“เธอตื่นได้สักพักแล้วครับนายหัว”
เซลรายงานผู้เป็นเจ้านายในทันทีที่เขาเดินเข้ามาแถวบริเวณบ้านไม้ที่ใช้เป็นห้องขังตัวหญิงสาว พร้อมกับลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำความเคารพเล็กน้อยด้วยการก้มหัวให้
ท่าทางของเขาค่อนข้างสุขุมตามแบบฉบับที่ถูกฝึกมา ทั้งที่ลึกๆ ภายในนั้นยังมีความเป็นเด็กซุกซนตามอายุที่เพิ่งจะสิบแปดปีซ่อนอยู่
“ไปหยิบโซ่เส้นเล็กกับกุญแจมา”
ชลธรทีเพิ่งจะสร่างเมาพยักหน้าเล็กน้อยเพื่อบอกว่ารับรู้ในสิ่งที่ลูกน้องนั้นรายงานมา
แล้วเขาก็หันไปไขกุญแจลูกใหญ่ที่ล็อกอยู่กับโซ่เส้นใหญ่ที่ใช้ล็อกประตูห้องขังของบ้านไม้หลังเล็กให้เปิดออก
อยากจะเห็นสภาพของคนที่อยู่ด้านในสักหน่อยว่าเป็นยังไง หมดฤทธิ์ยานอนหลับที่กินเข้าไปหรือยัง
“แก”
นับทรายที่พอได้ยินเสียงคุยกันด้านนอกก็ขยับตัวไปยืนอยู่อีกฝั่งของประตูเพื่อรอให้อีกฝ่ายมาเปิดประตูเข้ามา เพื่อที่เธอจะได้วิ่งพุ่งชนใครคนนั้นให้กระเด็นเพื่อเปิดทางพาตัวเองออกไปจากที่นี่
แต่ทว่าพอประตูเปิดออกเธอกลับต้องเอามือชี้หน้าของอีกคนแทนการวิ่งเข้าไปพุ่งชนอย่างที่ใจคิดเอาไว้
เธอจำได้ดีว่าผู้ชายที่กำลังเดินเข้ามาที่แต่งกายด้วยการใส่เสื้อเชิ้ตสีดำแขนยาวแต่ไม่ติดกระดุมสักเม็ดเปิดโชว์ลอนของกล้ามท้องให้ได้เห็นเด่นชัดเต็มสองตากับกางเกงยีนสีซีดนั้นเป็นใคร เขาคือคนที่มาพบกับพ่อของเธอก่อนที่เธอจะถูกลักพาตัวมาที่นี่
ไม่รู้จักว่าเขานั้นชื่อเสียงเรียงนามอะไร แต่ว่าจดจำใบหน้าของเขาที่มันหล่อคมโดนเด่นภายใต้ผิวสีน้ำผึ้งที่ผสมผสานมากับหนวดเคราที่ถูกตัดตกแต่งทรงเป็นอย่างดีนั้น
เขาอาจดูเหมือนโจรสลัดแต่ทว่าบนใบหน้ากลับมีอะไรโดดเด่นจนเธอจดจำได้ดีแม้เห็นเพียงเสี้ยววินาที
เธอไม่น่าพลาดปล่อยผ่านแขกของพ่อคนนี้ไปเลย เธอน่าจะซักถามคนในบ้านถึงที่มาที่ไปของเขา ระวังตัวให้มากกว่านี้ เรื่องที่เธอถูกลักพาตัวจะได้ไม่เกิดขึ้น
“เอามือลง อย่ามาชี้หน้าฉัน”
น้ำเสียงดุดันของชายหนุ่มที่ไม่ใช่หนุ่มน้อยแล้วแต่เป็นหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบเอ่ยดังออกไปเมื่อไม่ชอบให้ใครมาชี้หน้า
ดวงตาคมที่เต็มไปด้วยความดุดันจ้องมองเธอที่กล้าดีมาชี้หน้าเขาอย่างไม่ละไปไหน
ใจหนึ่งก็นึกอยากจะจัดการกับเธอ แต่อีกใจก็ต้องอดกลั้นเอาไว้เพราะเธอคือลูกของภากรผู้เป็นเพื่อนที่เขานั้นเคารพเหมือนพี่ชายคนหนึ่ง
“อย่ามาขึ้นเสียงใส่ฉันนะ”
เขาตะคอกมาเธอก็ตะคอกกลับอย่างไม่มีกลัว คนโหดและป่าเถื่อนเธอเจอมาเยอะแล้ว เธอไม่กลัวเขาง่ายๆ หรอก
“หมดฤทธิ์ยานอนหลับแล้วซินะ”
ชลธรเองก็ไม่ได้สะทกสะท้านเสียงแหลมๆ ที่เธอสู้กลับมาสักเท่าไหร่ แทบจะไม่สนเลยด้วยซ้ำไปกับเสียงที่เธอปล่อยออกมา
เขาหันไปรับโซ่มาจากลูกน้องแล้วเดินเข้าไปหาเธอในทันที เพื่อจัดการทุกอย่างให้มันจบๆ ไป
“จะเรียกเงินเท่าไหร่ก็ว่า ฉันจะได้ให้คนเอามาให้ แล้วก็ปล่อยตัวฉันไปได้แล้วก่อนที่นายจะซวย”
เธอจ้องมองเขาตาแทบไม่กะพริบด้วยกำลังรู้ดีว่าตัวเองนั้นกำลังจะมีอันตรายจากโซ่เส้นเล็กๆ ในมือของเขา
สองขาก็ขยับถอยหลังไปทีละนิดเพื่อที่จะหนี ปากก็ขยับเจรจาต่อรองไปเรื่อย ๆ เพื่อที่ว่าอาจจะมีทางไหนสักทางที่ทำให้ตัวเธอเองนั้นรอดไปได้
“อ๋อเหรอ”
เขาก้าวเท้าอย่างรวดเร็วแล้วเข้าประชิดตัวเธอด้วยความว่องไวไม่ให้เธอตั้งตัวได้ทัน
มือหนารีบคว้าเอามือบางข้างขวาที่น่าจะเป็นข้างที่ถนัดของเธอมา แล้วมัดด้วยโซ่เส้นเล็กแล้วล็อกไว้ด้วยกุญแจดอกเล็ก โดยที่ปลายอีกด้านนั้นเซลลูกน้องของเขาได้ล็อกมันติดกับขาเตียงนอนเรียบร้อยแล้ว
จัดการไม่ให้เธอหนีไปจากที่นี่ได้ในช่วงที่กำลังปรับตัวเข้ากับที่นี่ เพราะถ้าปล่อยเธอเอาไว้แบบคนปกติ คนอย่างเธอต้องวิ่งลงน้ำหนีไปแน่ๆ
และเขาก็เป็นคนขี้เกียจ ไม่ได้จะขยันไปวิ่งตามจับเด็กคนนี้วันละร้อยรอบหรอกนะ มัดเอาไว้แบบนี้แหละดีที่สุดแล้ว
“นี่ปล่อยฉันนะ ปล่อย”
มืออีกข้างที่ไม่ได้ถูกมัดพยายามแกะโซ่เส้นๆ เล็กๆ นั้นออกจากข้อมือ พร้อมกันนั้นก็มองไปยังเขาตาแทบไม่กะพริบ
ความไม่พอใจกำลังสุมอยู่เต็มอก ด้วยตั้งแต่จำความได้ไม่เคยมีใครกล้าทำกับเธอแบบนี้มาก่อน
เธอเป็นถึงลูกสาวมาเฟีย เขาเป็นแค่โจรบ้าห้าร้อย กล้าดียังไงมาทำกับเธอแบบนี้
“คิดว่าจะอยู่ที่นี่ได้เมื่อไหร่แล้วฉันจะปล่อย”
เขาหันไปมองรอบๆ บ้านไม้หลังเล็กที่มีเพียงห้องเดียวโล่งๆ ด้านล่างเป็นพื้นทรายมีเฟอร์นิเจอร์เป็นเตียงนอนเพียงตัวเดียวและก็เสื่อหนึ่งผืนอย่างสำรวจ เพื่อที่จะดูว่าเธอแอบเจาะบ้านไม้ของเขาไปบ้างแล้วหรือเปล่า
พอเห็นว่าทุกอย่างดูจะเรียบร้อยดี เขาก็เตรียมที่จะกลับออกไป ด้วยมีงานต้องทำอีกหลายอย่าง
“กรี๊ด กรี๊ด”
พอเห็นว่าเขากำลังจะออกไป เธอก็เปล่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างดัง
