม่พลาดแน่นอน "พอดีเมื่อเช้านิดหกล้มจึงไม่ได้ไปน่ะค่ะคุณปู่" นิชาดาเลือกบอกอย่างนี้มากกว่า ไม่อยากบอกว่าเพราะหลานชายคุณปู่ทำรุ่มร่ามใส่ให้ท่านกังวลใจ รับรู้มาว่าท่านมีโรคประจำตัว "อย่างนั้นเหรอ งั้นปู่ฝากให้น้องเข้าทำงานกับภูได้ไหมลูก" คนแก่หันไปถามหลานชายอีกที "เอ่อ..คุณปู่คะ" "ได้ครับ" นิชาดาหันขวับไปมองหน้าคนที่ตอบรับทันที "ไม่นะคะคุณปู่" เธอจะไม่มีทางไปทำงานกับผู้ชายบ้ากามอย่างเขาเด็ดขาด มีงานอีกหลายที่ที่เธอสนใจ "ทำไมเหรอลูก" "ได้ครับคุณปู่" ภูผารีบตอบรับอีกที นิชาดาต้องทำงานที่นี่ที่เดียวเท่านั้น! ในเมื่อไม่อยากเป็นเด็กของเขาก็มาเป็น'เมีย' นิดชาดาหันไปถลึงตาใส่เขา เขากำลังแกล้งเธอๆ รู้ "ดีๆ งั้นเอาตามนี้เลยนะนิด งั้นพวกเราไปทานข้าวกันเถอะ" ประมุขของบ้านเอ่ยแล้วลุกเดินออกไป ตามด้วยลูกชายทั้งสองและภรรยา นิชาดาไม่รู้ว่าตัวเองปุบปับทำได้อย่างไรเมื่อเหลือเพียงแค่เธอกับเขาสองคนในห้องนี้ ทำให้เธอรีบคว้าแขนคนที่กำลังจะเดินตามพ่อแม่เขาไปแทนการเรียกชื่อเพราะไม่ประสงค์ให้ใครได้ยินด้วย ภูผาหยุดยืนอยู่กับที่ ทำให้นิชาดาต้องเปลี่ยนไปยืนอยู่ด้านหน้าของเขาอย่างไว ความสูงของนิชาดาเพียงอกอีกฝ่าย ทำให้เธอต้องแหงนหน้าขึ้นมองเขา "นิดขอโทษนะคะคุณภูผาที่ทำกิริยาไม่ดีในเมื่อเช้า แต่ก่อนที่นิดจะมาที่นี่นิดเพิ่งได้รับอีเมลอีกที่ให้นิดไปสัมภาษณ์งาน คือนิดสมัครงานไว้หลายที่ คุณไม่จำเป็นต้องทำตามที่คุณปู่สั่งก็ได้ค่ะ เดี๋ยวนิดก็ได้งานแล้วค่ะ" นิชาดาจำต้องข่มใจเอาไว้แล้วคุยกับเขาดีๆ บอกแล้วว่าไม่อยากยุ่งเกี่ยว "ไม่ค่ะ พี่ไม่ชอบขัดคำสั่งผู้ใหญ่" ภูผาตอบอย่างสบายๆ อีกทั้งอยากเอาคืนคนที่ทำเหมือนรังเกียจเขามาก แต่เห็นทีแกะน้อยตัวนี้เกิดมาเพื่อเขาแน่ๆ ถึงได้วนเวียนกลับมาเจอกันอีกโดยที่เขาไม่ต้องออกแรง "คุณภู.." นิชาดาเอ่ยออกมาเนือยๆ "น้องนิดควรเรียกพี่ว่าพี่ภูดีกว่านะคะ แล้วแทนตัวเองว่าน้องนิดกับพี่ด้วย พี่ภูกับน้องนิดเพราะดีออกพี่ว่า" ภูผาเอ่ยเสียงหวาน นิชาดายังคงยืนนิ่งไม่ยอมทำตาม ภูผาเอามือกอดอกตัวเองแล้วก้มหน้าลงไปใกล้ๆ สัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน ตัวของนิชาดาหอมมากๆ ไม่รู้กินอะไรเข้าไปบ้าง ข้างนอกหอมขนาดนี้ข้างในจะหอมขนาดไหนกัน ก่อนเอ่ยน้ำเสียงกระซิบกระซาบออกมา "พี่ภูขาาาา น้องนิดขาาาา" ภูผาค่อยๆ ยืดตัวขึ้นด้วยท่าทีสบายๆ เมื่อเอ่ยจบ นิชาดาต้องฝึกเอาไว้จะได้ชิน เวลาอยู่บนเตียงหากเรียกเขาแบบนี้นะ..คงจะฟินน่าดู
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD