-ของขวัญ-
"...พี่จะขึ้นไปส่ง" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเมื่อรถของพี่องศาเลื่อนเข้ามาจอดภายในลานจอดรถของคอนโดที่ฉันอยู่
ทั้งที่ความเย็นชาที่เขาแสดงออกมามันบอกว่าฉันควรเผื่อใจและตัดใจ แต่สิ่งที่ฉันต้องการมันกลับตรงกันข้าม ฉันกลับพยักหน้ารับเพราะลึกๆ อยากรั้งเขาให้อยู่กับตัวเอง
"แล้วรถจะเอากลับยังไง มีนเป็นคนเอากลับหรือเปล่า"
"ยัยมีนมีแฟนไปรับ ส่วนรถเอาจอดไว้ที่นั่นไม่เป็นไรหรอกค่ะ พรุ่งนี้จะให้ยัยมีนมารับไปเอาแล้วค่อยไปเรียนทีเดียว"
"เอารีโมทมาไว้กับพี่ พี่จะไปเอามาไว้ให้เอง"
"พี่องศาจะกลับไปที่นั่นอีกเหรอคะ"
"ทิ้งรถไว้แบบนั้นมันไม่ปลอดภัย" ฉันมองหน้าหล่อๆ ของพี่องศาด้วยความสับสน เพราะเขาเป็นแบบนี้ไงฉันถึงไม่แน่ใจว่าควรจัดการยังไงกับความรู้สึกของตัวเองดี
บางทีเขาก็ทำเหมือนไม่สนใจ ไม่ได้อยากแคร์ แต่บางครั้งก็ทำเหมือนเป็นห่วงทั้งที่เรื่องบางเรื่องไม่ได้เอ่ยขอออกมา
"เป็นอะไร"
"เวียนหัวนิดหน่อย คงเพราะดื่มมากเกินไป"
"งั้นก็กลับขึ้นไปอาบน้ำแล้วนอนพัก กินอะไรมาหรือยัง" ฉันส่ายหน้าแทนคำตอบ ใจหายแปลกๆ ตอนที่เห็นเขาถอนลมหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย พอจะเลิกทำตัวเป็นภาระด้วยการบอกว่าไม่เป็นไรมือกลับถูกรวบไปจับแล้วพาขึ้นไปที่ห้องฉันพร้อมกัน
เครื่องปรับอากาศทำงานอัตโนมัติเมื่อก้าวขาเข้ามาในห้องพัก ไม่มีอะไรทำให้คนตัวโตหยุดมองได้ทั้งนั้น พี่องศาตรงไปยังห้องครัวทันที
"มีอะไรให้กินบ้าง ปกติกินข้าวที่ไหน ทำเองหรือเปล่า"
"ถ้าไม่ได้ออกไปกินกับเพื่อนก็สั่งมากินที่ห้องค่ะ"
"ซื้อกินตลอดเลยสินะ" ฟันสวยบดกลีบปากของตัวเองแน่น มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ไม่ถูก คำพูดของพี่องศามันทำให้ฉันมีความรู้สึกว่าฉันไม่มีดีอะไรเลยสักอย่าง
ผู้หญิงที่ดีและน่ารักต้องทำอาหารเป็นแบบนั้นใช่ไหม?
"มีแต่อาหารสำเร็จรูป"
"หนูกินได้ค่ะ"
"...ถ้ารอได้ หรือถ้าพี่ได้กลับมาเร็ว ตอนเอารถกลับมาส่งพี่จะซื้อมาให้ สั่งเดลิเวอรี่แล้วให้เขาเอามาส่งตอนกลางคืนมันไม่ปลอดภัย" กำแพงที่บางครั้งนึกอยากสร้างมันขึ้นมาพังทลายลงไปในพริบตาในยามที่ตาคมคู่นั้นหันมามอง
บางครั้งคิดว่าสถานะคู่หมั้นทำให้ฉันมองว่าฉันมีสิทธิ์เรียกร้อง ไม่ปฏิเสธว่าตอนนี้ทุกอย่างมันกำลังตีกันรวนอยู่ในหัว จะเดินหน้าหรือถอยหลังก็ไม่สามารถหาคำตอบให้ตัวเองได้เลย!
ตากลมกลอกกลิ้งไปมาบนตัวเลขเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ลมหายใจอุ่นๆ ปราศจากกลิ่นแอลกอฮอล์ผ่านทางลมหายใจเมื่ออาบน้ำแปรงฟันเสร็จเรียบร้อยถูกพ่นออกมาแทบนับครั้งไม่ได้
เหมือนคู่หมั้นหนุ่มแค่ให้ความหวัง ปล่อยให้เธอนั่งรอความหวังแบบลมๆ แล้งๆ จนถึงตอนนี้ชักแน่ใจว่ามันไม่ได้มีอยู่จริง
"...ไปเอารถตั้งสามชั่วโมง แล้วบอกให้รอเพื่ออะไร" ฉันคว่ำหน้าจอโทรศัพท์พร้อมกับปิดสวิตช์ไฟที่อยู่หัวเตียง แม้ในความมืดฉันก็ยังคงนั่งอยู่แบบนั้น ปราศจากความง่วง หัวใจยังอยากรอทั้งที่ควรท้อเพราะเขาอาจจะไม่มา
02:40 น.
'...ชะ ชั้นใต้ดิน ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่!' ความมืดรอบตัวส่งผลให้ท่อนแขนเรียวยกขึ้นมาโอบกอดร่างกายตัวเองเพื่อเป็นเกราะป้องกันหัวใจดวงน้อยที่กำลังเต้นแรง อีกทั้งเพื่อหลบหลีกจากความเหน็บหนาว เย็นยะเยือกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ความกลัวทำงานทันทีที่พื้นที่รอบตัวมีเพียงความว่างเปล่า พื้นที่ด้านหน้า ด้านหลัง สองฝั่งด้านข้างมีเพียงความมืดที่ไม่รู้เลยว่า ถ้าตัดสินใจเดินไปทางใดทางหนึ่งจะเจอทางออกแบบที่ควรจะเป็นไหม
'พะ พี่องศา' หัวใจที่เต้นแผ่วลงทุกขณะมีความหวังขึ้นมาทันทีที่เห็นว่าคู่หมั้นหนุ่มยืนอยู่เบื้องหน้า พี่องศากวักมือเรียกเพื่อให้ฉันเดินตาม ทว่าเดินไปเพียงไม่กี่ก้าว กลับพบใครต่อใครที่ไม่รู้จักมองมาที่ฉันและพยายามจะดึงมือเพื่อให้ไปด้วยกัน
ในขณะที่มือของใครต่อใครพยายามฉุดฉัน พี่องศาที่เดินนำหน้าและเป็นความหวังเดียวในตอนนี้กลับหายไป รอยยิ้มที่เปื้อนบนหน้าของคนที่ไม่รู้จักกันและพยายามคว้ามือฉันกำลังทำให้ฉันมีความคิดว่าพวกเขาคือเพื่อน เพื่อนที่อาจจะพาฉันออกไปจากที่นี่ได้ในตอนที่คู่หมั้นหนุ่มหายออกไปจากรัศมีสายตา
ใบหน้าจิ้มลิ้มเชิดขึ้นบน ตากลมมองด้านบนที่มีช่องว่างขนาดใหญ่หลายช่องที่รู้สึกเหมือนว่าจะเป็นทางออก และมันก็เป็นแบบที่คิด แสงสว่างที่สาดส่องจากทางด้านบนหลายต่อหลายช่องคือทางที่คนเหล่านั้นจะพาฉันออกไป
ในขณะที่ฉันกำลังมุ่งหน้าตามทางที่คนแปลกหน้าจะพาออกไป เสียงของพี่องศากลับดังเข้ามาในหู เสียงของเขาดังเบากว่าตอนแรกมาก แต่เห็นชัดว่าเขาพยายามจะพาฉันออกไปจากที่นี่
สองมือสองแขนพยายาม ตะเกียกตะกายปีนขึ้นไปด้านบนเพื่อให้พบเจอกับทางออก แต่ต่อให้ฉันจะพยายามปีนขึ้นไปได้สูงแค่ไหน สุดท้ายตัวของฉันก็ตกลงไปยังชั้นใต้ดินอย่างเก่า
ใบหน้าของพ่อและแม่ ใบหน้าของพี่องศาทำให้ฉันพยายามปีนขึ้นด้านบนต่อ ไม่ท้อแม้ว่าจะกลิ้งตกลงมาคืนทุกครั้ง ความเหนื่อยเล่นงานเมื่อฉันใช้แรงหนักขึ้น สองมือสองขาเปื้อนคราบดิน น้ำตาเม็ดโตพรั่งพรูออกมาจากตาเมื่อเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะหมดแรง
'...กลับไปซะ!' เสียงของใครบางคนดังขึ้นในตอนที่ฉันแหงนใบหน้าเพื่อมองหาทางออก
'คะ คุณยาย คุณยายอยู่ที่นี่เหรอคะ ตอนแรกทำไมหนูไม่เห็นคุณยายเลย'
'หนูกลับบ้านไปซะ กลับไปเดี๋ยวนี้เลยลูก'
'นะ หนูออกไปไม่ได้ หนูพยายามจะปืนขึ้นไปแต่สุดท้ายมันก็ตกลงมาเหมือนเดิม หนูจะไม่ไหวแล้วค่ะคุณยาย'
'นั่นไง เขาคือคนที่จะพาหนูออกไป'
'...ขะ ข้าวสวย' พี่สาวที่ตายจากกันไปเกือบสามปีปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ไม่ทันได้คิดทบทวนด้วยซ้ำว่าข้าวสวยตายจากไปด้วยวิธีไหน กลับมีพระสงค์อีกรูปหนึ่งเดินออกมาให้เห็นและบอกว่าจะเป็นฝ่ายนำทางออกไป
น่าแปลกที่ทางออกรอบนี้ราบรื่นกว่าครั้งก่อนหน้า แสงสว่างมีมากขึ้นเรื่อยๆ ภาพพี่องศาที่หายไปในตอนแรกปรากฏขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้ฉันขึ้นมาจากชั้นใต้ดินสำเร็จดังที่หวังมีพี่สาวที่ตอนนี้อยู่กันคนละโลกและพระสงค์เป็นผู้นำทาง คนร่วมสายเลือดที่ตายจากกันไปแล้วเขียนบางอย่างลงในกระดาษก่อนจะยื่นมันให้ฉัน คล้ายมีกระแสไฟฟ้าฟาดลงมาที่กลางใจเมื่อฉันกลับมาหายใจได้เต็มปอดอีกครั้ง ข้าวสวยกลับกระโดดลงไปยังชั้นใต้ดินอย่างเก่า พระสงค์หายไป พร้อมกับร่างกายของฉันที่สะดุ้งตื่น ผวาไปทั้งร่าง สั่นไปทั้งตัว
"...กลัว ฮึก!" น้ำตาเม็ดโตพรั่งพรูออกมาจากตา ไม่รู้ตัวเลยว่ามันเปื้อนซ้ำรอยเก่า ความกลัวเล่นงานอย่างจังจนกระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้น ฉันไม่ลังเลที่จะลุกพรวดพราดออกจากเตียงแล้วตรงไปยังประตูหน้าห้องเพื่อเปิดรับคนที่เข้ามาในตอนที่ฝันร้ายทำให้ความรู้สึกของฉันดิ่งลงเหว ไม่ลังเลแม้เศษเสี้ยววินาทีเดียว
ขาสวยก้าวออกไปที่เบื้องหน้า ภาวนาให้เป็นคู่หมั้นที่จะต้องแต่งงานกันในวันข้างหน้าทันทีที่เปิดประตูห้อง ภาวนาให้เป็นเขาในตอนที่ฉันต้องการคนข้างๆ เพื่อขับไล่ความหวาดกลัวที่กำลังเผชิญ