เพราะนี่เป็นเพียงอาวุธเพียงอย่างเดียวที่เธอมี และมันก็อาจทำให้เขารำคาญจนปล่อยเธอไปได้
“เงียบ ปวดหูโว้ย”
เสียงแหลมเล็กจากปากของหญิงสาวทำเอาหูของคนฟังอย่างใกล้ชิดอย่างชลธรถึงกับหูดับไปชั่วขณะ รีบยกมือขึ้นมาปิดหูพัลวัน
เขาถึงกับต้องตะคอกกลับเพื่อให้เธอนั้นเงียบเสียงกรีดร้องนั้นลง
“กรี๊ดดดด”
นับทรายเห็นว่าเขาดูจะสะทกสะท้านกับเสียงกรีดร้องของเธอถึงขั้นกับยกมือขึ้นมาปิดหู
เธอก็เลยกรีดร้องออกไปอีกด้วยพลังทั้งหมดที่มีอยู่ในตัวของเธอ
“เออ เชิญแหกปากให้คอแตกไปเลย”
ชลธรรีบเดินออกไปในทันที โดยที่ไม่ลืมหันกลับมาล็อกประตูด้วยตัวเองอย่างแน่นหนา
กักขังเธอเอาไว้ในบ้านไม้หลังเล็กๆ นั้นต่อไป เพราะคงอีกนานกว่าจะปล่อยเธอออกมาดำเนินชีวิตเหมือนคนอื่นๆ บนเกาะนี้
“อย่าเปิดประตูถ้ากูไม่ได้สั่ง”
ชลธรรีบเอานิ้วเข้าไปแคะหูของตัวเองในทันทีที่ออกห่างจากประตูห้องที่กักขังหญิงสาวเอาไว้
เขาพยายามจะแคะหูเพื่อให้หูของเขานั้นหายอื้อจากการที่ถูกเสียงของเธอเข้ามาทำร้าย
พร้อมกันนั้นก็ยังคงรอบคอบอยู่เสมอ แม้จะล่ามเธอเอาไว้แต่ก็ยังกำชับเวรยามให้ดูแลอย่างดี
ถ้าเธอหนีไปได้ในตอนนี้ เธอไปไม่ได้ถึงไหนก็คงถูกพวกที่กำลังตามล่าเพื่อฆ่าล้างครอบครัวยิงตายแน่นอน
ถึงเขาจะไม่ใจดีไม่ว่ากับใครหน้าไหนทั้งนั้น แต่ก็คงแอบมีความเมตตากับเธอบ้างอยู่นิดๆ เพราะเธอเป็นถึงลูกสาวของเพื่อนรัก ก็เลยจำต้องขังเธอเอาไว้ที่นี่ก่อนเพื่อให้เธอมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ให้ได้นานที่สุด
“ครับนายหัว”
นายหัวสั่งอะไรมาไม่ว่าจะยากเย็นแค่ไหน เซลเด็กหนุ่มที่กำลังพิสูจน์ตัวเองว่าเขาพร้อมจะเป็นแนวหน้าแล้วนั้นก็ขานรับที่จะทำอย่างเต็มที่
ชลธรพอเห็นว่าเด็กหนุ่มทำงานด้วยความตั้งใจ เขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาแล้วก็รีบเดินจากไป
คงต้องไปพบหมอสักหน่อยเพื่อให้ดูอาการที่หูของเขากำลังเผชิญอยู่ เพื่อที่จะได้รักษาอย่างทันท่วงที เพราะดูท่าแล้วอาการค่อนข้างสาหัสอยู่เหมือนกัน
“กรี๊ดดด”
นับทรายพอได้ยินว่ายังมีคนอยู่ด้านนอกเธอก็กรีดร้องอย่างดังออกมาอีกเพื่อสร้างความรำคาญให้กับคนพวกนั้น
เธออาจจะเหนื่อยและเจ็บคอ แต่ว่ามันอาจจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าก็เป็นได้
คนพวกนั้นอาจรำคาญ แล้วก็อาจจะปล่อยตัวเธอไปก็เป็นได้