บรรยากาศในยามเช้า ทำให้คนที่อาศัยโรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่งในกรุงเทพเพื่อนอนค้างคืนค่อยๆ เริ่มรู้สึกตัว ภูผาในสภาพเปลือยกายท่อนบนอวดความสวยงามของกล้ามเนื้อบนแผ่นหลังเคลื่อนไปมาเป็นลอนสวย ค่อยๆ พลิกตัวขึ้นนอนหงายทั้งที่ตายังคงหลับอยู่
ผิวขาวฉบับคนภาคเหนือทำให้เจ้าตัวมีใบหน้าที่ใสมาก อีกทั้งริมฝีปากยังเป็นสีชมพูสด จมูกโด่งเป็นสัน กรามมองเห็นเด่นชัด แผงอกกว้างมียอดอกทั้งสองข้างเป็นสีชมพูอีกเหมือนกัน ส่วนท่อนล่างมีเพียงผ้าห่มสีขาวผืนหนาปกคลุมอยู่ ทว่าด้านในเปลือยกายทั้งหมดเพราะเพิ่งเสร็จจากกิจกรรมไปเมื่อตอนตีสามของวัน
พอภูผาจ่ายเงินผู้หญิงคนนั้นจึงโบกมือไล่ให้กลับได้ ส่วนเจ้าตัวจึงนอนค้างต่อ ค่อยๆ ปรับสายตาให้เข้ากับบรรยากาศในยามเช้า เพราะเมื่อคืนไปดื่มเหล้ากับเพื่อนมายังคงทำให้เขามีอาการ
ตวัดขายาวลงจากเตียงนอน พาร่างกายที่มีส่วนสูงกว่าร้อยแปดสิบสามเซนติเมตรเดินเข้าห้องน้ำในร่างเปลือยเปล่า มาหยุดยืนที่หน้ากระจกเงาเพื่อล้างหน้าล้างตาแล้วแปรงฟันเตรียมตัวกลับเชียงใหม่ ทว่ารอยอะไรบางอย่างบนต้นคอทำให้ภูผาสบถออกมาอย่างหัวเสีย เขาจะระวังเรื่องพวกนี้มาก เขาไม่ชอบให้ใครมาทิ้งร่องรอยเอาไว้บนตัวเพราะมันไม่สวยงามเลยสักนิด
วักน้ำในอ่างขึ้นล้างหน้าหลังจากทำการแปรงฟันเสร็จ ตามด้วยใช้ฝ่ามือถูรอยแดงบนต้นคอเพื่อให้มันจาง ทว่ามันกลับยิ่งแดงมากเมื่อเขาเป็นคนผิวขาวเสียขนาดนี้
ส่ายหัวก่อนเดินออกจากห้องน้ำแล้วไปจัดการใส่เสื้อผ้า เสื้อยืดสีครามน้ำทะเลแบบแขนสามส่วนกับกางเกงยีนสีเข้มอวดเรียวขายาว เช้านี้เขามีไฟลต์บินที่หกโมงสิบห้านาทีเพื่อกลับไปทำงานต่อ เที่ยวหนักแค่ไหนก็ได้ในเมื่อเขาเป็นคนโสด แต่เรื่องงานไม่เคยขาดตกบกพร่องเลยสักครั้ง
หลังจากตรวจสอบความเรียบร้อยของตัวเองเสร็จ เดินออกมาจากโรงแรมพร้อมแว่นตากันแดดสีดำที่ถูกสวมเข้ามา ขึ้นรถของทางโรงแรมเพื่อไปยังสนามบิน เวลาเจ็ดโมงสี่สิบห้านาทีเขามาถึงยังสนามบินเชียงใหม่ ก็เจอกับลูกน้องคนสนิทอย่างโจมารอรับแล้ว
โจเป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบหกปี ทำงานให้ภูผาแบบนี้มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว เรียกได้ว่ามองตาทะลุยันรูตูด
"เพลียขนาดนี้เมื่อคืนคงหลายยกเลยสินะนาย"
เห็นไหมล่ะ แล้วคำที่มันใช้ทักทายเจ้านายของมันน่าฟังเสียเมื่อไหร่ ถ้าเขาใส่ใจคงเป็นประสาทตาย
"กูไม่อยู่มึงไม่ได้เอาเวลาว่างไปเอาใครเลยว่างั้น" เพราะเขาไม่ได้ให้โจตามติดไปด้วย ให้คอยดูแลความเรียบร้อยว่าทางนี้มีอะไรให้เขาต้องรีบกลับไหม
"ผมก็ลูกน้องนายนี่ครับจะไปต่างจากเจ้านายได้ยังไง" เอ่ยก่อนหัวเราะในลำคอเบาๆ เจ้านายเป็นอย่างไรลูกน้องก็เป็นอย่างนั้น เอาไว้ให้เจ้านายเขาเรียบร้อยเหมือนผ้าขนหนูพับไว้เมื่อไหร่เขาถึงจะพิจารณาอีกที
"ขอบใจที่มึงหลอกด่ากูทางอ้อม"
โจส่ายหัว "ผมด่าตรงๆ ต่างหากครับ"
"ไอ้นี่..พากูกลับคอนโดได้ละ" บอกแล้วว่าถ้าเขาใส่ใจคงเป็นประสาทตาย เขาไม่เคยเถียงสู้ลูกน้องที่กินเงินเดือนจากเขาถึงเดือนละหนึ่งแสนบาทได้สักครั้ง ทำงานก็สบาย แต่การพูดการจาไม่เคยถนอมน้ำใจผู้ฟังเลยมันจะไปหางานแบบนี้ได้จากที่ไหนอีก
"ผมเตรียมชุดไว้ให้ที่ทำงานแล้วนะครับ"
"งั้นไปบริษัท"
แล้วภาพเจ้านายที่ดูดีบ้างดูไม่ดีบ้างย่อมเป็นที่ชินตาต่อใครที่บังเอิญเดินผ่านมาเจอ ถึงแม้จะมีลิฟต์ระดับผู้บริหารไว้ใช้ส่วนตัว แต่ยังคงอำนวยความสะดวกไปถึงเลขาและหัวหน้าแผนกต่างๆ ด้วย
ทุกครั้งวรรณนาเลขาสาวสวยก็มักจะเจอเจ้านายหนุ่มในสภาพไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่บ่อยๆ ทว่าวันนี้ภูผาเดินมาถึงหน้าห้องทำงานตัวเองแล้วกลับไม่มีผู้หญิงร่างท้วมวัยสี่สิบแปดปีนั่งอยู่ตรงนี้จึงหันกลับไปถามโจ
"คุณวรรณนาลาเหรอวันนี้" เพราะปกติไม่บอกเขาก็บอกโจ ไม่ว่าเรื่องอะไรหากเกิดขึ้นทางนี้จะแจ้งผ่านโจทั้งหมด บางทีเขาก็ขี้เกียจเอามาคิดวิเคราะห์ จ้างเงินแล้วให้มันช่วยกรองสักนิดก่อนแล้วเขานั่งรอฟังชิลๆ
โจจึงล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาดูทำเอาภูผาที่เห็นส่ายหัว นี่ถ้าเขาไม่ถามมันคงไม่สงสัย สรุปแล้วว่ามันทำงานชิลเกินไป แต่ทำไงได้เลือกมาเองกับมือ ที่เขาถามว่าคุณวรรณนาลาเหรอก็คือไม่เห็นเธอมา อีกอย่างเธอไม่ได้รายงานเขาด้วย
"อ้อ.."
ภูผานิ่งรอฟัง ทว่าจิ๊ปากออกมา ก็นึกว่าลูกน้องจะพูดแต่กลับนิ่ง จึงเดินเข้าห้องไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อทำงาน
ผ่านไปยี่สิบนาทีออกจากห้องนอนมานั่งประจำตำแหน่ง โจก็เข้ามาเรียนว่าคุณวรรณารถยนต์ยางรั่ว
"แล้วไปขับยังไงให้มันรั่วอีก" ภูผาส่ายหัว ไม่ชอบเมื่อได้ยินปัญหาที่เกิดขึ้นแต่เช้าแบบนี้
"อ้าวนาย อุบัติเหตุครับอุบัติเหตุ" โจล่ะยอมความคิดเจ้านายตัวเองจริงๆ "แต่คุณวรรณนาบอกมาว่าวันนี้เธอนัดคนที่จะมาช่วยงานให้คุณสัมภาษณ์อีกทีครับ"
ภูผานิ่งคิด เพราะเดือนที่แล้วเห็นคุณวรรณนาบ่นบ่อยๆ ว่างานเยอะ จึงมาขอเขาว่าอยากได้ผู้ช่วยสักคน เขาเองก็ไม่มีปัญหา ขอแค่ลูกน้องบอกมาจะอำนวยความสะดวกให้ ไม่คิดว่าวันนี้จะได้แล้ว
"แล้วไหนล่ะ" เพราะจะมาเป็นผู้ช่วยของวรรณนา ก็ผู้ช่วยของเขาด้วย แต่นี่ก็แปดโมงยี่สิบนาทีแล้วทำไมยังไม่เห็นมาอีก
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
โจรีบเดินกลับไปเปิดประตูอย่างไว ก็เจอกับผู้หญิงคนหนึ่งในท่าทางเหนื่อยหอบ เหมือนเธอเพิ่งผ่านสมรภูมิรบ หรือจะเป็น..
"คุณคือ.."
"สวัสดีค่ะ ดิฉันมาสัมภาษณ์งานกับคุณภูผาค่ะ พอดีคุณวรรณนานัดดิฉันมาเริ่มงานวันนี้ค่ะ"
"อ้อ ครับๆ"
ประตูถูกเปิดออกกว้างทันทีพร้อมกับโจที่หลบออก ทำให้สองสายตาสบประสานกันเข้าพอดี นิชาดารีบยกมือไหว้ขอโทษขอโพยท่านรองประธานทันที
ภูผานั่งกอดอกเอาแผ่นหลังพิงเก้าอี้ มองคนที่มีใบหน้าสะสวยอย่างที่เหงื่อหรือฝุ่นควันยังไม่สามารถทำอะไรใบหน้าแบบนี้ได้ด้วยความพอใจมากๆ หากอยู่ด้านนอกบริษัทเขาคงไม่ลังเลที่จะถามเธอตรงๆ ว่าสนใจเป็นเด็กเลี้ยงของเขาไหม ทว่าพออยู่ในคราบรองประธานบริษัทเขาต้องคีพลุคให้ดูมีสง่าราศี มองสำรวจคนที่มีท่าทางเร่งรีบอีกทีแล้วว่ากันตามความจริง
"นั่งสิ" ภูผาไม่รอช้า เพราะเดี๋ยวเขาต้องเริ่มงานแล้ว
นิชาดารีบเดินมานั่งลงเก้าอี้ตัวตรงหน้าโดยมีโต๊ะทำงานขนาดใหญ่วางกั้นตรงกลางเอาไว้อยู่ มือซ้ายมือขวายกขึ้นปาดเหงื่อ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองต้องยื่นประวัติให้กับท่านรองประธานพิจารณาดูอีกรอบ ตามจริงคุณวรรณนาบอกเธอแล้วว่าพี่เขาเลือกเธอแน่นอน ให้มาเริ่มงานได้เลย แต่วันนี้พี่เขาโทรมาบอกว่ารถยางรั่วกำลังรอช่างจึงจะตามมาทีหลัง
ภูผายื่นมือออกไปรับเอกสารฉบับหนึ่ง ความหนาเล็กนิดเดียวไม่เหมือนที่เขาเคยเจอมา ปรายตามองที่มือขาวเนียนเปรอะเปื้อนเหงื่อเล็กน้อยส่งให้ดูมีเสน่ห์ขึ้นมา แบบที่เขาเคยสัมผัสมาตลอดว่าเวลามีเซ็กส์แล้วเหงื่อออกจะทำให้ผู้หญิงคนนั้นดูเร่าร้อนและเซ็กซี่มากๆ
"โจ"
"ครับนาย"
"ปรับแอร์ลงอีกหน่อย" เห็นว่าสวยหรอกนะ ปกติแล้วเขาไม่สนว่าใครจะร้อนจะหนาว ขอแค่เขาโอเคก็พอ แล้วอีกอย่างเวลานี้กำลังเข้าหน้าหนาวแล้วด้วย อุณหภูมิในห้องยี่สิบองศาไม่ได้ร้อนขนาดนั้นเลย
"ครับ"
นิชาดาเม้มปากเข้าหากันเล็กน้อย มือสองข้างที่หลบอยู่บนหน้าตักลูบไล้กันไปมา
ภูผาค่อยๆ เปิดเอกสารดูไปทีละหน้า นางสาวนิชาดา นามสกุลพิมพา เกิดวันที่ 2 สิงหาคม อายุยี่สิบสองปีสามเดือน จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพ สาขาวิชาการบัญชี เกรดเฉลี่ยสามจุดแปดแปด เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ภูผาพยักหน้าตามมาเรื่อยๆ ดี การเรียนดีมาก นอกจากสวยแล้วยังเรียนดีไม่มีขาดตกบกพร่องอีก แต่..ประสบการณ์การทำงาน แน่นอนว่าอายุเท่านี้ นิชาดาไม่มีประสบการณ์การทำงานเลย มีแค่ว่าฝึกงานจากที่ไหนมาบ้างก็เท่านั้น
"คุณยื่นใบสมัครที่นี่ที่แรกไหมครับ" ละสายตาจากเอกสารขึ้นมองใบหน้าสวยอีกครั้งอย่างมีคำถาม คนอะไรสวยมากสวยแบบแทบไม่อยากละสายตาไปไหน ถ้าให้เดาหรือมองด้วยสายตานิชาดาไม่ได้ศัลยกรรมอะไร จมูกเรียวเล็กปากกระจับสีชมพูที่ดูเป็นธรรมชาติมากๆ สวยที่สุด
"ค่ะ" เธอทิ้งประวัติลงในเว็บไซต์ที่ถูกแนะนำมา แล้วโชคดีคือพี่เขาติดต่อกลับมาเร็วมาก เราพูดคุยกันผ่านวิดีโอคอลถึงครึ่งชั่วโมง พี่เขาจึงรับเธอเข้าทำงานเพราะรู้สึกถูกชะตาด้วย เรื่องราวทั้งหมดก็เป็นแบบนี้
"การเรียนคุณดีมากเลยนะ" เขาไล่ดูแต่ละวิชาคือโอเคมากๆ ถึงแม้ไม่มีประสบการณ์แต่เขาคิดว่ามันสอนกันได้ ถึงทำอะไรไม่เป็นเขายังคิดว่ามันง่ายมากๆ เลย แค่นั่งทำหน้าสวยๆ ให้เขาชม
นิชาดาอมยิ้ม ก้มหน้าลงเล็กน้อยเมื่อได้รับคำชมตอบกลับมา
"แต่ผมคงไม่สามารถรับคุณเข้าทำงานได้เพราะวันแรกคุณเล่นมาสายซะขนาดนี้ หากว่าวันหนึ่งมีงานเร่งด่วนผมจะแน่ใจได้ยังไงว่าคุณจะไม่พลาด แบบนั้นน่ะงานผมเสียหายขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ"
"เอ่อ..พอดีดิฉันเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะจึงมาช้า" นิชาดาเอ่ยอย่างรู้สึกผิด
"เอาอย่างนี้ดีกว่า ผมมีข้อเสนอที่ดีกว่าการเป็นผู้ช่วยเลขาผม คุณไม่ต้องมาเหนื่อยทำงานแบบนี้ ไม่ต้องมาเสี่ยงชีวิตว่าจะตายวันตายพรุ่ง"
"ยังไงคะ" นิชาดาทำหน้างง
"เขยิบเข้ามาใกล้ๆ สิครับ"
แล้วนิชาดาก็เอนตัวไปด้านหน้านิดหนึ่ง ค่อยๆ เอียงหูฟังเขาพูด
"มาเป็นเด็กผมสิ ผมให้มากกว่าเงินเดือนที่คุณขอมาอีก อยากได้เท่าไหร่ผมจ่ายไม่อั้นเลย" เพราะเขาตั้งใจจะใช้งานคืนนี้ แน่นอนเจอคนถูกใจเขาไม่เคยปล่อยให้หลุดมือไป และคงไม่มีใครหน้าโง่กล้าปฏิเสธเขาได้ลงคอ ชื่อเสียงเรียงนามของเขาดังไปทั่วจังหวัดเชียงใหม่ ปู่กับย่าเขาเป็นใคร ครอบครัวยังเป็นตระกูลเก่าแก่ด้วยใครจะไปกล้าปฏิเสธลง
"ไม่ค่ะ" นิชาดาลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อรู้สึกว่าไม่พอใจที่เขาพูด เธอมาสมัครงานนะไม่ได้มาขายตัว ที่เขาเอ่ยแบบนี้คือกำลังดูถูกเธอ
ภูผาวางเอกสารที่เขาเพิ่งได้อ่านไปลงบนโต๊ะแล้วนั่งเอามือกอดอกสบตากับอีกคนไม่วาง ยอมรับว่าถูกใจทุกอย่าง คนสวยมีการศึกษาดีมาก อีกทั้งยังรูปร่างดีสุดๆ คนแบบนี้ที่เขาว่ากันว่าจะฉลาดนักเวลาอยู่บนเตียง ทฤษฎีของเขาก็คือคนเรียนเก่งจะฉลาดเรื่องบนเตียงไปด้วย และมั่นใจว่านิชาดาปฏิเสธไม่ลงแน่นอน
"ผมให้คิดอีกที เพราะหากคุณไม่ทำผมก็ไม่รับคุณเข้าทำงานอยู่แล้ว เผลอๆ ผมอาจส่งข้อมูลคุณไปยังอีกหลายบริษัทด้วยว่าคุณมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมตั้งแต่วันแรกที่มาสัมภาษณ์งาน แบบนี้ใครที่ไหนจะกล้ารับคุณ" ภูผากระตุกยิ้มมุมปาก จะมาเก่งกว่าเขางั้นเหรอ นิชาดาไปอยู่ที่ไหนมา
"มากไปแล้วนะคะ ฉันไปทำอะไรให้ ฉันแค่มาสายไม่ได้ฆ่าใครตาย ถ้าไม่รับก็บอกค่ะ แต่จะมาบังคับให้ฉันขายตัวให้คุณฉันก็ไม่ขายเหมือนกัน"
"แล้วแต่นะ ถือว่าผมชี้ทางแล้ว สวยๆ อย่างคุณไม่น่ามานั่งทำงานให้เหนื่อยหรอกผมพูดจริงๆ หาผู้ชายรวยๆ สักคนเกาะแล้วนั่งกินนอนกินสบายจะตาย" ในเมื่อไม่เอาตามที่เขาแนะนำ มีอะไรบ้างที่เขาต้องพูดถนอมน้ำใจในเมื่อไม่มีประโยชน์อยู่แล้ว ปกติเขากระดิกนิ้วเรียกผู้หญิงแทบคลานเข่าเข้ามาหา แต่กับนิชาดาคือยืนทำหน้าตาฟาดฟันใส่เขาอย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน นี่คงเป็นข้อเสียของคนที่เรียนเก่งและหัวไวสินะ แต่เขาก็ไม่ชอบคนโง่
"ฉัน ไม่ ได้ ขาย ตัว" นิชาดาก้าวไปหยิบประวัติส่วนตัวของเธอแล้วเดินออกจากห้องแห่งนี้ไป