ซ่อนรักเมียลับๆ

1838 Words
ยิวเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวสูงวัยพร้อมกับยกมือไหว้ แต่เขาไม่ได้ก้มกราบแต่อย่างใด ยิ่งสายตาของหญิงสาวสูงวัยมองอย่างไม่กะพริบตาแม้แต่วินาทีเดียว ใจของยิวสั่นระรัวกลัวความร้ายจะเข้าตัวในไม่ช้า “เอ็งชื่ออะไรมาจากไหนบอกข้ามาซิ” หญิงสาวปาดสายตามองตั้งแต่ศีรษะยันปลายเท้าไม่เว้นแม้แต่ส่วนเดียว “คือ เอ่อ อ่า คือ” ยิวไม่รู้ว่าจะใช้คำพูดอะไรดี “หรือว่าเอ็งเป็นหญิงสาวชาวป่าชาวเขา” “ไม่ใช่นะ คือ อ่า คือ หนูเป็น เอ่อ อ่า อู” “ภาษาอะไรของเอ็ง อู อ่า อ่า อู อยู่นั่นแหละ เมื่อไรข้าจะทราบว่าเอ็งชื่ออะไร” “หนูชื่อโสภี อ่า” ยิวคิดไม่ออกว่าจะบอกมาจากที่ไหนดี ตอนแรกกะจะบอกว่ามาจากเมืองโสรยา แต่ก็กลัวจะมองดูไม่ดีเพราะเป็นเมืองศัตรูของศิลานคร “เอ็งมาจากที่ไหนลูกเต้าเหล่าใคร” “หนูมาจากเมือง อะไรล่ะ” “เอ๊ะ ข้าถามเอ็งนะว่ามาจากไหน ยังมีหน้ามาย้อนข้าอีก” “อ่อ หนูมาจากเมือง เอ่อ” ยิวพยายามคิดถึงชื่อเมืองที่เขาดูในละครตอนเด็กๆ “เอ้าบอกมาเร็วๆ ข้าอยากรู้ว่าเอ็งมาจากไหน” “ธารานครค่ะ” “ธารานครข้าไม่เคยยินมันอยู่ตรงไหน” “ธารานครเป็นเมืองเล็กๆ อยู่ใกล้ๆ เมืองโสรยาค่ะ” ยิวยังหายใจไม่ทั่วท้องเช่นเดิมเพราะสายตาของหญิงสาวสูงวัยผู้นี้ช่างน่าเกรงขามสำหรับเขาอย่างมาก “เอ็งไปรู้จักกับลูกข้าได้อย่างใรบอกข้ามาซิ” “อ่อ คือ ท่านแม่ทัพวิศรุฒโดนลอบทำร้ายจากคนเมืองโสรยาค่ะ หนูกำลังอาบน้ำอยู่ที่ลำธารเห็นท่านแม่ทัพลอยมา หนูก็เลยช่วยไว้ค่ะ” ยิวพยายามแต่งเรื่องให้เหมือนละครโทรทัศน์ที่เคยดู “เอ็งช่วยลูกข้าไว้ แล้วเอ็งไปเป็นเมียลูกข้าได้ไง” “เรื่องมันอย่างนี้ค่ะ คือ เราอยู่ด้วยกันหลายวัน ท่านแม่ทัพคงเหงามั้งคะ จู่ๆ ก็เข้ามาที่ห้องหนู แล้วก็ซัมติงกันค่ะ” “ซัมติงอะไรของเอ็ง” หญิงสาวสูงวัยมีทีท่าไม่เข้าใจและใคร่สงสัยยิ่งนัก “ก็แบบว่า เอ่อ มีเพศสัมพันธ์กันค่ะ” “สัมพันธ์อะไรของเอ็ง ข้าไม่เข้าใจในสิ่งที่เอ็งพูด” “คือ เรา เอ่อ นอนด้วยกันค่ะ” “บัดสีบัดเถลิง เป็นหญิงสาวพูดจาเยี่ยงนี้ได้อย่างไรกัน” หญิงสาวสูงวัยมีท่าทีไมพอใจในกิริยามารยาท “คุณแม่ขา เมืองที่หนูมาเรื่องแบบนี้ธรรมดามาก กว่าจะเจอกันต่างผ่านมาหลายคนแล้ว หาที่บริสุทธิ์ยากมากค่ะ” “ไร้ยางอาย พูดจาไม่กระดากปากเลย แล้วภาษาพูดอีกช่างพิสดารยิ่งนัก ข้ารับไม่ได้จริงๆ คงจะเป็นลูกตาสีตาสาเป็นแน่ ดูกิริยามารยาทไร้สกุล ถึงแม้เอ็งจะช่วยลูกข้าแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะรับเอ็งเป็นสะใภ้” ยิวพยายามจะใช้คำให้ดูโบราณแต่เขาก็ไม่สามารถที่จะพูดได้ ยิวจึงตัดสินใจพูดภาษาปัจจุบันที่เข้าจากมา ในโลกปัจจุบัน อาจจะสื่อสารขาดๆ เกินๆ ไปบ้าง แต่ก็พอฟังรู้เรื่องในความคิดของยิวเอง ข้าขอไม่เชื่อจนกว่าจะได้ยินวิศรุฒลูกข้ายืนยันก่อน” หญิงสาวสูงวัยเชิดหน้าขึ้น “ก็ได้ค่ะ แต่ตอนนี้หนูหิวมากเลยกว่าท่านแม่ทัพจะมาหนูเป็นลมพอดี” ยิวยิ้มอย่างเอียงอายที่ต้องพูดความจริงออกไป ถึงแม้จะกลัวดูไม่ดีในสายตาหญิงสาวสูงวัย “ทนเอาหน่อย ถ้าลูกข้ามาแล้วยืนยันว่าเป็นเมียเอ็งจริง ค่อยกินก็ไม่สายเกินไปอดแค่นี้ไม่น่าเหลือบ่ากว่าแรงหรอกกะมั้ง แต่อย่าหวังว่าจะได้เป็นเมียออกหน้าออกตา” “ค่ะ” ยิวรับคำ หญิงสาวสูงวัยยังไม่เชื่อคำพูดของยิว เขายังแคลือบแคลงสงสัยหลายสิ่งในเรื่องราวที่ยิวพูดออกมา แต่สาวสูงวัยก็ยังไม่ลืมที่ตบรางวัลทหารรายนี้ ถึงแม้หญิงสูงวัยคิดว่านายทหารผู้นี้ทำเกินหน้าที่ “ขอบใจเอ็งมากนะ ที่พาผู้หญิงนางนี้มา” หญิงสาวมองไปยังทหารหนุ่มที่มาส่งยิว “กลับไปหน้าประตูเมืองได้แล้ว เดี๋ยวข้ามีสินน้ำใจให้ไปบ้างนิดหน่อย” หญิงสาวสูงวัยหยิบอัฐที่เหน็บไว้ที่เอวให้ทหารรายนั้นไปหนึ่งถุงเล็ก “ขอบคุณมากขอรับ” ทหารยกมือไหว้แล้วรีบลงจากเรือนของท่านแม่ทัพทันที “เอาล่ะ นี่ก็ใกล้เวลาลูกข้ากลับมาจากในวังแล้ว” “ค่ะ” ยิวรู้สึกหิวแต่ก็ต้องอดทนเพราะหญิงสาวสูงวัยผู้นี้ ยังไม่นำอาหารมาให้ยิวได้กิน ซึ่งเวลาที่ยิวรอท่านแม่ทัพก็ไม่ได้นานนัก หลังจากทหารคนที่พายิวมาลงจากเรือนชานไป ท่านแม่ทัพวิศรุฒก็เดินขึ้นมาบนเรือนชานทันที แต่แม่ทัพวิศรุฒก็ไม่ได้มาคนเดียว เขาเดินมาพร้อมกับพ่อของเขา ซึ่งเป็นอำมาตย์ใหญ่อยู่ในวัง “ท่านอำมาตย์กับท่านแม่ทัพมาแล้วค่ะ” หญิงสาวรับใช้ที่นั่งพัดวีเอ่ยขึ้น สายตาของยิวหันไปยังหัวบันไดบ้านทันที เมื่อหันไปพบปะจบเจอร่างอันสูงใหญ่ ยิวรู้สึกดีใจอย่างมาก พร้อมกับยิ้มรับการมาของแม่ทัพวิศรุฒ ซึ่งยิวสังเกตได้ว่าสีหน้าท่านแม่ทัพวิศรุฒ มีความตระหนกตกใจค่อนข้างมาก “อือ อือ อือ” หญิงสาวสูงวัยกระแอมเป็นการตักเตือน เพราะเธอเห็นว่ายิวแสดงกิริยาไม่เหมาะสม เสียงของหญิงสูงวัยได้เรียกสติยิวกลับคืนมา เขาจึงหันหน้ากลับมาและก้มหน้าตามเดิม แต่ในใจนั้นดีใจอย่างเหลือล้น “นั่งก่อนซิคุณพี่ วิศรุฒลูกนั่งด้วย เรามีเรื่องต้องคุยกัน” “มีเรื่องอะไรรึ แม่แม้น” อำมาตย์วันลพเอ่ยขึ้นพร้อมนั่งลง ในช่วงเวลาเดียวกันกับวิศรุฒก็นั่งใกล้ๆ พ่อของเขา “แม่นางผู้นี้บอกแม่ว่าเป็นเมียของลูก” สายตาของผู้เป็นแม่มองอยู่นานโดยไม่กระพริบตา ด้วยความสงสัยและใคร่รู้อย่างมาก “เอ่อ อ่า อือ” แม่ทัพวิศรุฒนั่งอึ่งพูดไม่ออก “วิศรุฒ เอ็งเป็นลูกพ่อต้องเป็นลูกผู้ชายพอ ทำอะไรไว้ต้องยอมรับในสิ่งที่ตัวเองทำ” ยิวนั่งนิ่งลุ้นระทึกและกลัวใจของแม่ทัพวิศรุฒที่จะปฏิเสธ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นนอกจากจะได้เป็นข้าทาสรับใช้ในวังแล้ว อาจจะต้องโดยเฆี่ยนตีอีกอย่างแน่นอน ในฐานะพูดจาหลอกลวงให้ร้ายท่านแม่ทัพ และอีกอย่างถ้าถึงขั้นตอนนั้นความจริงน่าจะเปิดเผย ที่เขาไม่ใช่ผู้หญิงแต่เป็นผู้ชาย ยิวไม่แม้อยากคิดว่าจะโดนอะไรอีก “ใช่ แม่นางผู้นี้เป็นเมียของข้าอย่างที่นางบอก” “คุณพระตกกระเถน” นางแม้นใช้มือทาบอก เพราะลึกๆ แล้วเธออยากให้วิศรุฒลูกชายคนเดียวปฏิเสธ “ต้องให้ได้อย่างนิสิถึงจะเป็นลูกของพ่อ” อำมาตย์วันลพพูดจบก็หันไปมองยิวที่ก้มหน้าก้มตาอมยิ้มอย่างยินดีปรีดา “แม่จะเป็นลม ไปเอาผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้ามาเป็นเมียได้อย่างไรกัน” นางแม้นปาดสายตามองยิวด้วยความเหยียดหยามและไม่พอใจ “เอาน่าแม่แม้น เรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้วก็ปล่อยไปเถอะ” “คุณพี่ลืมไปแล้วเหรอ ว่าเราได้ทาบทามลูกสาวอำมาตย์ไชยามาเป็นลูกสะใภ้” “ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย เราไม่ได้รับแม่นางคนนี้เป็นเมียออกหน้าซะที่ไหน ก็เป็นแค่เมียบ่าวไม่ได้มีความสำคัญอะไร” ยิวไม่ได้รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อย จะเป็นเมียเอกหรือเมียบ่าว เขาแค่ต้องการหาที่พักเผื่อเอาตัวรอดจากเมืองในนิยายที่เขาอ่าน และหลงเข้ามาโดยไม่ได้ตั้งใจแค่นั้น และอีกอย่างยิวรู้ตัวดีว่าไม่ใช่ผู้หญิง ถึงอย่างไรสักวันหนึ่งความจริงก็ต้องเปิดเผย ยิวจึงคาดการณ์ไว้ว่าน่าจะอยู่ที่นี่ได้ไม่นานแล้วคงต้องหนีจากไป “นั่งเงียบเลยนะตัวดี ถ้างั้นตามใจทั้งพ่อทั้งลูกเหมือนกันหมด” นางแม้นมองซ้ายมองขวาแล้วลุกขึ้นได้เดินเชิดหน้าเข้าไปยังห้องนอนของตัวเอง “เอาล่ะ วิศรุฒพาเมียเอ็งเข้าไปในห้องได้แล้ว พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ หาข้าวหาปลาให้เมียเอ็งกินด้วย อย่าให้ใครมาว่าได้ดูแลเมียไม่ดี” “ครับ” แม่ทัพวิศรุฒพยักหน้าเป็นการรับคำ “ขอบคุณคุณลุงมากค่ะ” ยิวยกมือไหว้ท่านอำมาตย์วันลพ “อือ” ท่านอำมาตย์พยักหน้าให้ยิวหลังจากนั้นลุกขึ้นยืนเดินไปยังห้องนอนของตัวเอง ที่นางแม้นเข้าไปก่อนหน้านี้ แม่ทัพวิศรุฒมองซ้ายมองขวาเมื่อไม่เห็นมีใคร เขารีบจับมือของยิวเดินเข้ามายังห้องนอนของเขา ที่อยู่ไม่ไกลจากหน้าเรือนชานเท่าไรนัก เมื่อมาถึงยังห้องนอนเข้าผลักร่างของยิวลงไปเตียงนอน “หน้าด้านหนีหายไปแล้วยังมีหน้ากลับมาอีกทำไม” สีหน้าและอารมณ์โกรธของแม่ทัพวิศรุฒไปทางเดียวกัน “เราไม่ได้หนีไปไหนเลยนะ ไอ้เสือเข้มมันมาจับตัวเราไป มันพ่นยาสลบเข้าไปในเรือ” “คำพูดของเอ็งไม่น่าเชื่อเลยแม้แต่น้อย” “จริงนะ นี่ไงดูของในย่ามสิ เราขโมยของเสือเข้มมา กว่าจะตามหานายเจอ เราลำบากขนาดไหน นายไม่เห็นใจเรายังมีหน้ามาด่าว่าเราอีก” ยิวยื่นถุงย่ามที่เขาแขวนบ่ามาให้แม่ทัพวิศรุฒดู ส่วนแม่ทัพวิศรุฒก็รับมาแล้วเปิดดูทันที ซึ่งเขาก็เห็นมีดพกด้ามเหล็กที่ทำจากเหล็กกล้า และพระเครื่องของขลังมากมายที่อยู่ในถุงย่าม เมื่อแม่ทัพดูและตรวจสอบเสร็จจึงเก็บใส่ย่ามไว้ดั้งเดิม “เอาคืนไปมันเป็นของเอ็ง” แม่ทัพวิศรุฒรู้สึกหงุดหงิดเมื่อได้ยินชื่อเสือเข้ม มืออันเรียวงามของยิวยื่นไปรับถุงย่าม ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันที่เขาเห็นแหวนทองที่สวมใส่อยู่นิ้วนางของยิว แม่ทัพวิศรุฒจึงรีบก้มจับมือดึงมาดู “แหวนทองวงนี้ไม่น่าจะใช่ของคนธรรมดาอย่างแน่นอน ดูลวดลายแล้วน่าจะเป็นของชนชั้นสูง หรือไม่ก็ขององค์หญิงองค์ชายทีเดียว เสือเข้มของเอ็งไปเอามาจากไหนกัน” แม่ทัพวิศรุฒไม่ค่อยเชื่อว่าแหวนนั้นเป็นของเสือเข้ม เขาจึงคิดไปไกลว่ายิวน่าจะเป็นขององค์ชายจากเมืองใดเมืองหนึ่งต่างหาก ด้วยรูปร่างหน้าตาการพูดจาผิดแผกจากเมืองต่างๆ ในแว่นแคว้นรอบเคียงข้าง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD