บทที่ 14
เป็นแฟนกันเถอะ
“วา วาครับ...น้องวาครับ”
“คะ...คะพี่นัท พี่นัทว่าไงนะคะ” ร่างบางของวารีสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจเมื่อได้ยินเสียงเรียกของชายหนุ่มตรงหน้า เธอมัวแต่เหม่อคิดถึงเรื่องบางเรื่องเลยทำให้ไม่ได้สนใจสิ่งใด จนมารู้ตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงเรียกจากเขานี่แหละ
“เป็นอะไรรึเปล่าครับ พี่เรียกหลายรอบแล้ว มีเรื่องไม่สบายใจรึเปล่าครับ”
“ปะ...เปล่าค่ะ ไม่มีอะไรค่ะ” หญิงสาวเลือกที่จะตอบปฏิเสธและส่งยิ้มบาง ๆ เพราะไม่อยากให้คนตัวโตไม่สบายใจ
เรื่องที่เธอกำลังตีกันจนยุ่งในหัวสมองก็คงไม่พ้นเรื่องในวันนี้ที่เธอมีปากเสียงกับพยัคฆ์ รวมไปถึงการกระทำหยาบช้าของเขามันยิ่งทำให้เธอโมโหอยู่ในใจแต่กลับไม่สามารถทำอะไรได้เลยสักนิด
“ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจวาบอกพี่ได้เลยนะ พี่ไม่รู้ว่าจะช่วยได้มากน้อยแค่ไหน แต่พี่รับฟังได้ อย่าเห็นว่าพี่เป็นคนอื่นเลยนะ”
หญิงสาวสะกดสายตาจดจ้องมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งยังสับสนกับตัวเองว่าควรเรียบเรียงหรือทำอะไรต่อจากนี้ เธอยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปกอบกุมกับมือหนาของเขาเอาไว้หลังจากนั้นก็เอ่ยประโยคหนึ่งออกมาที่ทำให้ร่างสูงตกใจเป็นที่สุด
“คบกันเถอะค่ะ”
“ฮะ” เสียงเข้มร้องขึ้นจนแทบสำลักเมื่อได้ยินคำนั้นจากปากของหญิงสาว แต่สีหน้าและแววตาของเธอกลับไม่ได้ลังเลใจแต่อย่างใด กลับกันมันมีแต่ความหนักแน่นและเด็ดเดี่ยวอยู่เต็มไปหมด
“คบกับวาเถอะค่ะพี่นัท เรามาเป็นแฟนกันเถอะ”
“ฮะ” อีกฝ่ายยังคงเหลอหลาทำหน้าตกใจไม่หาย ไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ในความฝันหรือว่าหญิงสาวตรงหน้าแกล้งเย้าหยอกเขาเล่นกันแน่ถึงได้มาขอคบเป็นแฟนแบบนี้
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะคะพี่นัท”
“คือ...คือพี่ตกใจน่ะ นี่วาแกล้งพี่เล่นรึเปล่าเนี่ย”
“ไม่ได้แกล้งค่ะ วาพูดจริง” วารีพยักหน้าหงึก ๆ เพื่อย้ำชัดกับคำพูดของตัวเอง
เธอไม่ได้พลั้งปากหรือละเมออะไร เธอตั้งใจจะขอเขาคบเป็นแฟนจริง ๆ
“พี่ทำตัวไม่ถูกแล้วนะเนี่ย อยู่ ๆ มีสาวสวยมาขอเป็นแฟนเนี่ย” ชายหนุ่มเกาท้ายทอยเขิน ๆ มือไม้หยิบจับอะไรก็ร่วงหล่นไปหมด ใบหน้าแดงก่ำลามไปจนถึงหูทำให้วารีอดขำออกมาไม่ได้
“ว่าไงคะ คบกันไหม”
“คบสิครับ คบครับ” ใบหน้าหล่อเหลาพยักหน้ารับรัว ๆ ลนลานเอ่ยปากตอบคำถามโดยไม่ต้องใช้เวลาคิดแม้แต่วินาทีเดียว เพราะที่เขาทำอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อตามจีบหญิงสาวทั้งนั้น
“โอเคค่ะ ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เราเป็นแฟนกันแล้วนะคะ อืม...วันนี้วันที่ 12 ก็แปลว่าวันครบรอบของเราทุกเดือนคือวันที่ 12 นะคะพี่นัท” วารีเอ่ยเสร็จสรรพพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างให้กับคนตรงหน้า ซึ่งอีกฝ่ายก็ยิ้มรับบาง ๆ ตอบรับและโอนอ่อนให้เธอกับทุกอย่าง
“พรุ่งนี้ไปกินข้าวกับพ่อกับแม่ของพี่กันนะ พวกท่านอยากเจอวามานานแล้ว”
“อะไรกันคะ คบกันวันเดียวพาไปเจอพ่อแม่เลยเหรอ” วารีเอ่ยปนเสียงขำ ไม่ได้คิดจริงจังกับคำพูดตัวเองเท่าไหร่เพียงแค่อยากหยอกล้อกับแฟนหนุ่มหมาด ๆ ของตัวเองเท่านั้น
“แล้วไม่ได้เหรอครับ” แฟนหนุ่มเมื่อสองนาทียิ้มยียวนอย่างไม่ลดละ พอรู้ว่าหญิงสาวคนนี้แสบแก่นใช่ย่อย เขาเลยต้องปรับตัวรับมือให้ทันกับเด็ก ๆ เสียหน่อย
“ได้ค่ะ วาเองก็อยากเจอพ่อกับแม่ของพี่นัทเหมือนกัน แต่ว่าพรุ่งนี้วาไม่ว่างเลยค่ะต้องไปคุยกับลูกค้า ไว้วันอื่นได้ไหมคะ”
“ได้ครับ วันไหนก็ได้ เอาที่วาสะดวกเลย”
“พี่นัทน่ารักกับวาตลอดเลย อย่าตามใจวาบ่อยสิคะเดี๋ยววาก็เอาแต่ใจแย่หรอก” วารีย่นหน้าใส่จนมือหนาอดที่จะหยิกเบา ๆ ที่แก้มใสของเธอไม่ได้ เธอรู้ตัวดีว่าเป็นคนเอาแต่ใจแค่ไหนยิ่งถูกตามใจบ่อย ๆ แบบนี้อาจจะทำให้เธอกลายเป็นคนนิสัยไม่ดีได้ในอีกไม่ช้า...หรือไม่แน่ตอนนี้ก็อาจจะเป็นแล้วก็ได้
“พี่มีวิธีกำราบเด็กดื้อ วาไม่ต้องห่วงหรอก”
“กำราบแบบไหนคะ คงไม่ได้เอาไม้มาตีแบบคุณครูจอมโหดหรอกใช่ไหม” วารีแสร้งถามอย่างสงสัย รู้ดีว่าลึก ๆ คนตรงหน้าคงไม่คิดจะกำราบเธอด้วยไม้เรียวจริง ๆ หรอก
“ใครจะกล้าตีน้องวาคนสวยล่ะพี่ไม่ทำแบบนั้นหรอก”
“แล้ววิธีกำราบของพี่นัทคืออะไรล่ะคะวาอยากรู้”
“พี่เองก็ยังคิดไม่ออก ไว้รอให้วาดื้อใส่พี่ก่อนแล้วกันนะ”
ทั้งสองคนหัวเราะร่วนในบทสนทนาที่ดูแล้วเข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย ถึงแม้ว่าจะเพิ่งคบหากันเป็นแฟนแต่ก็ไม่ได้ทำให้ทั้งคู่รู้สึกอึดอัดหรือลำบากใจเลยสักนิด
อีกทั้งมันยังเป็นความต้องการของหญิงสาวที่เธอออกปากขอเขาเป็นแฟนด้วยตัวเอง จริงอยู่...ที่เธออาจจะยังไม่ได้รู้สึกกับนัทมากมาย แต่เธอก็คิดว่าอีกไม่นานเขาคนนี้จะทำให้เธอมีความสุขได้
รวมไปถึงในตอนนี้เธอเองก็ต้องการคนข้างกายที่คอยอยู่เคียงข้างเวลาทุกข์ใจ หากเธอมีใครสักคนมาคอยรับฟังปัญหาก็คงทำให้เธอกลายเป็นวารีในเวอร์ชันคลั่งรักอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้พบเจอกับความรู้สึกแบบนี้มานานหลายปี
วันถัดไป
รถยนต์คันหรูขับแล่นมาตามทางโลเคชันที่ลูกค้าได้ส่งมาทางแอปพลิเคชันข้อความ จนกระทั่งเสียงสัญญาณเอ่ยบอกว่าถึงจุดหมายทำให้วารีจอดรถเทียบกับฟุตบาทพลางหันมองรอบ ๆ ด้วยความแปลกใจ
มือเล็กหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมากดดูสถานที่อีกครั้ง ซึ่งมันก็คือที่นี่จริง ๆ แต่ทว่าตึกใหญ่ ๆ ที่อยู่ตรงหน้ากับเป็นสถานบันเทิงชื่อดังที่มีเสียงเพลงดังกระหน่ำออกมา แทนที่จะเป็นสถานที่เงียบ ๆ สำหรับการเจรจาต่อรองในทางธุรกิจ
วารีกดโทรหาลูกค้าคนสำคัญพลางกวาดสายตามองรอบ ๆ เผื่อว่าเธอจะมาผิดทางหรือไม่อุปกรณ์นำทางก็ผิดพลาด จะให้เธอมาคุยกับลูกค้าที่ผับมันก็กระไรอยู่ มีหวังคงคุยกันไม่รู้เรื่องเป็นแน่
“สวัสดีค่ะคุณพร้อม คือวาขับรถมาตามโลเคชันที่คุณพร้อมส่งมาแล้วนะคะ แต่วาเห็นแค่ผับน่ะค่ะไม่รู้ว่าวาขับหลงทางรึเปล่า” ทันทีที่รับสายวารีก็เอ่ยถามออกไปในทันที ไม่รู้ว่าเป็นที่การปักหมุดผิดพลาดหรือตัวเธอเองที่ขับรถหลงทางกันแน่
(ถูกแล้วครับคุณวา เข้ามาด้านในได้เลยครับ)
“คะ? ในผับเหรอคะ”
(ใช่ครับ ผมอยู่ด้านใน เข้ามาได้เลยครับ หน้าประตูจะมีลูกน้องของผมรอต้อนรับอยู่ครับ)
“เอ่อ...ได้ค่ะคุณพร้อม” วารีเอ่ยเสียงแผ่วก่อนจะวางสายไปในที่สุด
เธอหันมองรอบ ๆ และสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ ก่อนจะเดินข้ามฝั่งไปยังสถานบันเทิงที่มีเสียงทุ้มหนัก ๆ ดังกึกก้อง ถึงแม้ว่าจะยังแปลกใจและไม่ได้อยากมาในสถานที่แบบนี้แต่เธอเห็นว่ามันเป็นงาน อีกทั้งเขาคนนี้ยังเป็นลูกค้าคนสำคัญที่ทำยอดให้กับบริษัทมานานหลายปี หากมากเรื่องก็กลัวว่าจะทำให้เสียมิตรภาพกันเปล่า ๆ
“สวัสดีค่ะ ฉันวารีค่ะเป็นแขกของคุณพร้อม” ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปด้านในเสียงเพลงและแสงไฟก็สาดส่องเข้ามาจนถึงกับต้องป้องมือจากระดับสายตา หญิงสาวเอ่ยกับคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าประตู ดูแล้วน่าจะเป็นการ์ดของร้าน เธอเองก็เป็นสายปาร์ตี้ไม่ว่าจะเป็นทั้งในและนอกประเทศก็ตามเก็บที่เด็ด ๆ มาหมดแล้ว แต่นี่มันเป็นการทำงานเลยทำให้รู้สึกแปลก ๆ ชอบกล
“เชิญด้านนี้เลยครับ” ชายร่างท้วมเอ่ยก่อนจะเดินนำเธอเข้าไปด้านในและตรงไปยังชั้นสองที่แบ่งเป็นโซนสำหรับลูกค้าวีไอพี
เธอกวาดสายตามองรอบ ๆ อย่างไม่ไว้ใจนัก นึกหวาดหวั่นแต่ก็ต้องกักเก็บความรู้สึกตัวเองเอาไว้แทนที่ด้วยใบหน้าหยิ่งผยองและมีความมั่นใจประดับอย่างเต็มร้อย จนกระทั่งเธอเดินมาถึงจุดหมายซึ่งก็คือโต๊ะวีไอพีที่ลูกค้าคนสำคัญนั่งรออยู่โดยมีหญิงสาวรูปร่างดีโอบกอดคลอเคลียไม่ห่างจากกาย
พลันเมื่อเห็นหญิงสาวก็ทำให้เขายอมผละตัวออกและส่งสายตาให้ผู้หญิงข้างกายออกไปเพื่อเริ่มต้นการคุยงานสำคัญเสียที
“เชิญนั่งครับคุณวารี”
“เอ่อ...คุณพร้อมคะ เราจะคุยกันที่นี่เหรอคะ” วารีเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ กวาดมองดูรอบ ๆ ก็รู้ว่าที่แห่งนี้ไม่เหมาะกับการนัดคุยงานสำคัญเลยสักนิด
ลึก ๆ ก็หวังว่าเขาคงจะพาเธอไปคุยในห้องส่วนตัวหรือไม่ก็ห้องสักห้องที่ไม่ต้องมีเสียงเพลงดังรบกวนแบบนี้
“คุยที่นี่แหละครับ คุณวาจะได้คิดงานออกไงครับ ธุรกิจของผมเป็นแบบนี้ ผมเลยอยากให้คุยนึกภาพออกว่าเครื่องดื่มแบบไหนที่เหมาะสมกับร้านของผม”
“เอ่อ...ถ้าเป็นเรื่องรสชาติคงต้องคุยกับทางฝ่ายที่เกี่ยวข้องนะคะ วามาที่นี่เพื่อตกลงกันเรื่องราคาและรายละเอียดคร่าว ๆ เท่านั้น”
วารีได้รับมอบหมายให้มาคุยเจรจากับลูกค้าสำคัญ ซึ่งงานหลัก ๆ ของเธอก็คือการแจ้งรายละเอียดรวมไปถึงการดีลราคาที่เห็นพ้องต้องกันทั้งสองฝ่าย เธอเห็นว่าบริษัทของอีกฝ่ายต้องการเครื่องดื่มที่เป็นรสชาติเฉพาะที่มีวางจำหน่ายแค่ในเครือของบริษัทเท่านั้น และถ้าหากถามถึงรายละเอียดที่ลงลึกไปอีกขั้นเธอเองก็คงต้องให้ผู้ที่ทำงานส่วนนี้มาอธิบายแทน
“ยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอกครับ ผมแค่อยากให้คุณวามาดูบรรยากาศเฉย ๆ เผื่อว่าจะได้ไอเดียอะไรใหม่ ๆ ขึ้นมา”
หญิงสาวข่มความหวาดหวั่นเอาไว้ในในใจพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เธออยากจะรีบทำงานตรงหน้าให้เสร็จแล้วทิ้งตัวลงเตียงอย่างที่ต้องการเสียที
“บรรยากาศภายในร้านค่อนข้างมืด กลุ่มลูกค้าส่วนมากก็เป็นวัยทำงานหรือไฮโซกระเป๋าหนัก วาว่าเครื่องดื่มที่จะเหมาะก็คือพวกของมึนเมามากกว่า...” วารีประเมินสถานการณ์คร่าว ๆ ถึงลักษณะของตัวร้านและกลุ่มลูกค้า จริงอยู่ที่ภายในร้านจะมีกลุ่มวัยรุ่นอยู่บ้างแต่เครื่องดื่มมึนเมานั่นย่อมเหมาะสมที่สุดแล้ว
“...อืม แต่งกลิ่นและรสชาติเข้าไปด้วย แต่ไม่ต้องหวานมาก ลองเป็นพวกเสาวรสดีไหมคะน่าจะเหมาะ”
“น่าสนใจดีนะครับ แล้วถ้าผมอยากได้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นกระป๋องด้วยได้ไหม ผมอยากให้มันพกพาได้น่ะ ถ้าเป็นขวดอย่างเดียวกลัวว่าจะไม่สะดวกกับลูกค้าเท่าไหร่”
“ได้สิคะ บริษัทเรามีทุกอย่างที่ลูกค้าต้องการ วาเองก็ทำราคามาของบรรจุภัณฑ์มาแล้วเหมือนกันค่ะ คุณพร้อมลองดูก่อนนะคะ” วารีหยิบข้อมูลเอกสารออกมาจากกระเป๋าที่ทางบริษัทจัดเตรียมไว้ให้ออกมา ซึ่งมันเป็นจังหวะเดียวกันที่พนักงานเสิร์ฟจะเดินเข้ามาพร้อมกับวางแก้วเครื่องดื่มหลากสีตรงหน้าของเธอ
“ก่อนที่จะดูราคาเรามาดื่มกันก่อนนะครับ”
“เอ่อ...คือว่าฉัน...”
“นะครับ...” คำร้องขอของชายตรงหน้าทำให้วารียิ้มรับบาง ๆ แทนคำตอบ เธอเลี่ยงไม่ได้จึงหยิบแก้วเครื่องดื่มขึ้นมาชนเข้ากับแก้วของเขาก่อนจะยกขึ้นดื่มตามมารยาท
เครื่องหลากสีสวยงามที่ดื่มเข้าไปค่อย ๆ ขับกล่อมร่างกายให้มัวเมาทีละนิด เคล้าคลอไปกับเสียงเพลงและแสงไฟที่สาดส่องชวนปวดหัว โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าอีกไม่นานนี้ภัยอันตรายกำลังจะมาเยือน...