วันนี้กัสไม่มีบทซ้อมละครเพราะเป็นคิวของเขื่อน จึงทำให้ค่ำคืนนี้กัสรู้สึกหงุดหงิด แต่เขาก็ยังมีความหวังในวันพรุ่งนี้ เพราะกัสกับพีคจะซ้อมบทละครกันเพียงสองคน เพราะตามเนื้อเรื่อง นิวกับวินเป็นเพื่อนรัก และรักผู้ชายคนเดียวกัน ต่างคนต่างไม่รู้ว่าผู้ชายที่เขาทั้งสองมอบความรักให้นั้น เป็นคนเดียวกันจึงทำให้ทั้งสองได้แตกหักในเวลาต่อมา อย่างมองหน้ากันไม่ติดทีเดียว
เมื่อกัสมาถึงห้องเขาจึงไม่รอช้า ใส่จินตนาการในนิยายของเขาด้วยอารมณ์ในขณะนี้ ก่อนเริ่มลงมือเขียนกัสสองจิตสองใจ กับเนื้อเรื่องที่ร่างไว้กับใส่ใหม่ ในที่สุดกัสตัดบทร่างเดิมทิ้งไปหมด เริ่มต้นเขียนตามอารมณ์ความรู้สึกทันที
เสือเข้มผู้โหดเหี้ยมยังไม่หยุดตามราวียิว ผู้ซึ่งทำให้เขาได้รับความอับอายในใจ ที่หลงผิดคิดว่ายิวเป็นหญิงสาวรูปงาม เสือเข้มจึงบุกป่าฝ่าดงจนพบแม่ทัพวิศรุฒกับยิว เมื่อช่วงกลางวันที่ผ่านมา เขาเห็นทั้งสองออกมายืนอยู่หัวเรือ เสือเข้มจึงได้แต่รอเวลาโดยขี่ม้าตามสายน้ำในป่าไม่ลึกมาก จวบจนมืดค่ำเขาก็ได้เห็นเรือจอดริมฝั่ง เพื่อพักผ่อนยามค่ำคืน
เสือเข้มผู้อำมหิตและมีเลห์กลเพทุบายหลากหลาย เขาจึงจุดไฟใส่ปล่องไม้ไผ่ขนาดเล็ก พร้อมนำยาสลบสอดแทรกเข้าไปในควัน เสือเข้มเลาะตามริมฝั่งเป่าควันยาสลบเข้าไปภายในเรือ หลังจากนั้นเขานั่งดูห่างๆ จนเห็นทหารยามล้มหลับคาท้ายเรือ เสือเข้มจึงไม่รอช้าขึ้นไปบนลำเรือทันที เพียงเขาเปิดผ้าที่ปิดแทนประตู เสือเข้มตกใจตาค้างตะลึงเพราะภาพตรงหน้านั้น คือชายที่เขาคิดว่าเป็นหญิงได้นอนกอดชายร่างสูงใหญ่น่าเกรงขาม
ความคิดแรกเสือเข้มกะฆ่าให้ตายหมดทั้งลำเรือ แต่ต้องละทิ้งความคิดนั้นทิ้งไป เพราะเสือเข้มสังเกตจากการแต่งกาย เขาก็รู้ทันทีว่าชายหนุ่มร่างใหญ่ผู้นี้เป็นทหารยศใหญ่อย่างแน่นอน ขืนทำอะไรบุ่มบ่ามอาจเกิดปัญหาตามมาภายหลัง เขาจึงตัดเรื่องของแม่ทัพวิศรุฒกับเหล่าทหารนั้นทิ้งไป โดยที่เขาจะไม่ฆ่าใครเพราะเกรงกลัวอยู่เหมือนกัน เสือเข้มจึงเปลื่ยนแผนอุ้มยิวพาดบ่าและเดินไปที่ท้ายเรือ ต่อด้วยพาลงเรือหายเข้าไปภายในป่าลึก
แสงแดดส่องลอดช่องกระท่อมร้างกลางป่า แสงนั้นได้ส่องหน้าของยิวจนทำให้เขารู้สึกตัว แล้วค่อยๆลืมตาขึ้นทีละนิดจนเห็นร่างชายสูงใหญ่
“ท่านแม่ทัพเราอยู่ที่ไหนเนี่ย มันไม่ใช่บนเรือ”ยิวมองไปรอบๆกระท่อมและเห็นชายร่างใหญ่นั่งหันหลัง เขาเลยคิดไปว่านั่นคือแม่ทัพวิศรุฒ
เสือเข้มได้ยินเสียงของยิว เขาจึงหันหน้ามาทันที เพียงยิวเห็นใบหน้าเสือเข้มเขาถึงกับลุกขึ้นนั่ง และกำลังจะยืนขึ้นเพื่อวิ่งหนี แต่ไม่ทันการเพราะเสือเข้มใช้ดาบจ่อที่ลำคอของยิวไว้
“จะไปไหน”
“นายจะฆ่าเรานี่ เราก็ต้องหนีซิ”
“ใครบอกกูจะข้ามึงไอ้หน้าอ่อน”
“มีดจ่อที่คอนี่ยังไม่จะฆ่าอีกเหรอ”
“ไว้กันมึงหนีแค่นั้น”
ยิวหยุดนิ่งไม่พูดอะไรต่อ เพราะเขาเริ่มมีสติและยังสงสัยว่าตัวเขานั้นมาอยู่กับเสือเข้มได้อย่างไง และแม่ทัพวิศรุฒหายไปไหน ถึงปล่อยให้เขาได้มาอยู่กับเสือเข้มตามลำพัง
“นายพาเรามาที่นี้ได้อย่างไง”ยิวเอ่ยขึ้น
“ก็อุ้มมึงมาไง”
“ในเรือนี่นะ”
“ใช่ กูใช้ยาสลบพ่นใส่พวกมึง แค่นี้ก็พาตัวมึงมาได้แล้ว”
“แม่ทัพล่ะ”
“ตายแล้ว กูฆ่าตายเมื่อคืน”
“ไม่จริง แม่ทัพออกจะเก่งปานนั้น”
“เก่งแต่นอนหลับมีประโยชน์อะไร”
“นายมันโหดเหี้ยม ใจร้ายไม่มีใครเหมือน”
“ถ้ามึงไม่หยุดด่ากู คอมึงจะหลุดจากบ่าก็ตอนนี้แหละ”เสือเข้มมองตายิวเขม็ง
ยิวเพื่อรักษาเอาตัวรอดเขาจึงเงียบไม่พูดจาต่ออีก ถึงแม้ในช่วงเวลานี้จิตใจของเขาเฝ้าแต่คิดถึงแม่ทัพวิศรุฒ และเขาก็สองจิตสองใจไม่อยากจะเชื่อว่าเสือเข้มจะฆ่าแม่ทัพวิศรุฒ
“กูเห็นมึงนอนกอดกับแม่ทัพ หรือว่าแม่ทัพไม่รู้ว่ามึงเป็นผู้ชาย”
“รู้ก่อนนายอีก”
“เหรอ แต่กูดูจากการแต่งตัวรูปร่างหน้าตา มึงไม่น่าใช่คนเมืองนี้ใช่ไหม”
“ใช่ ข้ามาจากเมืองอื่นหลงเข้ามาเมืองนี้ รู้แค่นี้ก็พอแล้ว เราถามนายบ้างจับเรามาทำไมอีก ความจริงมันน่าจะจบไปนานแล้ว เราก็ไม่ใช่ผู้หญิงนายจะมายุ่งอะไรกับเราอีกล่ะ”
“แล้วทำไมแม่ทัพของมึงยุ่งได้ล่ะ มาช่วยมึงโดยไม่ห่วงชีวิต ทำยังกับเป็นผัวเมียกันก็ไม่ปาน”
“นายไม่ต้องรู้หรอก แต่นายยังไม่บอกเราเลยว่าจับเรามาทำไมอีก”
เสือเข้มก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจับยิวมาทำไม ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เขากำลังจะฆ่ายิวให้ตายด้วยมือของเขาเอง แต่เขาก็พยายามหาทางแก้ไขคำตอบนี้ให้ได้
“กูจับมึงมาเป็นทาสของกู โทษฐานหลอกลวงให้กูหลงรัก ไม่ใช่หลงผิดคิดว่ามึงเป็นหญิง”
“นายจับเรามาก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก เพราะเราทำอะไรไม่เป็นซักอย่าง ถ้านายเอาเราไปในค่ายชุมเสือฆ่าเราให้ตายตรงนี้ดีกว่า”
“ใครว่ากูจะจับมึงไปค่ายชุมเสือล่ะ กูจะพามึงไปอยู่ที่หมู่บ้านหลังเขาโน้น”เสือเข้มชี้หน้าไปทางภูเขา
“เราไม่ไป นายจะมาบังคับเราไม่ได้หรอก”
“กูไม่ได้บังคับมึง ถ้ามึงไม่อยากไปก็อยู่นี่แหละ”
“จะอยู่ได้ไงทีนี่มีแต่ป่า ต้นไม้ต้นหญ้าเต็มไปหมด ขืนอยู่ถูกเสือคาบไปกินแน่”ยิวมองไปรอบๆตัวเอง จนเขาขนลุกด้วยความเสียวสันหลังทีเดียว
“กูบอกมึงแล้วไงว่าไม่ได้บังคับ ถ้าอยากไปก็ตามกูมา”
“ก็ได้ แต่นายต้องสัญญานะว่าจะไม่ทำอะไรเรา”
“กูไม่สัญญามึงจะไปหรือไม่ไปก็เรื่องของมึง”
“ไปก็ได้”
ยิวเดินตามหลังเสือเข้มไปในทันที เพราะเขารู้สึกหวาดกลัวถ้าอยู่ในกระท่อมหลังนี้คนเดียวกลางป่า
“เราจะไปอย่างไงกัน”ยิวเอ่ยขี้น
“ขี่ม้าไป”เสียงห้วนๆของเสือเข้มดังขึ้น
“เราขี่ไม่เป็นจะไปได้ไง”
“ใครบอกให้มึงขี่ มึงนี่เป็นอะไรชอบคิดไปเรื่อย”
ยิวเดินตามเสือเข้มจนมาถึงยังที่ม้าของเขา ซึงยิวก็กล้าๆกลัวๆแต่ก็ต้องไปกับเสือเข้ม เขาเลยว่าไปตายเอาดาบหน้าก็แล้วกัน
“ขึ้นไปซิ เดี๋ยวกูนั่งอยู่ท้ายมึงเอง”
“ขึ้นไม่เป็น”ยิวพูดเสียงอ่อย
“ทำอะไรเป็นบ้างเนี่ยนอกจากปลอมตัวเป็นผู้หญิง”เมื่อเสือเข้มพูดจบเขาก็อุ้มร่างของยิวขึ้นหลังมา หลังจากนั้นเขาก็ขึ้นตามไปทันที
ยิวรู้สึกแปลกๆที่อยู่บนหลังม้า โดยมีเสือเข้มอยู่ด้านหลังโอบกอดร่างของเขาไว้ ส่วนอีกมือจับบังเ**ยนม้า และบังคับให้วิ่งออกไปจากตรงนี้ เป็นครั้งแรกที่ยิวได้ขี่ม้า จึงทำให้ช่วงแรกเขาเกร็งประหม่ากลัวตก แต่พอนานเข้าเขาก็ปรับสภาพตัวเองได้ แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เขายังทำใจไม่ได้ เพราะร่างกายของเขาต้องใกล้ชิดแนบแน่นกับเสือเข้ม
กัสไร้อารมณ์ที่จะเขียนต่อ เพราะเขายังไม่เห็นเขื่อนกลับมาที่ห้อง จนทำให้กัสคิดจินตนาการไปไกล ทำให้จิตใจของเขาไม่สงบเลยเขียนนิยายต่อไปไม่ได้ เขาจึงหยิบบทละครมาอ่าน โดยเฉพาะบทในวันพรุ่งนี้เขาต้องซ้อมบทสองคนกับพีค เช่นเดียวกันกับเขื่อนที่ซ้อมในช่วงเวลาเย็นนี้ที่ผ่านมา
กัสนั่งนิ่งๆอยู่พักหนึ่งคิดถึงเรื่องราวที่จะเกิดในวันพรุ่งนี้ เขาอยากเห็นอยากเจอพีคเร็วๆอยากให้เวลาคืนนี้ผ่านไปโดยไว
“ทำไมยังไม่นอนอีกล่ะกัส”เขื่อนเมื่อมาเข้ามาในห้องเห็นกัสเหม่อลอยเขาจึงทักขึ้น
“เปล่า คิดบทละครพรุ่งนี้ วันนี้เป็นไงบ้างเล่นได้ไหม”
“ได้นะ พี่ๆเขาเก่งกันทุกคน คอยช่วยคอยสอนทุกอย่างเลย”
“อือก็ดี พรุ่งนี้เราจะได้ไม่กังวล เอ่อ แล้วทำไมนายถึงกับมาซะดึกเลยล่ะ”กัสเงยหน้ามองเขื่อนที่กำลังจะเปลื่ยนเสื้อผ้า
“พี่พีคชวนไปกินข้าวน่ะ”
“เหรอ”
กัสไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะในช่วงเวลานี้จิตใจของเต็มไปด้วยความรู้สึกอิจฉาเล็กๆ แต่เขาก็ไม่ได้แสดงอาการใดออกมา ได้แต่นั่งนิ่งๆคิดวนมาวนไปเกี่ยวกับเรื่องของเขื่อนและพีค