เส้นทางที่โหดร้าย

2012 Words
วันหยุดนี้เขื่อนได้ออกไปจากห้องเช่าในขณะที่กัสยังไม่ตื่น เมื่อเขารู้สึกตัวก็พบแต่ความว่างเปล่า กัสไม่สามารถดาดเดาได้ว่าเขื่อนนั้นได้ไปไหนกับใคร แต่กัสก็ไม่สนใจอะไรเพราะในวันนี้เขาจะเขียนนิยายต่ออีกหลายตอน กัสจึงเริ่มต้นเขียนช่วงสายๆ หลังจากยิวและจันเด็กน้อยที่พึ่งรู้จักเดินตามขบวนจนจวบช่วงเวลาเย็น ซึ่งในตอนนี้นี่เองทุกคนต้องออกหาอาหารมากินเพื่อประทังชีวิต “พี่ชื่ออะไรน่ะ” “พี่ชื่อ เอ่อ โสภณ”ยิวไม่อยากบอกชื่อจริงออกไป เพราะเขาคิดว่าจันเด็กน้อยคนนี้อาจสงสัยอีกว่าทำไมไหมชื่อแปลก ยิวขึ้เกียจตอบคำตอบจึงเอาชื่อไม่แท้ที่เคยปลอมตัวมาเป็นชื่อของตัวเอง “ชื่อยังกับองค์ชาย”จันยิ้มร่ามองยิว “แล้วน้องชื่ออะไรล่ะ” “จัน” “จัน แล้วเราจะหาอะไรกินกันดีล่ะเย็นนี้” “เอาของมีค่าไปแลกก็ได้” ยิวยืนทำตาปริบๆเพราะเขาอดเสียดายแหวนทองเหมือนกัน ถึงแม้จะไม่ใช่ของเขาก็ตามที และรู้สึกผิดที่เอาของคนอื่นมาขายแลกอาหารประทังชีวิต “ถ้างั้นพาพี่ไปซื้ออาหารหน่อยได้ไหม แต่ดูของมีค่าของพี่ก่อนได้ไหม” “ได้”ยิวหยิบแหวนทองให้จันดู “โอ้โห แหวนทอง” “ตกใจอะไรขนาดนั้น”ยิวรีบเก็บลงในย่ามทันที “พี่รู้อะไรไหม แหวนของพี่น่ะสามารถแลกข้าวและเสื้อผ้าของใช้ได้ตั้งหลายอย่างเลยนะ” “อย่างงั้นเลยเหรอ ถ้าเป็นเช่นนั้นเราไปแลกของกันเถอะ” “ตามผมมาเลยพี่” ยิวเดินตามจันเด็กน้อยไปอย่างเร่งรีบ เพราะตอนนี้เขาก็รู้สึกหิวเช่นเดียวกับคนอื่น และอีกอย่างหนี่งที่ยิวอยากรู้ว่าในขบวนเดินทางนี้มีอะไรมาขายบ้าง “ลุงซื้อข้าวหน่อย”จันเอ่ยขึ้นมา เมื่อเดินมาถึงยังหัวหน้าขบวน “ไอ้จันมึงจะมาซื้อข้าวกูมีเงินหรือเปล่า”ชายหนุ่มอายุราวสี่สิ่บเอ่ยขึ้นในขณะที่กำลังหุงข้าวจากกระบอกไม้ไผ่ “มีสิ ถ้าไม่มีผมจะกล้ามาหาลุงเหรอ” “ไหนล่ะอัฐของเองล่ะ” “ผมไม่มีอัฐหรอก” “กูว่าแล้วเชียวน้ำหน้าอย่างมึงจะไปหามาจากที่ไหน”ชายหนุ่มวัยกลางคนหัวเราะเสียงดัง “ผมมีแต่ทอง”จันเอ่ยขึ้น “ไอ้นี่พูดไปเรื่อย ไปซะกูรำคาญ” “นี่พอซื้อข้าวและของใช้ได้ไหม”ยิวยื่นแหวนทองให้ชายหนุ่มดู ชายหนุ่มผู้นั้นรีบมองไปที่แหวนทันที สายตาของเขาเป็นประกาย เพราะแค่มองชายผู้นี้ก็สัมผัสได้ว่าแหวนวงนี้ต้องมีราคา เขาจึงหยิบมาจากมือของยิว แล้วมาเพ่งพิจารณาอีกที “ของแท้ด้วย ว่าแต่เอ็งไปเอามาจากไหน”ชายหนุ่มมองหน้ายิว “ก็เอามาจากบ้านพี่ข้าสิ”จันรีบตอบแทนเมื่อเห็นยิวอึดอัดพูดไม่ออก “มีงนี่รู้ดีไปหมดนะไอ้จัน แล้วมึงไปรู้จักไอ้หนุ่มนี่ได้อย่างไร” “อ๋อ เราเป็นญาติห่างๆกัน พอรู้ข่าวว่าจะเดินทางไปเมืองศิลานคร ผมเลยรีบตามมาสมทบทีหลัง”ยิวเอ่ยขึ้น “ก็ดีไอ้จันมันจะได้มีคนดูแล ว่าแต่มึงสองคนอยากได้อะไรบอกมา” “อยากได้ข้าวกระบอกนั้น”จันพูดขึ้นก่อน “ใช่ อยากได้ข่าวและเสื้อผ้า” “ได้ แต่ข้าวได้เพียงวันนี้วันเดียวนะ ถ้าอยากได้ต้องเอาอะไรมาแลกอีก” “อะไรกันแหวนทองนั้นมีราคาแพงมากได้ของกินแค่มื้อเดียวเองเหรอ” “ใช่ เพราะตอนนี้อาหารมีค่ามากกว่าเงินทองหลายเท่านัก”ชายหนุ่มยิ้มอย่างกรุ่มกริ่ม “พี่โสพลผมหิวข้าว เอาวันนี้ให้รอดก่อนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ ถ้าไม่อะไรกินกันจริงๆเราค่อยหาผลไม้เผือกมันมากินก็ได้” เมื่อยิวได้ยินเสียงขอร้องอันเว้าวอนเขาเลยอดใจอ่อนไม่ได้ ยิวจึงตกลงเอาข้าวสองกระบอกพร้อมเนื้อแห้งย่างสองชิ้น พร้อมเสื้อผ้าและผ้าห่มสองชุด แค่นั้นเองที่ทั้งสองได้ซึ่งเมื่อเทียบราคาของทองแหวนถือว่าได้น้อยมาก เมื่อทั้งสองได้ของกินของใช้จากชายหนุ่มนั้นแล้ว พวกเขาทั้งสองจึงหาที่นั่งกินข้าวกันตามลำพังสองคน ในระหว่างที่กินข้าวกันนั้นด้วยความเป็นคนช่างพูดของจัน เขาจึงชวนยิวคุยเรื่องต่างๆ “พี่โสภณพี่จะไปทำไมในเมืองศิลานคร” “พี่จะไปหาเพื่อนพี่ไง”ยิวยิ้มให้จันพร้อมควักข้าวจากระบอกไม้ไผ่มากิน หลังจากนั้นต่อด้วยเนื้อย่าง ซึ่งไมได้อร่อยเลยแต่ยิวต้องกินเพื่อประทังชีวิตให้ถึงเมืองศิลานคร “เพื่อนพี่เป็นใครเหรอ” “เป็นแม่ทัพไง” “ไม่หลอกผมใช่ไหม แต่ถ้าคิดอีกทีน่าจะใช่ เพราะพี่มีแหวนทองได้ ทำไมจะมีเพื่อนเป็นแม่ทัพนายกองไม่ได้” “อือ” “ถ้างั้น ผมขอเข้าไปในเมืองกับพี่ด้วยได้ไหม” “ได้สิ” “ทำไมพี่ช่างใจดีจังเลย”จันแท่บกันน้ำตาไว้ไม่อยู่ “เด็กน้อยไม่ต้องร้องไห้หรอก รับรองถ้าได้เข้าไปในเมืองแล้ว เพื่อนของพี่จะดูแลเป็นอย่างดี” “ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีเลยผมอยากให้ไปถึงไวๆจังเลย” “เหมือนกันพี่ก็ไม่อยากอยู่กลางดินกินกลางป่าอย่างนี้หรอก ถ้าได้เข้าไปในเมืองไวๆคงจะดีกว่านี้อย่างแน่นอน” “ใช่ ผมจะได้เรียนหนังสือไหม” “อยากเรียนหนังสือเหรอ” “ใช่ เพราะตอนอยู่ที่บ้านไม่ได้เรียน ผมต้องช่วยพ่อแม่ทำงานหลายอย่าง เลยไม่มีเวลาไปเรียนที่วัดน่ะ” “เรียนที่วัดด้วย ถ้าไปถึงเมืองศิลาก่อน พี่กับท่านแม่ทัพจะสอนจัน” “ดีใจจังเลย”จันวาดฝันวิมานทันที ยิวนั่งมองจันยิ้มอยู่ตั้งสองนาน เพราะความน่ารักและไร้เดียงสาของจัน จึงทำให้ยิวพอคลายเศร้าคลายความคิดถึงบ้านได้บ้าง เมื่อทั้งสองได้กินข้าวอิ่มก็มืดพอดี จันจึงจัดแจงเตรียมหาที่นอนให้ตัวเองและยิวในทันที ซึ่งจันได้เลือกตรงต้นไม่ใหญ่อันห่างไกลผู้คนพอสมควร “พี่รีบนอนกันเถอะ พรุ่งนี้จะได้ตื่นแต่เช้ารีบออกเดินทาง” “อือ”ยิวล้มตัวลงนอนใกล้ๆกองไฟที่จันเป็นก่อไว้ให้กันยุงและแมลงต่างๆ “พี่โสภณรู้ไหมว่าผมได้นอนห่มผ้าเป็นครั้งแรกตั้งแต่ออกเดินทางมา” “จริงเหรอ” “จริงสิพี่ คืนนี้ผมเลยอุ่นมาก ขอบใจพี่โสภณมากนะ” “ไม่เป็นไรหรอก เพราะถึงอย่างไงพี่ก็ต้องอาศัยจันอยู่ด้วยเหมือนกัน” “พี่ไม่ต้องกลัวหรอก ถ้าอยู่กับผมสบายไปแปดอย่าง” “อย่างเดียวก็พอแล้วมั้ง นอนได้แล้วไม่ต้องพูดอะไรอีก เดี๋ยวคนอื่นเขาจะรำคาญเอาได้” “ก็ได้” เพียงจันหลับตาเขาก็สู่ภวังค์ในทันที เฉกเช่นเดียวกับยิวเพราะวันนี้ทั้งวันเขาเดินทางไม่ได้หยุดพักจึงอ่อนเพลีย จนหลับเหมือนอย่างคนเป็นลมสลบ เสียงเอะอะโวยวายดังลั่น เพราะบรรดากลุ่มคนที่ร่วมเดินทางมาด้วยกัน กำลังเก็บข้าวของพร้อมออกเดินทางต่อไปยังเหมือนศิลานคร จึงทำให้ทั้งจันและยิวตกใจตื่นขึ้นมาในทันที “สว่างไวจัง”จันรีบลุกขึ้นและเก็บข้าวของ “ใช่”ยิวลุกขึ้นนั่งและบิดขี้เกียจอยู่พักหนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็มองหาถุงย่ามที่วางไว้ข้างตัว แต่เขาก็ไม่เห็นเสียแล้ว ยิวมองไปรอบๆและลุกขึ้นยืนเดินหาถุงย่ามนั้น ที่มีทั้งพระเครื่องของขลังรวมทั้งมีดของเสือเข้ม “พี่หาอะไร”จันเอยถามขึ้นด้วยความสงสัย “ถุงย่ามพี่หายไปไหน”ยิวมองรอบๆอีกครั้งแต่ก็ไม่เจอ “เป็นความผิดผมเอง ผมลืมไปได้ไง ผมลืมบอกพี่ให้ระวังของหาย เพราะทุกคนต่างต้องการขอมีค่าทั้งนั้น”จันมีสีหน้าที่วิตกกังวลยิ่งกว่ายิวอีก เพราะถ้าถุงย่ามนั้นหายจริง ทั้งเขาและยิวต้องออกหาอาหารกินกันเอง “บ้าจริงพี่ก็ลืม” จันรีบมองไปยังกลุ่มคนที่อยู่รายล้อมเขาหลายกลุ่ม ด้วยสายตาอันปราดเปรียวจึงทำให้จันเห็นถุงย่ามของยิว อยู่กับชายหนุ่มรุ่นเดียวกับยิว “นั่นใช่ไหมพี่โสภณ”จันชี้มือไปยังชายหนุ่มผู้นั้น “ใช่” “ถ้างั้นเราไปทวงคืนกันเลย” ยิวและจันรีบไปยังชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันในทันที เมื่อไปถึงจันพูดก่อนยิวเสียอีก เพื่อทวงถุงย่ามให้ยิว “พี่ขอถุงย่ามพี่ชายของผมคืนด้วย” “ไอ้เด็กน้อยช่างกล้า ย่ามใบนี้มันเป็นของกู ก็ในเมื่อมันอยู่ที่กูจะเป็นพี่มึงได้ไง”ชายหนุ่มมีสีหน้าที่เริ่มดุดัน “แต่ถุงย่ามใบนั้นมันเป็นของเราจริงๆนะ นายต้องเอามาให้เราเดี๋ยวนี้” “ไอ้นี่ก็อีกคน หน้าตาก็แปลกการพูดจายิ่งฟังยิ่งพิลึก แต่นั่นไม่สำคัญหรอก เพราะกูไม่สนพวกมึงสองคนโว้ย” “ทำไมนายหน้าด้านหน้าทนอย่างนี้เอาของคนอื่นไป” “ใครว่าถุงย่ามนี้เป็นของมึงล่ะ มันของกูต่างหาก”ชายหนุ่มผู้นั้นหัวเราลั่นจนคนรอบข้างหันมามอง “พี่มันขี้โกง”จันโมโหเลยกระชากถุงย่าม พร้อมกันนั้นยิวช่วยอีกแรง จนสุดท้ายได้ถุงย่ามมา แต่พอจันเปิดดูก็พบกับความว่างเปล่า เพราะมีแค่ถุงย่ามของภายในไม่มีเหลือสักชิ้น “ของไปไหนหมด”ยิวเอ่ยถาม “กูยกให้พวกมึงก็แล้วกันอยากได้นักไม่ใช่เหรอ”ชายหนุ่มผู้นั้นเดินหนีไปในทันที “เดี๋ยวก่อน”จันอดรนทนไม่ไหววิ่งเข้าไปหาชายหนุ่มและกัดที่แขนของเขา “ไอ้เด็กนี่มันอย่างไงวะวอนเจ็บตัวนี่หว่า” ชายหนุ่มผู้นั้นจึงจับศีรษะของจันและดึงออก หลังจากนั้นเหวี่ยงจันจนล้มกระแทกก้อนหินและกิ่งไม้ที่ยังไม่ดับสนิท แต่ชายหนุ่มยังไม่พอแค่นั้นเขาเดินเข้าไปหาจันและกระทืบซ้ำอีกหลายที ยิวอดรนทนไม่ไหวที่เห็นจันโดนทำร้าย เขาจึงหยิบท่อนไม้ข้างเท้าของเขา หลังจากนั้นยิวเดินไปข้างหลังของชายหนุ่มและฟาดอย่างแรง ชายหนุ่มจึงหยุดกระทืบจันทันที “ไอ้นี่อีกคน”ชายหนุ่มจับท่อนไม้ที่ยิวกำลังฟาดดึงกระชากแล้วขว้างทิ้ง หลังจากนั้นรัวหมัดต่อยยิวอยู่หลายครั้ง จนหัวหน้าขบวนที่เห็นเหตุการณ์เข้ามาห้ามปรามไว้ “หยุด ถ้ายังไม่หยุดทะเลาะกัน พวกมึงก็ออกไปจากขบวนของกูได้เลย” “ก็คนนี้มันขโมยถุงย่ามไปน่ะ”ยิวใช้มือเช็ดปากเพราะมีเลือดไหลออกมา “ไอ้นั้นมันเรื่องของพวกมึงกูไม่สน ตอนนี้กูจะเดินทางแล้ว ถ้ายังชักช้าก็อยู่นี่แหละ” เมื่อชายหนุ่มวัยกลางคนพูดจบเขาก็เดินจากไปในทันที สาเหตุที่ชายหนุ่มวัยกลางคนไม่พูดเรื่องถุงย่าม เพราะเขาก็มีส่วนได้ส่วนเสียเหมือนกัน เพราะหลังจากชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับยิวขโมยมาได้ เขาก็ได้เอาไปซื้อข้าวของเครื่องใช้พร้อมอาหารการกินจนหมดสิ้น เหลือเพียงถุงย่ามเปล่าๆใบเดียวที่ยิวกำไว้อยู่ในมือ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD